อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 216 ฮ่องเต้เร่งให้มีลูก
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 216 ฮ่องเต้เร่งให้มีลูก
หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ตั้งอกตั้งใจเถียงกันเกินไป ถึงกับไม่ได้สังเกตว่าโม่จงหรานได้เข้ามาแล้ว
ได้ยินคำพูด “ใครคือหยวนเป่า” ประโยคนี้ของเขา ทั้งสองคนราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม……หยุนหว่านหนิงรีบร้อนมองไปมางโม่เยว่ ยื่นมือไปหยิกเขาหนึ่งที “เป็นเพราะท่านคนเดียว!”
ความรู้สึกปิติยินดีนี่!
โม่เยว่รู้สึกเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเหลาขมวดกันเป็นก้อน สายตาสอบถามว่า: ข้าทำไมอีกล่ะ? !
“เป็นเพราะท่านตั้งชื่อนี้ให้กับลูกในอนาคต ไม่เพราะเลยสักนิด!”
หยุนหว่านหนิงออกแรงที่มือ หยิกจนโม่เยว่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง
“ใช่ๆๆ ข้ามันไม่ดีเอง! ชื่อนี้ไม่น่าฟัง เราเปลี่ยนชื่อก็พอ เจ้าอยากให้ลูกชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น!”
เวลานี้เกรงว่าหยุนหว่านหนิงต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า โม่เยว่ก็จะหาวิธีเด็ดมันลงมาให้นาง
ขอเพียงแม่เจ้าประคูนทูนหัวคนนี้ยอมปล่อยมือก็พอ!
เขาเข้าใจความหมายของหยุนหว่านหนิงทันที ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หยุนหว่านหนิงถึงได้ยอมปล่อยมือ แล้วก็นวดให้เขา “เจ็บมากใช่ไหม?”
“เจ้าว่าล่ะ? !”
โม่เยว่เจ็บจนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ ปัดมือของนางออกไป
ผู้หญิงคนนี้ ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ!
เห็นว่าพวกเขาสองคนไม่มีใครตอบคำถาม โม่จงหรานเดินเข้าไปใกล้ กล่าวขึ้นมาอย่างสนใจแต่เรื่องของตนเอง “ที่แท้พวกเจ้าก็กำลังหารือเรื่องลูกในอนาคตอยู่ ชื่ออะไรนะ?”
“ข้ารู้สึกว่า ชื่อหยวนเป่าเป็นชื่อที่ไม่เลวนะ”
เขานั่งลงไปด้านข้าง กล่าวออกมาเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่ “หยวน เป็นสัญลักษณ์ของความพร้อมหน้าพร้อมตา”
“เป่า ก็คือสมบัติล้ำค่าของตระกูลโม่ ของล้ำค่าในฝ่ามือของข้า!”
“ชื่อนี้ ข้าชอบ!”
เห็นเขาไม่ได้เกิดความสงสัย หยุนหว่านหนิงถึงได้โล่งใจอย่างเงียบๆ
โม่เยว่ก็โล่งใจเช่นกัน
ความเจ็บในครั้งนี้ ไม่ได้เปล่าประโยชน์
“แต่ว่า เจ้าเจ็ด หว่านหนิง”
โม่จงหรานมองดูพวกเขาทั้งสองอย่างจริงจัง “พวกเจ้าสองคนแต่งงานกันมาสี่ปี่กว่าแล้ว ข้าคิดว่า พวกเจ้าควรจะมีลูกด้วยกันแล้วใช่ไหม?”
“พวกเจ้ารู้ไหมว่า วันนี้เสด็จแม่ของพวกเจ้าถูกคนหัวเราะเยาะ?”
เผชิญหน้ากับการ “เร่งให้มีลูก” ของเขา หยุนหว่านหนิงก้มหน้ามองดูเท้า โม่เยว่เงยหน้ามองไปทางขื่อคาน
รู้ว่าสองคนนี้ไม่ชอบฟัง โม่จงหรานกล่าวออกมาอย่างจนใจ “ดูเจ้าใหญ่กับเจ้าสามสิ ลูกสาวโตขนาดไหนแล้ว? พวกเจ้าก็ควรต้องพยายามให้มากขึ้นแล้ว!”
“ยังมีพี่รองไม่ใช่หรือ?”
หยุนหว่านหนิงกล่าวพึมพำ
“อย่าไปเทียบกับพี่รองเจ้า! เจ้าสารเลวนั่น ข้าไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขา จะสามารถให้กำเนิดหลานชายให้ข้าโดยเร็วหรอก”
โม่จงหรานโบกมือ สายตาที่รังเกียจไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ “สองสามีภรรยาเอาแต่กินเที่ยวเล่นแสวงหาความสุขใส่ตัวเท่านั้น ทำอะไรก็ไม่จริงจังไปวันๆ ทำข้าปวดหัวเสียจริง”
หยุนหว่านหนิงแสดงออกว่าเห็นด้วย
สองสามีภรรยาโม่ฮั่นอี่ว์ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องกินคืออันดับหนึ่ง
ก็ไม่น่าแปลกใจที่โม่จงหรานจะรู้สึกผิดหวังในตัวพวกเขา
“เพคะเสด็จพ่อ ข้อความเร่งให้มีลูกของพระองค์ถูกส่งมาถึงแล้ว ลูกกับท่านอ๋องจะพยายามให้มากขึ้น”
หยุนหว่านหนิงกล่าวตอบอย่างเชื่อฟัง
“เจ้าไม่กล่าวแย้งข้าแล้ว? เจ้าไม่ต่อรองแล้ว? เจ้าจะให้กำเนิดหลานชายแก่ข้าอย่างตรงไปตรงมาจริงหรือ?”
การเชื่อฟังของนาง ทำให้โม่จงหรานตกตะลึง มองดูนางราวกับไม่รู้จัก “ข้าได้ยินมาว่า เจ้ารู้สึกเอือมระอา ต่อการเร่งให้มีลูกของเต๋อเฟยที่สุดไม่ใช่หรือ?”
“ลูกคิดได้แล้ว”
หยุนหว่านหนิงพิงไหล่ของโม่เยว่ “ในเมื่อเสด็จแม่โดนดูถูกเพราะข้ากับท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นเราก็ต้องพยายามให้มากขึ้น รีบให้กำเนิดหลานชายให้พวกท่านสักคนหนึ่งก็แล้วกัน!”
นางคิดในใจ วันหนึ่งหากพาหยวนเป่ามาอยู่ตรงหน้าพวกเขาโดยตรง……
เห็นหลานชายตัวโตขนาดนี้ สีหน้าท่าทางของโม่จงหรานกับเต๋อเฟย ต้องน่าสนใจมากแน่ใช่ไหม? !
โม่จงหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าวถามด้วยความลังเล “การแสดงออกทางสีหน้านั่นของเจ้า ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันดูแปลกๆล่ะ? เจ้ากำลังวางแผนร้ายอะไรอีกแล้วใช่ไหม?”
“เปล่านะ”
หยุนหว่านหนิงเงยหน้ามองไปทางโม่เยว่ครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“อืม เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว”
โม่เยว่ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก
เพียงแต่ว่ามือซ้าย ยังแอบนวดแขนที่ถูกหยุนหว่านหนิงหยิกเมื่อครู่นี้
เจ็บอ่า……
เห็นโม่เยว่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
โม่จงหรานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเช่นกัน “ควรต้องเป็นเช่นนี้นี่แหละ! ไม่ทะนุถนอมเมียของตัวเอง จะให้ใครมาทะนุถนอม? ผู้ชายอื่นมาทะนุถนอมจะยุ่งเอา!”
เดิมทีนี่คือคำพูดชี้แนะที่จริงใจ แต่กลับทำให้สีหน้าของโม่เยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขานึกถึงคำพูดประโยคนั้นของหยวนเป่า: ท่านลุงซ่งปฏิบัติต่อท่านแม่ อย่างทะนุถนอม และใส่ใจมากกว่าท่าน! หากท่านไม่ทะนุถนอมท่านแม่ข้า ข้าก็จะเปลี่ยนพ่อ!
ปวดใจ เนื้อก็ปวดเช่นกัน
ลูกชายเห็นคนอื่นดีกว่าตนเอง โม่เยว่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
“เสด็จพ่อสั่งสอนถูกต้องแล้ว”
เขาพยักหน้าอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา “วันหน้า ลูกจะทะนุทนอมหว่านหนิงเป็นอย่างดีแน่นอน”
“อืม หัวสมองเปิดกว้างก็ดีแล้ว”
โม่จงหรานสีหน้าท่าทางชื่นใจ
สบตาเข้ากับสายตาที่จริงจังของโม่เยว่ หยุนหว่านหนิงกระแอมไอเบาๆด้วยสีหน้าท่าทางไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย “เสด็จพ่อ คนที่อยู่เบื้องหลังของซุนตาอิ้งเป็นใครกันแน่ พระองค์ทรงมีความคิดเห็นอะไรไหม?”
“เจ้าคิดอย่างไรล่ะ?”
โม่จงหรานถามกลับ
“นี่……”
นางนั่งตัวตรง วางข้อศอกขวาไว้บนเข่า หนุนแก้มเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ลูกไม่กล้าคาดเดาตามอำเภอใจ”
“มีเรื่องที่เจ้าไม่กล้าด้วยหรือ?”
โม่จงหรานเย้ยหยันคำพูดของนาง
นางยิ้มแห้งๆ “พระองค์ก็รู้อยู่ว่า ลูกขี้ขลาดราวกับ…..”
“เสือ”
ก่อนที่คำว่า “หนู” จะออกจากปากของนาง โม่จงหรานก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “คนอื่นคือขี้ขลาดราวกับหนู เจ้าคือขี้ขลาดราวกับเสือ?”
หยุนหว่านหนิงสร้างภาพแสร้งยิ้ม “เสด็จพ่อ พระองค์รู้จักลูกดีเกินไปแล้ว ช่างน่าอายเสียนี่กระไร?”
โม่จงหรานฮึออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“เสด็จพ่อ เช่นนั้นลูกก็จะพูดตามความจริง! ลูกสงสัยว่าเป็นเสด็จแม่”
คำพูดประโยคนี้ โม่จงหรานไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
เขาก็สงสัยฮองเฮาจ้าวเช่นกัน
แต่โม่เยว่ที่อยู่ด้านข้างกลับส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นด้วย”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเป็นใคร?”
หยุนหว่านหนิงหันหน้าไปมองดูเขา
โม่เยว่มองดูนางอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง “เมื่อครู่หลี่หมัวมัวบอกแล้วไม่ใช่หรือ? คนที่มีปากเสียงกับเสด็จแม่ ความจริงคือซูเฟย”
“ท่านก็เลยสงสัยซูเฟย?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว พูดออกมาตามตรงไม่อ้อมค้อม “นางมีความกล้านี้หรือ?”
“เป็นใครกันแน่เราคาดเดากันไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”
โม่เยว่เก็บสายตากลับมา “ต้องหาหลักฐานออกมา”
โม่จงหรานกล่าวถามด้วยความสนใจอย่างมาก “เจ้าเจ็ด เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงก็มองดูเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
ความจริงนางมีแผนในใจแล้ว แต่ไม่ได้พูดออกมาโดยตรง นางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า โม่เยว่คิดแผนการดีๆอะไรได้แล้ว!
“รั้งทัพ รอจังหวะบุกโจมตี”
โม่เยว่กล่าวว่า “ตอนนี้เราอยู่ในที่แจ้งศัตรูอยู่ในที่ลับ”
“ขยับจุดเดียวก็จะส่งกระทบต่อสถานการณ์ทั้งหมด จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น การลงโทษพ่อครัวหลวงหวงในคืนนี้ คิดว่าซุนตาอิ้งจะต้องร้อนใจที่สุดเป็นแน่”
“ในเมื่อซุนตาอิ้งมีปัญญาหนีออกจากตำหนักเย็น ย่อมมีวิธีไปพบกับผู้ที่หนุนหลังนางในเวลาแบบนี้อยู่แล้ว”
ขณะที่พูดไป ริมฝีปากของเขาก็รอยยิ้มมุมโค้งที่เย็นยะเยือกเล็กน้อย
ความหมายของเขา หยุนหว่านหนิงและโม่จงหรานต่างก็เข้าใจแล้ว
“ใช่! แทนที่เราจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างเอิกเกริก ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของซุนตาอิ้งตื่นตกใจ ไม่สู้ไม่ทำอะไรเลยดีกว่า ให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นปรากฏตัวเอง? !”
ต้องบอกว่า วิธีการของโม่เยว่เป็นวิธีที่ดี
คิดเหมือนกันกับนางเลย……
หรือว่านี่ก็คือ: ใจตรงกันในตำนาน?
วิธีการแก้ไขมีมากมายขนาดนั้น พวกเขาสองคนดันคิดเหมือนกัน การสื่อสารไร้สายยังไม่ตรงเท่าพวกเขาเลย!
ถุยๆ นางกับชายปากหมา ใจไม่ตรงกันเลยสักนิด และไม่อยากตรงด้วย!
……
วิธีการของโม่เยว่ถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดี
เพราะแค่สามวัน ซุนตาอิ้งก็นั่งไม่ติดแล้ว
ในตอนที่จับได้ว่านางแอบไปพบกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หยุนหว่านหนิงยังแสดงออกว่าไม่อยากจะเชื่อ!
คนที่แอบนัดพบกับนาง นึกไม่ถึงว่าจะเป็น……นาง? !