อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 215 ใครคือหยวนเป่า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 215 ใครคือหยวนเป่า
ซุนตาอิ้งกับฮองเฮาจ้าวใกล้ชิดกันมากที่สุด
แต่เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา ก็ถูกโม่จงหรานปฏิเสธทันที
ถึงแม้ฮองเฮาจ้าวกับเต๋อเฟยจะมีบุญคุณความแค้นกันมาหลายปี แต่เบื้องหน้าทั้งสองก็ยังพอเข้ากันได้ดีอยู่ และฮองเฮาจ้าวก็กุมอำนาจหกตำหนัก เป็นพระมารดาของสามีเจ้า
กลางวันวันนี้ ก็มีความขัดแย้งทางวาจากับเต๋อเฟยอีก
นางจะไม่ลงมือกับเต๋อเฟย ในเวลาแบบนี้เด็ดขาด
เช่นนี้มันจะชัดเจนเกินไปหน่อยแล้ว!
ถ้าหากฮองเฮาจ้าวอยากจะลงมือ ถ้าหากกล้าลงมือ นางคงทำไปนานแล้ว!
โม่จงหรานสายตามืดมน
เห็นสีหน้าเขาเคร่งขรึม หยุนหว่านหนิงปรับปรุงบรรยากาศด้วยการยิ้มระรื่น ตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ “เสด็จพ่อ อยากจะให้ชีวิตราบรื่น ก็ต้องเรียนรู้ที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้าง”
ทำท่าทาง “เราสองพี่น้องสนิทกัน”
โม่จงหรานทำหน้ารังเกียจ “เอาขาหมูของเจ้าออกไป”
“เสด็จพ่อทรงยอมรับมาเถอะ ว่าพระองค์คือนักกินคนหนึ่ง! มิเช่นนี้ทำไมทันทีที่เอ่ยปากก็คือขาหมูเลยล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงไม่กลัวว่าเขาจะรังเกียจหรอก
โม่จงหราน “ปิดปากหมูของเจ้าไปซะ”
“ดูสิ! ยังจะพูดว่าลูกคือจมูกหมู หัวหมูต่อไปอีกใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงก้าวเข้าไปใกล้อย่างไม่กลัวตาย
พ่อครัวหลวงจังและพ่อครัวหลวงเจี๋ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างตัวสั่นงันงก รวมไปถึง “หวงกงกง” ที่แสร้งนอนตายอยู่บนพื้น หลังจากที่เพิ่งถูกซูปิ่งซ่านลากตัวเข้ามาเมื่อครู่นี้ : พระชายาหมิงท่านนี้ เป็นคนที่ไม่กลัวตายจริง!
“เจ้าก็ค่อนข้างรู้ตัวเองดีนี่”
โม่จงหรานตอกกลับนาง
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้สนใจ “เสด็จพ่อ นี่พระองค์กำลังด่าตัวเองอยู่หรือ?”
“หากลูกเป็นหมู เช่นนั้นลูกชายพระองค์ก็คือหมูเช่นกัน ลูกชายพระองค์เป็นหมูแล้ว เช่นนั้นพระองค์เป็นอะไรล่ะ?”
คำพูดประโยคหนึ่งลากโม่จงหรานเข้าไปด้วย กล่าวออกมาอย่างงุนงง “หมู?”
“ใช่แล้ว!”
หยุนหว่านหนิงปรบมือ
โม่จงหรานถึงได้รู้ตัวภายหลังว่า เขาถึงกับถูกนังหนูนี่ลากเข้าไปพัวพันด้วยแล้ว?
ฝ่ามือของเขาตบไปบนหน้าผากของนาง “เจ้าก็ไสหัวเข้าไป ดูสิว่าเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่ข้าจะจัดการพวกเขาเสร็จ ห้ามออกมา!”
นับตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้คนที่กล้าด่าฮ่องเต้เป็นหมู หยุนหว่านหนิงถือได้ว่าเป็นคนแรก
ที่สำคัญที่สุดคือ ด่าฮ่องเต้ว่าเป็นหมู ยังสามารถถอนตัวออกไปอย่างสิ้นเชิง……
เหตุผลที่หยุนหว่านหนิงกล้าบังอาจเช่นนี้
ประการแรกคือโม่จงหรานตามใจให้ท้ายนาง ประการที่สองคือโม่เยว่บอกแล้วว่าจะปกป้องนาง ส่วนประการที่สาม……
หยวนเป่าก็คือไพ่ตายของนาง!
วันหนึ่งถ้าหากโม่จงหรานไม่ตามใจนางแล้ว จะตัดหัวของนาง นางก็จะพาหยวนเป่าไปอยู่ตรงหน้าเขา ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร!
“เพคะ เสด็จพ่อ”
หยุนหว่านหนิงเอามือไพล่หลัง ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักอย่างใจเย็น
พ่อครัวหลวงจังและพ่อครัวหลวงเจี๋ยรู้สึกประหม่าอย่างมาก
นับตั้งแต่หยุนหว่านหนิงพูดออกมาว่า ตับแกะกับถั่วแดงข่มกัน จะทำให้เกิดพิษแล้ว……
ทั้งสองคนก็รอคอยอย่างกระวนกระวายตลอด รอให้พิษกำเริบ
ตอนนี้เห็นหยุนหว่านหนิงเข้าไปในตำหนักแล้ว พ่อครัวหลวงจังทำใจกล้ากล่าวขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท ขอฝ่าบาทโปรดให้พระชายาหมิง แก้พิษให้พวกบ่าวสองคนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
“แก้พิษอะไรกัน? ไปพบพญายมโดยตรงดีแค่ไหน? ข้าจะได้ไม่ต้องทรมานพวกเจ้าอีกรอบ”
สายตาของโม่จงหรานเย็นชาเล็กน้อย
พ่อครัวหลวงจังหดหัวลง ปิดปากลงอย่างรู้สถานการณ์ คุกเข่าอยู่กันที่พร้อมกับพ่อครัวหลวงเจี๋ยอย่างขมขื่น
“ปลุกเจ้าสุนัขไร้ค่าตัวนี้ให้ตื่นเดี๋ยวนี้”
โม่จงหรานยื่นมือออกไป ชี้ไปที่ “หวงกงกง” ที่แสร้งทำเป็นตายอยู่
น้ำเย็นอ่างหนึ่งสาดลงไป “หวงกงกง” ตื่นขึ้นมาทันที “ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
“ซุนซื่อคือสนมผู้ถูกทอดทิ้ง ข้าไม่สนใจเรื่องของเจ้ากับนาง แต่เรื่องวางยาพิษเต๋อเฟย เจ้าแน่ใจหรือว่าซุนซื่อเป็นคนบงการ? แน่ใจว่าไม่มีใครเกี่ยวข้องอีก?”
ความหมายของเขาคือ คนอื่นๆในห้องเครื่อง เป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่
พ่อครัวหลวงจังและพ่อครัวหลวงเจี๋ยตัวสั่นขึ้นมา มองไปทาง “หวงกงกง” โดยสัญชาตญาณ
กลัวแต่ว่าเขาจะผิดแล้วไม่แก้ไข ลากพวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!
ยังดีที่ “หวงกงกง” เป็นคนมีหลักการ มีมโนธรรมคนหนึ่ง ร้องไห้ฮือๆแล้วกล่าวขึ้นมาทันที “ฝ่าบาท เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของบ่าว ถูกคำพูดของซุนตาอิ้งทำให้เลอะเลือน”
“ถึงได้ตัดสินใจเลือกทางผิด ทำร้ายเต๋อเฟยเหนียงเหนียง!”
“บ่าวรับประกันว่า จะไม่มีครั้งหน้าอีก!”
ความหมายนี้ก็คือ เป็นเพียงการกระทำของเขาคนเดียวเท่านั้น
พ่อครัวหลวงจังและพ่อครัวหลวงเจี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คำถามข้อแรกล่ะ? แน่ใจหรือว่าซุนซื่อเป็นคนบงการให้เจ้าทำเช่นนี้?”
โม่จงหรานรู้สึกว่า เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนี้
“พ่ะย่ะค่ะ ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“หวงกงกง” ไม่เข้าใจว่าคำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร กล่าวตอบอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท เรื่องนี้นอกจากซุนตาอิ้งกับบ่าวแล้ว ไม่มีบุคคลที่สามรู้เรื่องอีก”
“เช่นนั้นมันก็น่าแปลกแล้ว”
โม่จงหรานทำหน้าสงสัย
เขาเงยหน้ามองดู“หวงกงกง” ครู่หนึ่ง กล่าวพึมพำกับตัวเอง “สมองหมูอย่างนาง สามารถรู้ถึงหลักการของอาหารที่ข่มกันด้วยหรือ?”
ตาอิ้งซุนซื่อ ขึ้นชื่อเรื่องความโง่เขลาในวัง
สามารถคิดแผนการเช่นนี้ออกมาได้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่โม่จงหรานจะเกิดความสงสัย
เมื่อครู่นี้หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ก็ตั้งคำถามเช่นกัน ตกลงแล้วซุนตาอิ้งหนีออกมาจากตำหนักเย็นได้อย่างไร?
หลังจากที่เกลือกกลั้วกับ “หวงกงกง” แล้ว กลับเข้าไปในตำหนักเย็นอย่างเงียบเชียบได้อย่างไร ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยหรือ? !
สัญชาตญาณบอกกับโม่จงหรานว่า เรื่องนี้ต้องยังมีอะไรอย่างอื่น ที่เขาคิดไม่ถึงอยู่อีกแน่นอน
“หวงกงกง” ก้มหน้าเอาไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ใจของพ่อครัวหลวงจังกับพ่อครัวหลวงเจี๋ยกระดอนมาถึงลำคอแล้ว “ฝ่าบาท บ่าวรู้สึกว่าบ่าวดูเหมือนกำลังจะตายเพราะพิษกำเริบแล้ว บ่าวรู้สึกไม่สบายอย่างมาก……”
“บ่าวก็เช่นกัน!”
ได้ยินพ่อครัวหลวงจังเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง พ่อครัวหลวงเจี๋ยก็รีบร้อนกล่าวขึ้นมาเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ตายเพราะพิษกำเริบไปเลยแล้วกัน”
โม่จงหรานไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “ทหาร ยกพวกเขาลงไป อย่าลืมไปในสถานที่ที่ร่มและเย็นหน่อย ศพจะได้ไม่เหม็นเน่า”
ซูปิ่งซ่านมองดูท้องฟ้าที่ดำมืดข้างนอกครู่หนึ่ง
“แต่ว่าฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลายามโฉ่วเลย……”
“พวกเขาก็จะไม่หมดลมตายทันทีใช่ไหม?”
โม่จงหรานฮึออกมาเบาๆ “ยกลงไป!”
คำว่า “ยก” คำนี้ ก็แจ่มแจ้งเป็นรูปธรรมมากแล้ว พ่อครัวหลวงจังกับพ่อครัวหลวงเจี๋ยตกใจจนมือเท้าแข็งทื่อไปหมดแล้ว
ทันทีที่ซูปิ่งซ่านโบกมือ ทหารรักษาพระองค์สองสามคนก็เข้ามา ยกพวกเขาสองคนออกไปโดยตรง
“ฝ่าบาท จะให้พวกเขาตายจริงหรือ?”
ซูปิ่งซ่านกล่าวถามอย่างลังเล
“ข้าคือคนที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือ? ให้บทเรียนแก่พวกเขาหน่อยก็พอ พวกเขาจะได้ใส่ใจเรื่องอาหาร วันหน้าจะได้ไม่กล้าให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอีก”
โม่จงหรานเก็บสายตากลับมา “สั่งให้คนส่งยาแก้พิษไป”
ส่วนบรรดาขันทีนางกำนัลและหมัวมัวที่รับใช้ในห้องเครื่อง คืนนี้ก็ถูกโบยโดยไม่มีสาเหตุไป
เชื่อว่าวันหน้า ก็จะจำขึ้นใจ ไม่กล้าเกิดเจตนากบฏใดๆขึ้นมา
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ซูปิ่งซ่านโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หันหลังเดินออกไป
โม่จงหรานถึงได้เดินเข้าไปในตำหนัก
เต๋อเฟยยังไม่ได้สติ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่นั่งเถียงกันอยู่ข้างเตียง
“ข้าอยากให้ท่านกอดหอมยกสูงๆข้าอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่า อะไรคือกอดหอมยกสูงๆกันแน่ ข้าไม่รู้ แล้วข้าจะกอดหอมยกสูงๆเจ้าได้อย่างไร?”
“มันก็คือความหมายตามคำพูดท่านยังไม่เข้าใจอีก?”
“เช่นนั้นอะไรคือองค์หญิงน้อย?”
โม่เยว่มีความทรหดอดทน ท่าทางถ่อมตนขยันเรียนรู้
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน “วันหน้าหยวนเป่าอย่าได้โง่เขลาเหมือนท่านเลย!”
“ถ้าหากโง่เขลาเหมือนท่าน วันหน้าก็จีบสาวไม่ติดแล้ว!”
โม่จงหรานที่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ได้ยินคำว่า “หยวนเป่า” อย่างหูไว กล่าวถามขึ้นมาทันที “ใครคือหยวนเป่า?”