อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 24 แรงจูงใจของนางไม่บริสุทธิ์
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 24 แรงจูงใจของนางไม่บริสุทธิ์
“น้องรอง ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีใช่ไหม”
หยุนหว่านหนิงระงับความโกรธที่อยู่ในดวงตา นั่งลงบนที่นั่งด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่ได้ยินว่าน้องรองมา ข้ายังนึกว่า ข้าได้ยินผิดไปเสียอีก”
เดิมทีหยุนติงหลานคิดจะนั่งลงไปโดยตรง
แต่ได้ยินนางใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วย “ข้า” ที่เป็นพระชายา……
นี่คือ ยกฐานะพระชายาหมิงมาข่มนางหรือ? !
“ดูความจำของข้านี่ ลืมไปได้ไงว่าท่านพี่มีฐานะเป็นพระชายาหมิงผู้มีเกียรตินานแล้ว ช่างน่าตีจริงๆ!”
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เดินเข้ามาสองก้าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้อมทักทายนางอย่างเคารพนบนอบ “น้องสาวน้อมทักทายพระชายา”
เห็นดังนั้น สายตาของหยุนหว่านหนิงอดที่จะเป็นประกายแวบขึ้นมาครู่หนึ่งไม่ได้
หยุนติงหลานคนนี้ อยู่ในระดับที่เหนือกว่าฉินซื่อเสวียจริงๆ!
นึกย้อนไปถึงคืนที่ฉินซื่อเสวียมาที่จวนอ๋อง ดีร้ายยังสามารถเห็นนางเปลี่ยนสีหน้า
แต่ว่าหยุนติงหลานคนนี้ กลับอดกลั้นได้ดีเช่นนี้!
หยุนหว่านหนิงมีใจระมัดระวังนางเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“น้องรองจะถือตัวเองเป็นคนนอกเช่นนี้ทำไม? เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องแท้ๆเชียวนะ!”
นางให้ที่นั่งด้วยรอยยิ้ม สั่งให้บ่าวเปลี่ยนชาร้อนมาใหม่ ถึงได้เงยหน้ามองไปทางนาง “ไม่รู้ว่าน้องรองมาวันนี้ มีเรื่องอันใดหรือไม่?”
หยุนติงหลานมองพิจารณานางอย่างเงียบๆ
เดิมทีนึกว่า หยุนหว่านหนิงถูกโม่เยว่ฆ่าตายไปนานแล้ว
สี่ปีมานี้ จวนอ๋องหมิงประกาศต่อภายนอกว่า “พระชายาหมิงไม่สบายต้องการพักผ่อนอย่างสงบ” ดังนั้นสี่ปีมานี้นางไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
แต่ว่า นี่ก็แค่การประกาศต่อภายนอกเท่านั้น
จวนยิ่งกั๋วกงจะไม่รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ข้างในได้อย่างไร? !
หยุนติงหลานและคนอื่นๆคาดเดากันว่า หยุนหว่านหนิงตายด้วยน้ำมือของโม่เยว่นานแล้ว
อย่างไรเสีย นางทำเรื่องที่กระตุ้นให้เขาโกรธไปมากมายขนาดนั้น ต้องหนีไม่รอดอย่างแน่นอน!
ถึงแม้จะไม่ตาย เกรงว่าคงจะถูกทรมานจนไม่เหลือสภาพนานแล้ว
ใครจะรู้ว่าวันนี้ได้เห็น นางเปล่งประกายเจิดจ้า งดงามกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วเสียอีก หน้าตาสดใสมีราศีจนทำให้ไม่อาจละสายตาได้!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? !
ท่านพ่อหยั่งถามอย่างชัดเจนนานแล้ว เต๋อเฟยเหนียงเหนียง ท่านอ๋องกับองค์หญิงเก้าต่างก็เกลียดนางทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อสี่ปีก่อน ถึงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับหยุนหว่านหนิง……
หยุนติงหลานปกปิดความในใจเอาไว้อย่างดี
แต่ก็ยังไม่รอดพ้นจากสายตาทั้งคู่ของหยุนหว่านหนิง
“น้องรองกำลังคิดอะไรอยู่?”
นางยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่พบกันสี่ปี น้องรองสดใสและดึงดูดสายตาผู้คนมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก แวบแรกตอนที่เห็นเมื่อครู่นี้ ข้าถึงกับจำเจ้าไม่ได้เลย”
“ท่านพี่ชมเกินไปแล้ว”
หยุนติงหลานได้สติกลับมา กล่าวถามขึ้นมาราวกับไม่ตั้งใจ “ท่านอ๋องยังไม่กลับจากประชุมเช้าใช่ไหม?”
ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว เพียงแค่คำพูดหยั่งเชิงประโยคเดียว หยุนหว่านหนิงก็เดาเจตนาการมาของนางได้แล้ว
คิดว่า คงได้ยินว่านางได้ยกเลิกการกักบริเวณแล้ว ดังนั้นก็เลยมาหยั่งเชิงดูล่ะมั้ง?
“อืม”
หยุนหว่านหนิงยกถ้วยชาขึ้นมา เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย “ไม่ได้พบกันสี่ปี ไม่รู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง? หลายปีมานี้ ข้ามักจะคิดถึงพวกเจ้าอยู่บ่อยๆ เสียดายที่ไม่สบายจึงไม่สามารถกลับไปเยี่ยนเยียนได้ ช่างน่าเสียดายจริงๆเลย”
“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง สุขภาพของท่านพ่อกับท่านแม่แข็งแรงมาก”
หยุนติงหลานยิ้มเย้ยหยันในใจ
เห็นได้ชัดว่าถูกท่านอ๋องกักบริเวณ ไม่สามารถออกไปได้แท้ๆ
กลับบอกว่าสุขภาพไม่ดี……
อยู่ต่อหน้านาง แสร้งทำเป็นสูงส่งอะไรกัน!
“ในเมื่อตอนนี้อาการของท่านพี่ดีขึ้นแล้ว ก็สามารถกลับไปเยี่ยมเยียนจวนกั๋วกงบ่อยๆ เลี่ยงหลีกไม่ให้คนอื่นเอาแต่คาดเดาว่า เหตุใดจวนกั๋วกงกับจวนอ๋องหมิงถึงไม่ไปมาหาสู่กัน”
นางกล่าวขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น “เกรงว่าท่านพี่ยังไม่ทราบ ตอนที่ท่านพี่แต่งงานมาจวนอ๋อง”
“โจวอี๋เหนียงก็ให้กำเนิดลูกชายกับท่านพ่อ น้องชายคนสุดท้องของเรา ตอนนี้เพิ่งจะอายุสี่ขวบเอง!”
หยุนติงหลานจงใจคุยเรื่องสัพเพเหระ พยายามเข้าใกล้กับหยุนหว่านหนิง
น่าเสียดาย ที่นางไม่ปฏิบัติตาม
“ใช่ไง! เพราะข้าป่วยไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถกลับไปเยี่ยมเยียนจวนกั๋วกงได้ ไม่รู้ว่าคนของจวนกั๋วกง…..ก็ป่วยกันทั้งหมดหรืออย่างไร สี่ปีมานี้ถึงไม่เคยมาเยี่ยมข้าสักครั้งเดียว”
หยุนหว่านหนิงดึงสิ่งที่ปกปิดความอัปยศอดสูออกอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“คนที่ไม่รู้ ยังนึกว่าคนของจวนกั๋วกงประจบสอพลอผู้ที่อยู่สูงกดขี่ข่มเหงผู้ที่ด้อยกว่า นึกว่าข้าไม่รับความโปรดปราน ท่านอ๋องไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงรีบร้อนตัดความสัมพันธ์กับข้าเสียอีก”
พูดไป นางก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเบาๆ “ดีที่วันนี้น้องสาวมาแล้ว”
“จะได้หักล้างคำนินทาของพวกที่ชอบนินทาลับหลังไม่ใช่หรือ?”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาของนาง ทำให้หยุนติงหลานหน้าแดงไปถึงหู
ตบหน้าไปหนึ่งฉาก แล้วก็ให้พุทรานางหนึ่งเม็ด กลับทำให้หยุนติงหลานไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
หยุนหว่านหนิงก็ไม่ถือสาการนิ่งเงียบของนาง เพียงแค่กล่าวต่อไปว่า “ว่ากันว่าญาติมิตรต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ถึงจะสนิทสนมกัน! ดังนั้นวันหน้า จวนกั๋วกงกับจวนอ๋อง ต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆแล้ว”
“จะได้ไม่ถูกคนติฉินนินทา”
หยุนติงหลานแอบเลียแข้งเลียขาใครอยู่ หยุนหว่านหนิงใช่ว่าจะไม่รู้
มิเช่นนั้น ก็ไม่ถึงกับตอนนี้อายุเกินสิบเก้าแล้ว ยังรอให้คนคนนั้นรับปากแต่งงานกับนาง
และจวนอ๋องหมิง อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคนคนนั้นพอดี
หากว่าจวนกั๋วกงกับจวนอ๋องหมิงไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จะต้องถูกคนคนนั้นคาดเดาด้วยความสงสัยอย่างแน่นอน
หยุนหว่านหนิงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พ่อเฒ่าที่อุทิศตนเลี้ยงดูลูกคนอื่นท่านนี้ จะตัดสันใจอย่างไรกันแน่!
สีหน้าของหยุนติงหลานอับอาย ยิ้มแห้งๆแล้วตอบว่า “ท่านพี่พูดถูกแล้ว! เราคือครอบครัวเดียวกัน คนในครอบครัวย่อมสมควรไปมาหาสู่กันบ่อยๆถึงจะถูก”
“ใช่แล้ว ที่น้องมาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
ดูเหมือนจะนึกเจตนาที่นางมาได้ หยุนติงหลานรีบร้อนเงยหน้าขึ้นมา “อีกหนึ่งเดือน ก็จะถึงวันเกิดของท่านพ่อแล้ว”
“ท่านพ่อตั้งใจให้ข้ามาเชิญท่านพี่กับท่านอ๋องโดยเฉพาะ ถึงเวลานั้นกลับไปพบปะสังสรรค์อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันที่จวนกั๋วกง”
หยุนหว่านหนิงอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันแน่ ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากเดิมจากโม่เยว่หรือไม่……
แค่ชั่วครู่ชั่วยาม ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในงานเลี้ยงวันเกิดของหยุนเจิ้นซง ดวงตามากมายจับจ้องเอาไว้ จะต้องเห็นเบาะแสอย่างแน่นอน!
ในดวงตาของหยุนติงหลานมีประกายความมืดมิดแวบผ่านไปเล็กน้อย
“ในเมื่อเป็นวันเกิดของท่านพ่อ ข้ากับท่านอ๋องย่อมสมควรกลับไปอวยพรวันเกิดให้กับท่านพ่ออยู่แล้ว เจ้ากลับไปบอกท่านพ่อ ถึงเวลานั้นข้าจะต้องเตรียมสร้างความประหลาดใจให้เขาอย่างแน่นอน!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนหว่านหนิง มีความหมายลึกซึ้ง
ร่างเดิมคือคุณหนูใหญ่ลูกสาวภรรยาเอก แต่ได้รับความโปรดปรานไม่เท่าหยุนติงหลานที่เป็นลูกสาวของอนุภรรยาคนนี้
สาเหตุที่นางไม่ได้รับความโปรดปรานจากหยุนเจิ้นซง ก็เป็นเพราะว่าเมื่อหลายปีก่อน ไปล่วงรู้ความลับอย่างหนึ่งของเขาเข้า
ความลับนี้หากถูกเปิดเผยออกมา เกรงว่าจะทำให้จวนยิ่งกั๋วกงเกิดความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว……
ในใจของหยุนติงหลาน “เต้นตึกตักขึ้นมา” รู้สึกว่ารอยยิ้มของนางมีความไม่หวังดีอยู่เล็กน้อย รีบร้อนวางถ้วยชาลงแล้วลุกยืนขึ้นมา “ท่านพี่ ข้ายังมีธุระ”
“ไม่รบกวนท่านพี่แล้ว! นำคำพูดของท่านพ่อมาแล้ว ข้าก็ขอตัวลาก่อนแล้ว”
วันนี้หยุนหว่านหนิงคนนี้มีความผิดปกติเล็กน้อย
หยุนติงหลานรู้สึกอยู่ตลอดว่า ถ้าหากว่าอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ไม่พบกันสี่ปี ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้นางคาดเดาไม่ถูก
ระวังตัวเอาไว้หน่อยดีกว่า
“น้องสาวจะรีบร้อนทำไม? นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว ไม่สู้อยู่ทานอาหารกลางวันกันก่อนแล้วค่อยกลับไปดีไหม?”
หยุนหว่านหนิงรั้งให้อยู่ต่ออย่าง “กระตือรือร้น” ขณะที่พูดไป ก็เดินไปที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่พร้อมกับหยุนติงหลานไปด้วย “ไม่ง่ายกว่าจะได้เจอเจ้าสักครั้ง ข้ายังมีคำพูดมากมายอยากจะคุยเจ้าอยู่เลย”
นางยิ่งกระตือรือร้น ในใจของหยุนติงหลานก็ยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น
ก็ยิ่งอยากจะจากไปอย่างทนรอไม่ไหว จึงรีบร้อนโบกมือ “วันหน้าข้าค่อยมาเยี่ยนท่านพี่แล้วกัน!”
ทั้งสองกำลังฉุดรั้งกันอยู่ที่หน้าประตู ไม่ไกลออกไปก็มีเสียงทุ้มลึกดังมาแล้ว “วันนี้มีแขกมาเยือนถึงที่ได้?”