อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 245 พบกับไทเฮา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 245 พบกับไทเฮา!
ตำหนักสิงกงห่างไกลจากเมืองหลวง คืนนี้หยุนหว่านหนิงกลับไม่ทันหรอก
ตอนเช้ากว่าจะได้รับอนุญาตจากหยวนเป่า คืนนี้ให้เขาเข้านอนพร้อมกับพ่อเก๊จของเขา หยุนหว่านหนิงอยากจะกลับเร็วๆ แต่ก็อยากจะรีบเจอไทเฮามากๆ
ในความทรงจําของนาง ไม้ฮาเหมือนกับคุณย่าแท้ๆของนางเลย
พอลงจากทางหลัก ก็เป็นทางเล็กๆ สามารถบรรจุรถม้าคันเดียวได้เท่านั้น
ระหว่างทางเหน็ดเหนื่อยมาก
ในที่สุดก็ถึงตำหนักสิงกงในช่วงประมาณยามไฮ่
ไทเฮาไม่รู้ว่าหยุนหว่านหนิงจะมา จนกว่าประตูของตำหนักสิงกงถูกเคาะ องครักษ์ที่เฝ้าประตูวังเห็นว่าคนที่มาเป็นหยุนหว่านหนิง……ก็รีบไปแจ้งหวางหมัวมัวที่อยู่ข้างๆของไทเฮา
เดิมทีหวางหมัวมัวก็นอนหลับไปแล้ว
ได้ข่าวว่าหยุนหว่านหนิงมา ก็ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างประหลาดใจ
เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป กระดุมบริเวณหน้าอกยังติดผิดไปหนึ่งเม็ด
หวางหมัวมัวมาถึงหน้าประตูด้วย”การแต่งกายที่ไม่เป็นระเบียบ” และพูดว่า”พระชายาหมิง?พระชายาหมิงจริงด้วย!”
“หวางหมัวมัว”
หยุนหว่านหนิงยิ้มและเรียกนางทีหนึ่ง
หวางหมัวมัวตื่นเต้นจนน้ำตาไหลลง รีบจับมือของนางเข้าไปในประตู”ไม่ได้เจอมาหลายปี รู้สึกว่าพระชายาผอมลงเยอะเลย!ถ้าไทเฮาเห็น คงต้องเจ็บใจเลย!”
“ไทเฮานอนหรือยัง?”
หยุนหว่านหนิงถามด้วยเสียงสะอึก
เดิมทีนึกว่าถึงแม้ไทเฮาถือเป็นกูหน่ายนาย(พี่น้องของคุณปู่)ของเจ้าของร่างเดิม แต่น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อนาง
แต่พอเห็นหวางหมัวมัวร้องไห้ น้ำตาของนางก็ไหลลงอย่างบังคับไม่ได้
“นอนแล้ว นอนแล้วเพคะ!”
หวางหมัวมัวเช็ดน้ำตา และรีบเช็ดน้ำตาให้หยุนหว่านหนิง”พระชายาอย่าร้องไห้เลยเพคะ!พระชายามาตำหนักสิงกงแต่ไกล ไทเฮารู้แล้วจะต้องดีใจแน่ๆเพคะ!”
“คืนนี้ท่านพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้เช้าก็ไปพบไทเฮาเลยเพคะ”
หวางหมัวมัวดูหยุนหว่านหนิงเติบโตมากับตา
ชีวิตนางไม่มีลูกชายและลูกสาว ไทเฮาโปรดปรานหยุนหว่านหนิง หวางหมัวมัวก็รักใคร่นางจริงๆ
“ได้”
หยุนหว่านหนิงพูดไปด้วย น้ำตาคลออยู่ในตา
คืนนี้นอนไม่หลับเลย
คืนนี้นางไม่เพียงแต่คิดถึงหยวนเป่ามากๆ ยังได้จัดเรียงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมรอบหนึ่ง เพิ่งหลับตาลง ท้องฟ้าก็สว่างเล็กน้อยแล้ว
ตอนที่ถูกหรูเยียนปลุกขึ้นมา ก็ถึงเที่ยงวันแล้ว
“พระชายา ตอนนี้ไทเฮากำลังเดินอยู่ที่สวนเพคะ”
หรูเยียนพูดเบาๆ”หวางหมัวมัวอยู่ข้างๆ คิดว่าน่าจะยังไม่ได้บอกไทเฮาเรื่องที่พระชายามาถึงตำหนักสิงกงเพคะ”
“หวางหมัวมัวน่าจะอยากให้ไทเฮาประหลากใจ”
หยุนหว่านหนิงรีบตื่นมาแต่งเนื้อแต่งตัว
นางยังไม่ทันได้รับประทานอาหารเช้า ก็รีบไปที่สวน
มีสาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่ทางเข้าสวน เห็นนางมาถึงรีบพูดด้วยเสียงเบา”พระชายาเพคะ หวางหมัวมัวสั่งให้บ่าวรอพระชายาที่นี่เพคะ”
“ตอนที่พระชายาไปพบไทเฮา ให้นำอันนี้ไปด้วยเพคะ”
นางยื่นถาดในมือให้หยุนหว่านหนิง
ภายในถาด เป็นน้ำชากาหนึ่ง
หยุนหว่านหนิงรู้ความหมายของหวางหมัวมัวทันที
นางถือน้ำชาและก้มหน้าเดินเข้าไปในสวน หรูเยียนติดตามอย่างใกล้ชิด
ยังเดินไม่ถึงที่สิ้นสุด ก็เห็นว่าหวางหมัวมัวกำลังชมดอกไม้อยู่กับไทเฮา
หวางหมัวมัวรู้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าหยุนหว่านหนิงมา ถึงแม้ตอนนี้อยู่กับไทเฮา แต่ใจของนางไม่ได้อยู่ในสวน มองข้างหลังของไทเฮาด้วยความรอคอย
จนกว่าเห็นว่าหยุนหว่านหนิงก้มหน้าและถือน้ำชาเดินเข้าใกล้มา……
หวางหมัวมัวถอนหายใจลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มใจและตื่นเต้น
นางพยายามระงับความตื่นเต้นบนสีหน้า และพูดกับไทเฮาว่า”ไทเฮาเพคะ เดินมานานขนาดนี้แล้ว ท่านเหนื่อยแน่ๆเลยใช่ไหม?”
“นั่งพักผ่อนก่อนเถอะ”
“ได้”
ไทเฮากู้พยักหน้า ปล่อยให้หวางหมัวมัวประคองนางนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างๆ
“นำน้ำชาขึ้นมาเสิร์ฟที”
ฟังอย่างตั้งใจยังสามารถได้ยินความตื่นเต้นในน้ำเสียงของหวางหมัวมัว
ไทเฮากู้มองนางทีหนึ่งด้วยความสงสัย”ซูยิง เจ้าเป็นไรหรื”
ชื่อจริงของหวางหมัวมัวคือหวางซูยิง
เป็นสาวใช้ที่รับใช้ไทเฮากู้ตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ราวกับพี่น้อง
“ไม่เป็นไรเพคะ ไทเฮาหิวน้ำแล้วใช่ไหม?”
หวางหมัวมัวรับกาน้ำชามาจากมือของหยุนหว่านหนิง แล้วเทน้ำชาแก้วหนึ่งให้ไทเฮากู้”ไทเฮาลองชิมชาแก้วนี้สิ ต้องหอมและหวานกว่าปกติแน่ๆเพคะ”
หยุนหว่านหนิงก้มหน้ายืนอยู่ข้างๆของไทเฮากู้ มองไม่เห็นใบหน้า
ทันใดนั้น ไทเฮากู้ก็จำนางไม่ได้
“เป็นเพราะเหตุใดล่ะ?เปลี่ยนชาหรือ?”
ไทเฮากู้รับแก้วน้ำชามาด้วยความสงสัย
หวางหมัวมัวยิ้มอย่างลึกลับ อุบไว้ก่อน”ไทเฮาลองชิมรสชาติก่อนเพคะ”
ไทเฮากู้ค่อยๆจิบอึกหนึ่ง”อืม รสชาติใช้ได้!แต่ความหอมหวานที่เจ้าว่านั้น ข้าชิมออกมาไม่ได้ หอมหวานตรงไหนล่ะ”
ระหว่างที่พูด นางมองไปทางหยุนหว่านหนิงและหรูเยียนที่อยู่ข้างหลังของนาง
เห็นแต่หยุนหว่านหนิงก้มหน้าไว้……
ยังไงก็เป็นคนที่อยู่ในวังหลังมาหลายๆปีแล้ว ถึงแม้ไทเฮากู้รักษาโรคในตำหนักสิงกงมานาน
ดูไม่แตกต่างจากคนแก่ทั่วไป แต่พอดูอย่างละเอียด กาลเวลาเหมือนใจดีต่อนาง ใบหน้าของนางไม่ค่อยมีร่องรอยอะไรมาก
แต่ในดวงตาที่ฉลาดคู่นั้น มีความแหลมคมบางอย่างปรากฏ
“ทำไมเมื่อก่อนข้าไม่เคยเจอสาวสองคนนี้เลย?”
นางถามหวางหมัวมัว
“เมื่อกี้บ่าวพูดว่า น้ำชาของวันนี้หวานกว่าปกติ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเปลี่ยนชา แต่เป็นเพราะว่า……เป็นคนเสิ์รฟน้ำชาไง
หวางหมัวมัวยิ้มอย่างงดงาม
“เป็นเพราะเหตุใดล่ะ?”
ไทเฮากู้เลิกคิ้ว พอมองไปอีกครั้งหนึ่ง……หยุนหว่านหนิงก็เงยหน้าขึ้นมา”ไทเฮาเพคะ!”
“เจ้าคือ หนิงเอ๋อร์หรือ?!”
เนื่องจากตกใจเกินไป แก้วน้ำชาในมือของไทเฮากู้ตกลงพื้น นางรีบลุกขึ้นมา มองหยุนหว่านหนิงด้วยความเหลือเชื่อ สังเกตไปรอบๆ……
“ข้าคือหนิงเอ๋อร์เพคะ!”
หยุนหว่านหนิงคุกเข่าทำความเคารพ”ทรงพระเจริญไทเฮาเพคะ”
“อุ้ย”
ไทเฮากู้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ร้องไห้ขึ้นมาทันที และดึงนางเจ้าในอ้อมอก”หนิงเอ๋อร์จริงด้วย!ข้ายังนึกว่า เจ้าถูกเยว่เอ๋อร์ทรมานมาหลายปี เสียชีวิตไปนานแล้ว……”
ครั้งก่อนที่กลับวัง เป็นครึ่งปีก่อน
ตอนนั้นนางเจอโม่เยว่ ไอ้เหี้ยนั่นกลับพูดว่าหยุนหว่านหนิงใกล้ตาย!
ไทเฮากู้สั่งให้คนไปตรวจสอบข่าว กลับได้รับข่าวว่าพระชายาหมิงป่วยหนัก คงใกล้จะเสียชีวิตแล้ว
ดังนั้นนางเสียใจมาก เลยออกจากวังอีกครั้งหนึ่ง
ใครจะไปรู้ว่า วันนี้กลับได้เจอหยุนหว่านหนิงในตำหนักสิงกง?!
เห็นไทเฮากู้ร้องไห้อย่างเสียใจขนาดนี้ หวางหมัวมัวก็ร้องไห้ตาม
ความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมที่เหลือไว้ และพฤติกรรมของพวดนาง ส่งผลกระทบต่อหยุนหว่านหนิง ทำให้นางร้องไห้ตาม”ไทเฮา ข้าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเพคะ!”
เห็นเช่นนี้ หรูเยียนก็น้ำตาไหลตาม
“ไม่เป็นไรก็พอ!”
ไทเฮากู้ร้องสะอึกสะอื้น และดึงหยุนหว่านหนิงขึ้นมา”ให้ข้ามองดูดีๆหน่อยสิ”
นางสังเกตหยุนหว่านหนิงอย่างละเอียด นานมากถึงพูดว่า”ผอมลง!ผอมลงเยอะเลยนะ!”
เมื่อเทียบกับสี่ปีก่อน หยุนหว่านหนิงผอมลงจริงๆ
แต่นี่ไม่ใช่เป็นเพราะว่านางถูกกักตัวอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง ประสบ”ทุกข์ทรมาร”ในสี่ปีนี้จนเป็นเช่นนี้
มีช่องว่างอยู่ สี่ปีนี้นางไม่ได้ลำบากอะไรเลย
แค่นางรู้สึกว่า หยุนหว่านหนิงในเมื่อก่อน……อ้วนไปหน่อย
ผอมลงหน่อยสวยกว่า!
ดังนั้นเลยลดความอ้วนโดยเฉพาะ!
ไทเฮากู้ไม่รู้ความจริง มีแต่ต้องถามด้วยเสียงสะอึก”ตกลงไอ้เยว่เอ๋อร์ได้ทรมานเจ้ายังไง?บอกข้ามาสิ ข้าจะสั่งให้คนไปจับเขามาทันที และต่อยเขารอบหนึ่งเพื่อระบายให้เจ้า!”