อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 220 ต่อยท่านคว่ำในสองหมัด
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 220 ต่อยท่านคว่ำในสองหมัด
เดิมทีหยุนหว่านหนิงคิดว่า เสวียนซันเซียนเซิงจะพูดอะไรที่น่ากลัวออกมา
ใครจะรู้ว่า…… “วันนี้เจ้าขึ้นเขามา ทำไมถึงไม่นำอาหารรสเลิศมาให้ข้าด้วย? ข้าโกรธมาก ผลที่ตามมาร้ายแรงมาก! นี่ก็คือหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ?”
เสวียนซันเซียนเซิงกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
หยุนหว่านหนิง: “……ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะต่อยท่านให้คว่ำในสองหมัด!”
“เจ้าสามารถลองดูได้”
เสวียนซันเซียนเซิงดึงคันเบ็ดขึ้นมาอย่างไม่แยแส
เขาสะบัดคันเบ็ด หยุนหว่านหนิงเพ่งมองอย่างตั้งใจ “เชี่ย! ไม่ใช่มั้ง? ยังมีปลาโง่ติดเบ็ดท่านจริงๆหรือเนี่ย? !”
ปลาโง่สะบัดหางอย่างบ้าคลั่ง สะบัดน้ำมาเต็มหน้านาง เหมือนกับไม่พอใจที่นางด่ามันว่าโง่……
“ไม่ใช่ ตาเฒ่า ท่านบอกข้ามาดีๆ ข้ากำลังจะเกิดหายนะอะไรจริงๆใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงนั่งยองๆลงไปข้างกายของเสวียนซันเซียนเซิง
เพราะคำพูดของซ่งจื่ออวี๋ แล้วก็ฝันร้ายของหยวนเป่า ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด
เหมือนกันว่า กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมา
“ใครคือตาเฒ่า?”
เสวียนซันเซียนเซิงไม่พอใจ งึมงำออกมาคำหนึ่งและกลอกตามองนางครู่หนึ่ง “ข้าเป็นปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัย เจ้าเห็นข้าก็เรียกตาเฒ่า เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมหรือ?”
“ทำไมจะไม่เหมาะสม ลักษณะท่าทางการแต่งกายของท่านก็คือตาเฒ่าตรงทางเข้าหมู่บ้านไม่ใช่หรือ?”
หากไม่ใช่ว่าตอนนี้เป็นกังวลเรื่องฝันร้ายของหยวนเป่าจะกลายเป็นจริง หรือว่านางจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกะทันหันมากกว่า
หยุนหว่านหนิงอยากจะให้เสวียนซันเซียนเซิงเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาให้ดูอย่างหน้าด้านหน้าทนจริงๆ
“เจ้าอย่าถามอะไรข้าเลย วันนี้ข้าไม่อยากจะพูด”
เสวียนซันเซียนเซิงโยนปลาโง่ที่ติดเบ็ดกลับเข้าไปในสระ แล้วก็โยนคันเบ็ดที่ว่างเปล่าลงไปอีก เขานอนลงไปบนก้อนหิน เริ่มหลับตาทำสมาธิแล้ว
ตาเฒ่านี่ยังจะหยิ่งผยองขึ้นมาอีก?
“ซ่งจื่ออวี๋อยู่ที่ไหน? ข้าจะไปหาเขา”
หยุนหว่านหนิงถาม
เสวียนซันเซียนเซิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน สิ่งที่ตอบคำถามของนางคือเสียงกรน
หยุนหว่านหนิง: “……โกรธจริงๆหรือ? เอาล่ะตาเฒ่า ข้ารับรองว่าต่อไปจะไม่เรียกท่านว่าตาเฒ่าแล้ว”
“จริงหรือ?”
เสวียนซันเซียนเซิงลืมตาทั้งคู่ขึ้นเล็กน้อย
“ข้ารับรอง”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง หยิบเนื้อแห้งออกมาจากช่องว่างหนึ่งถุง ฉีกออกช้าๆแล้วกินไปหนึ่งคำ “ข้าได้ยินมาว่า ตาเฒ่าที่มีฟันแข็งแรงล้วนชอบกินเจ้านี่ทั้งนั้น”
จมูกของเสวียนซันเซียนเซิงขยับเล็กน้อย ยื่นมือออกไปหยิบเงียบๆ “เจ้าจะถามอะไร?”
“ท่านไม่ใช่ตาเฒ่า นี่ไม่เหมาะให้คนหนุ่มสาวเช่นท่านกินหรอก”
หยุนหว่านหนิงวางเนื้อแห้งเอาไว้ด้านหลัง “ข้าว่าฟันของท่านก็ไม่ค่อยแข็งแรง กินไม่ได้ ระวังฟันจะหักเอา”
ลมภูเขาพัดโชยมา
กลิ่นหอมของเนื้อแห้งโชยออกมาจากด้านหลังของนาง หอมๆเผ็ดๆทำให้คนอยากอาหาร
เสวียนซันเซียนเซิงกลืนน้ำลาย “ข้ายอมเจ้าแล้ว! ต่อไปเจ้าอยากจะเรียกข้าว่าอะไรก็เรียกอย่างนั้นก็แล้วกัน จะเรียกข้าว่าพ่อ เรียกข้าว่าปู่ข้าก็ไม่ถือสาทั้งนั้น”
นี่ยังจะเอาเปรียบนางอย่างโจ่งแจ้งจริงๆ!
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน “ข้ายังไม่เต็มใจด้วยซ้ำ”
นางยื่นเนื้อแห้งออกไป “ท่านบอกข้ามาก่อน ข้าจะมีหายนะอะไรกันแน่? ข้ากำลังจะตายจริงๆใช่ไหม?”
อย่างไรเสียเสวียนซันเซียนเซิงกับซ่งจื่ออวี๋ก็รู้ความลับของนางอยู่แล้ว
อยู่ต่อหน้าเขา ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง
“ไม่ใช่”
เสวียนซันเซียนเซิงใช้เท้าหนีบคันเบ็ดเอาไว้ เริ่มกินอย่างเต็มที่ “ฝันร้ายของหยวนเป่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นจริง แต่ว่า……”
หยุนหว่านหนิงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
ได้ยินคำว่า “แต่ว่า” นางก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่าอะไร?”
“แต่ว่าเรื่องนี้สามารถควบคุมได้ เจ้าพยายามอย่าให้มันเกิดขึ้นก็พอแล้ว”
เสวียนซันเซียนเซิงจริงจังขึ้นมา หยุนหว่านหนิงยังรู้สึกไม่ค่อยชินเล็กน้อย
คิดว่าคงจะสังเกตเห็นความกังวลของนางเมื่อครู่นี้ ดังนั้นก็เลยจงใจหยอกนางให้บรรยากาศมันครื้นเครงขึ้นมา
“เรื่องนี้ยังสามารถควบคุมได้หรือ? จะควบคุมอย่างไร?”
“นี่ก็คือปัญหาของเจ้าแล้ว เจ้ามาถามข้าทำไมกัน?”
เสวียนซันเซียนเซิงไม่ยินดีแล้ว “เจ้าให้เนื้อแห้งข้าแค่นิดหน่อย ก็อยากจะหลอกถามข้าแล้วหรือ? มีคำกล่าวหนึ่งเจ้าน่าจะรู้ เรียกว่าความลับสวรรค์ไม่สามารถเปิดเผยได้”
ดังนั้นนี่หมายความว่าไม่คิดจะบอกนางใช่ไหม……
หยุนหว่านหนิงแย่งเนื้อแห้งกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านไม่ต้องกินแล้ว ดูสิว่าช่วงนี้ท่านอ้วนขนาดไหนแล้ว”
เสวียนซันเซียนเซิงที่นางเห็นในตอนแรก ยังรู้สึกค่อนข้างมีลักษณะท่าทางของเซียนอยู่เล็กน้อย
ต่อมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินอาหารรสเลิศที่นางทำมากไป หรือเป็นเพราะเสวียนซันเซียนเซิงที่นางจินตการถึง ก็คือบุคลิกที่อยู่ตรงหน้านี้อยู่แล้ว…….
สรุปคือ มองตรงไหนก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ แถมยังมีพุงแล้วด้วย!
ทันทีที่ยื่นมือ นิ้วมือสี่ห้านิ้วก็อ้วนท้วนเช่นกัน ไหนเลยจะมีบุคลิกลักษณะที่โดดเด่นของเซียนอยู่อีก? !
“คำพูดของเจ้าข้าไม่ชอบฟังแล้วนะ”
เสวียนซันเซียนเซิงเห็นนางหันหลังจากไป “นังหนูหนิงหากเจ้าไม่ให้ข้ากินเจ้าอย่าเสียใจภายหลังนะ! วันหน้าเจ้ามาอีก ยัดใส่ปากข้า ข้าก็ไม่กินแล้ว!”
“เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องกิน”
หยุนหว่านหนิงที่โกรธแล้วไร้ความปรานีและเด็ดขาด ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของเขา
เสวียนซันเซียนเซิงส่ายหน้าอย่างจนใจ “นังหนูคนนี้ บทจะโกรธก็โกรธเลย”
เขาเลียไปบนนิ้วมือ ใช้ปลายลิ้นแตะเพดานอย่างยังไม่หายอยาก ทำการ “เซียนไท่กงตกปลา” ของเขาต่อไป
หยุนหว่านหนิงลงจากเขาอย่างรวดเร็ว
ในใจของนางรู้สึกดีใจและกังวลผสมกันไป
สิ่งที่น่าดีใจคือ ความหมายของเสวียนซันเซียนเซิงคือ ฝันร้ายของหยวนเป่าอาจจะไม่เกิดขึ้น ถึงแม้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้ หรือไม่ก็ป้องกันเอาไว้ก่อน
สิ่งที่น่ากังวลคือ เหตุร้ายนี้ยังมีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งหมายความว่าหยวนเป่าก็ยังมีอันตรายอยู่
สาเหตุที่นางลงจากเขาอย่างรวดเร็ว เพียงเพราะเห็นว่าเวลาไม่เช้าแล้ว ต้องรีบไปรับหยวนเป่าที่ตระกูลกู้
เพราะฝันร้ายเมื่อคืนวานนี้ หยวนเป่าพะว้าพะวังกลัวว่าจะสูญเสีย หากเห็นนางไม่มาสักที ก็กลัวว่าลูกชายจะเป็นกังวล
ถึงอย่างไรกับเสวียนซันเซียนเซิง ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจอยู่แล้ว
ลงจากเขา หยุนหว่านหนิงหันกลับมามองภูเขาหยุนอู้ที่สูงตระหง่านครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขี่ม้าจากไปเลย
……
กลับไปถึงจวนอ๋อง ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
โม่เยว่ยืนกอดอก รอนางกลับมาอยู่หน้าประตู
“ท่านกำลังรอข้าอยู่หรือ?”
หยุนหว่านหนิงพลิกตัวลงหลังจากม้า หายใจหอบ
เพราะวิ่งเร็วมาตลอดทาง เส้นผมของนางดูกระเซิงเล็กน้อย แก้มแดงระเรื่อ บ่าวรับใช้รีบร้อนจูงม้าออกไป โม่เยว่มองดูนางอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง “ไปไหนมา?”
“มีธุระหรือ”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างกระชับและรัดกุม “ไปเถอะ รับลูกชายกัน”
นางอยากจะไปรับหยวนเป่าเองตามลำพัง แต่ตอนเช้าลูกชายกำชับเอาไว้โดยเฉพาะ ให้นางกับพ่อเก๊ของเขาไปรับพร้อมกัน……
“ข้ารอเจ้านานมากแล้ว”
จู่ๆโม่เยว่ก็กล่าวขึ้นมา
หยุนหว่านหนิงหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ “แล้วอย่างไร?”
นางนึกสงสัยในใจ โม่เยว่รอนางนานมาก ตอนนี้คืออยากจะตำหนินางอย่างแรงหรือ?
ใครจะรู้ว่า โม่เยว่กระแอมไอเบาๆพร้อมกับเบนสายตาออกไป ระงับความกังวลในดวงตาเอาไว้ “ข้ากลัวว่าเจ้าจะถูกโจรลักพาตัวไป วรยุทธกระจอกๆของเจ้า หากสู้ไม่ได้ ข้าก็ขาดทุนมหาศาลไม่ใช่หรือ?”
หรูโม่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะอู้อี้ในลำคอ
นายท่านเป็นห่วงพระชายา หาที่ไหนก็หานางไม่เจอแท้ๆ
ขาดไปแค่สั่งการให้พวกเขา พลิกเมืองหลวงกลับหัวกลับหางแล้วเท่านั้น!
แต่ดันไม่ยอมบอกพระชายา
ดูสิว่าเขาหยิ่งทะนงขนาดไหน!
“โม่เยว่ท่านไม่เคยคาดหวังว่าข้าจะอยู่ดีเลย!”
หยุนหว่านหนิงถลึงตาอย่างเย็นชา จ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ครู่หนึ่ง “ท่านสาปแช่งให้ข้าไปตายทุกวันเลยใช่ไหม? แช่งให้ข้าถูกโจรลักพาตัว ไปเป็นฮูหยินของหัวหน้าโจร?”
“จากนั้นท่านก็จะได้รับคนรักที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันของท่าน เข้าจวนอ๋องอย่างถูกหลักทำนองคลองธรรมใช่ไหม? !”
วันนี้นางอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นนิสัยก็ไม่ดีด้วย
โม่เยว่อ้าปาก แต่กลับไม่สามารถอธิบายออกมาได้
หัวข้อสนทนาเรื่องคนรักที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันนี้ เกรงว่าคงไม่มีวันหลีกเลี่ยงไปได้แล้ว คิดว่าคงจะกลายเป็นโรคร้ายในใจของหยุนหว่านหนิงไปแล้ว
เขาถอนหายใจเงียบๆเฮือกหนึ่ง
“ทำไม? ถูกข้าพูดแทงใจดำ ตอบไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน ทำท่าทางจะจากไป
ใครจะรู้ว่าเวลานี้ จู่ๆนางก็ถูกโม่เยว่ขวางเอาไว้ “หยุดนะ!”
เขายกมือขึ้นมา ยื่นมาทางใบหน้าของนาง……