อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 252 เสด็จพ่อ ทรงหลอกหม่อมฉัน
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 252 เสด็จพ่อ ทรงหลอกหม่อมฉัน
“ขอรับ”
หรูโม่พยักหน้าตอบ “ระยะนี้ฝ่าบาทเหน็ดเหนื่อยพระวรกายและพระราชหฤทัย จึงวางแผนเสด็จไปปลีกวิเวกที่ตำหนักสิงกง”
“ทำไมถึงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายและพระราชหฤทัยได้ล่ะ”
โม่เยว่เลิกคิ้ว
“ฮองเฮากับเต๋อเฟยเหนียงเหนียงมีเรื่องขัดแย้งกัน ฝ่าบาทอยู่ตรงกลางลำบากพระทัย แล้วยังเพราะคดีเรื่องค่ายห้ากองพลอีก อ๋องฉู่กับอ๋องฮั่นก็ไม่เอาไหน ฝ่าบาทก็เลยท้อแท้พ่ะย่ะค่ะ”
หรูโม่กลั้นขำอย่างหนัก
โม่เยว่ “อ้อ” เท้าคางอ่านฎีกาที่อยู่ตรงหน้า
ตอนที่โม่จงหรานออกจากวัง พาซูปิ่งซ่านไปแค่คนเดียว
แม้เขาจะกระดี๊กระด๊าวิ่งออกจากห้องทรงพระอักษร แต่ในวังกลับไม่รู้ข่าวที่ทรงออกจากวังหลวง
พอหรูโม่เห็นท่าทางหน้าหงิกของนายบ้านตนแล้ว ก็อดถามขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ท่านกำลังห่วงเรื่องที่คุณชายน้อยจะถูกฝ่าบาทพบเข้าหรือขอรับ”
“อื่ม”
โม่เยว่เงยหน้า ถอนหายใจหนัก
เขาคิดหนักมาตลอดว่าควรบอกการมีตัวตนของหยวนเป่ากับโม่จงหรานหรือไม่
ครั้งนี้ที่ไทเฮากู้กล่าวมาก็มีเหตุผล
เรื่องนี้ปิดได้แค่ชั่วคราว แต่จะปิดตลอดชีวิตไม่ได้!
เมื่อถึงเวลา หยวนเป่าต้องปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าผู้คนแน่ และพอถึงตอนนั้นก็จะเกิดเป็นคลื่นลมใหญ่อีก
สองวันนี้เขากำลังครุ่นคิดอยู่กับเรื่องนี้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เสด็จพ่อจะเสด็จไปตำหนักสิงกง…สำหรับโม่เยว่แล้ว นี่ราวกับสวรรค์ทำการเลือกแทนเขา
ถ้าเสด็จพ่อทรงพบการมีตัวตนของหยวนเป่าเอง ก็ไม่นับว่าเขาเลือก และไม่นับว่าเขาพาหยวนเป่าไปพบเขาเอง
ดังนั้นทั้งหมดนี้ก็แล้วแต่สวรรค์เถอะ!
โม่จงหรานเพิ่งจากไปไม่นาน ก็มีคนมาจากตำหนักคุนหนิง
บอกว่าฮองเฮาจ้าวไม่สบาย เชิญฝ่าบาทไปทอดพระเนตรหน่อย
ขณะเดียวกัน ก็มีคนมาจากตำหนักหย่งโซ่วด้วย
บอกว่าเต๋อเฟยไม่สบาย เชิญฝ่าบาทไปทอดพระเนตรหน่อย
โม่เยว่ปวดหัว
โม่จงหรานไม่ใช่หมอหลวงสักหน่อย แต่ละคนพอป่วยแล้วไม่เชิญหมอหลวง แต่กลับเชิญเสด็จพ่อ หรือว่าเสด็จพ่อเสด็จไปแล้วจะรักษาพวกนางได้อย่างนั้นหรือ!
เมื่อพบว่าโม่จงหรานไม่อยู่ ข้ารับใช้สองตำหนักจึงถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างกับเป็นศัตรู จากนั้นก็เชิดหน้าจากไป
ฝ่าบาทไม่อยู่ยังดี
ไม่ได้ไปตำหนักของอีกฝ่าย ตำหนักคุนหนิงและตำหนักหย่งโซ่วนับว่าเสมอกัน
ไม่มีใครแพ้ และไม่มีใครชนะ
หรูโม่เดาะลิ้น “มิน่าล่ะ ฝ่าบาทถึงเสด็จหนีราวกับหนีขุมเพลิง ร้อนรนออกจากเมืองหลวงอย่างนี้! ที่แท้พระคุณสาวงาม ผู้ใดก็ใช่จะอดทนได้!”
“ฮองเฮาสู้รบตบมือกับเต๋อเฟยเหนียงเหนียงหลายปี ทำไมยังไม่เบื่อลูกไม้แย่งชิงความโปรดปรานนี้สักทีนะ”
ถึงทั้งสองคนจะรบรากันมาหลายปี แต่เต๋อเฟยแทบเป็นผู้กำชัยทั้งหมด
ดังนั้นหรูโม่จึงรู้สึกสะท้อนใจ
ทันใดนั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรขึ้นได้ “นายท่าน ต่อไปหากท่านแต่งพระชายารอง…กลางคืนพระชายากับพระชายารองเปิดศึกชิงสวาทกันขึ้นมา ข้าน้อยคิดว่า พระชายาต้องผลักท่านออกไปอย่างไม่ลังเลแน่นอนขอรับ”
เพราะจนถึงตอนนี้ เมื่ออยู่ในเรือนชิงหยิ่ง นายบ้านตนไม่มีความสำคัญสักนิด!
พระชายากับคุณชายน้อย ต่างไม่ออกตัวรั้งตัวเขานอนด้วย
มีเพียงคุณชายน้อยที่จะแสดงเมตตาเป็นคนกลางให้บางครั้ง นอกนั้นต่อให้นายท่านทำตัวน่ารัก ใช้ลูกไม้ต่างๆ นานาอย่างหน้าด้านไร้ยางอายอย่างไร พระชายาก็ไม่ชายตามองเขามากอีกสักสายตา
เรื่องชิงรักหักสวาทนี่…
“เมื่อกี้ข้าน้อยพูดผิดไปขอรับ พระชายาจะไม่แย่งชิงความรักกับพระชายารองแน่นอน”
โม่เยว่รู้สึกเพียงปวดใจเล็กน้อย “…ไสหัวออกไป!”
“นายท่าน เช่นนั้นภายภาคหน้าจะแต่งพระชายารองหรือไม่ขอรับ”
หรูโม่ย่อมไม่ไสหัวอยู่แล้ว แต่หัวเราะฮี่ๆ เสนอหน้าพูดอยู่ตรงหน้าเขา “ช่วงก่อนพระยาชายังกล่าวอยู่เลย”
“ช่วงนี้นายท่านแปลกๆ สงสัยว่าจะเป็นเพราะความหนุ่มแน่นมีกำลังเต็มเปี่ยม อัดอั้นความเร่าร้อน!”
“ดังนั้นจึงวางแผนจะมองตัวเลือกพระชายารองสักสองสามคน หรือไม่ก็เลือกอี๋เหนียง สาวใช้ห้องข้าง สักสองสามคน ปรนนิบัตินายท่านระบายความเร่าร้อน”
เพิ่งกล่าวจบ โม่เยว่ก็คว้าฎีกาที่อยู่ข้างมือขว้างใส่หน้าเขา
“เชื่อหรือไม่ ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
เมื่อนั้นหรูโม่จึงพลิกตัวออกไปนอกหน้าต่าง
หลังจากเขาไปแล้ว โม่เยว่ก็จมจ่อมอยู่กับความคิด
เรื่องที่หรูโม่พูดก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หยุนหว่านหนิง นางหญิงไร้มโนธรรม ต้องไม่ชิงรักหักสวาทเพื่อเขาแน่…
ชายารอง?
อี๋เหนียงสาวใช้ห้องข้าง?
ไม่มี!
เขาโม่เยว่ ชาตินี้สามารถกำราบหยุนหว่านหนิงผู้หญิงคนนี้ได้ก็เก่งแล้ว ไหนเลยจะมีใจพัวพันกับผู้หญิงอื่นอีก
เขาจะไม่แต่งชายารอง ไม่รับอี๋เหนียง ไม่มีสาวใช้ห้องข้างเด็ดขาด!
ปัญหาในตอนนี้คือ เขายังกำราบหยุนหว่านหนิงไม่ได้…
ดึกดื่นเงียบสงัด โม่เยว่อยู่จมจ่อมอยู่กับความคิดในห้องทรงพระอักษร
ไม่ใช่เพราะเรื่องในราชสำนัก แต่กำลังคิดว่าจะชนะใจหยุนหว่านหนิงอย่างไร!
…
พอโม่จงหรานออกจากประตูเมือง ก็รู้สึกว่าอากาศนอกเมืองสดชื่นไปหมด เขา ‘หนี’ ออกจากวังหลวงที่เป็นกรงขังนี้ทั้งคืน ไม่สนใจการทัดทานของซูปิ่งซ่าน จะตั้งกระโจมอยู่ในป่านอกเมืองให้ได้
แม้จะบอกว่ามีองครักษ์คุ้มครองอยู่ทางลับไม่น้อย แต่ซูปิ่งซ่านก็ยังอกสั่นขวัญแขวน
บรรพบุรุษท่านนี้!
นี่ท่านทำเพื่ออะไร!
พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางจะดีแค่ไหน
หรือไม่ก็เร่งอีกหน่อย ข้ามเขาลูกนี้ไปก็คือตำบลเล็กๆ แล้ว พักที่โรงเตี๊ยมสักคืนก็ได้!
องครักษ์ตั้งกระโจมเรียบร้อยแล้ว โม่จงหรานกระโดดลงมาจากหลังม้า…
เพื่อให้เขาดูเหมือนว่ายังหนุ่ม จึงไม่ได้ให้ซูปิ่งซ่านประคอง
ขณะที่กระโดดลงมาอย่างสง่างาม ก็หวิดถูกก้อนหินทำให้เท้าแพลง ใบหน้าชราของโม่จงหรานแดงซ่าน
“ฝ่าบาท หากมีคนเห็นพระองค์ จะอันตรายมากนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ซูปิ่งซ่านกระวนกระวาย
“ข้าไม่ได้สลักคำว่าฮ่องเต้ไว้ที่หน้าผากสักหน่อย ใครจะรู้ว่าเป็นเจิ้น(*สรรพนามเรียกแทนตนเองของฮ่องเต้)”
เขารีบเปลี่ยนคำพูด “ใครจะรู้ว่าเป็นข้า”
ซูปิ่งซ่านมองชุดมังกรเหลืองอร่ามทีหนึ่ง อึกๆ อักๆ “พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดมังกรอยู่เลย…”
สีนี้ ลายอย่างนี้ นอกจากฮ่องเต้แล้วใครจะกล้าใส่!
โทษหนักประหารเก้าชั่วโคตรเชียวนะ!
โม่จงหรานก้มหน้ามองทีหนึ่ง พลันเปลี่ยนสีหน้า “ไอ้หยา! วันนี้ตอนออกจากวังตื่นเต้นไปหน่อย ลืมเปลี่ยนชุดมังกรแล้วค่อยออกจากวังเสียได้!”
ซูปิ่งซ่าน “…”
เขาก้มหน้ากลั้นขำ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงเสด็จเข้าราชรถเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
นับแต่โบราณจักรพรรดิมักขี้ระแวง และเป็น ‘โรคคิดฟุ้งซ่านว่าจะถูกทำร้าย’ หนักด้วย
ขณะที่กำลังหลับอุตุอยู่ในป่า จู่ๆ โม่จงหรานก็ตื่นขึ้นมายามดึก จะเร่งเดินทางไปตำหนักสิงกงให้ได้
ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องเดินทางต่อ และเข้าประตูตำหนักสิงกงในตอนเย็นของวันถัดมา
เวลานี้ ไทเฮากู้กำลังพาหยวนเป่าไปเดินเล่นที่ตำหนักสิงกง
หยุนหว่านหนิงกำลังบดยาให้ไทเฮากู้อยู่ พอได้ยินว่าโม่จงหรานมา…นางก็นึกถึงหยวนเป่าทันที ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก!
เดิมคิดแอบออกไป ให้ไทเฮากู้กับหยวนเป่ายังไม่ต้องกลับมา
ไหนเลยจะรู้ พอเดินถึงปากประตู ก็ถูกโม่จงหรานขวางเอาไว้
“นังหนูหนิง นี่เจ้าจะไปที่ไหนหรือ”
ตายแล้ว!
หยุนหว่านหนิงสะดุ้งในใจ ยิ้มเลิ่กลั่ก “ได้ยินว่าเสด็จพ่อหลอกท่านอ๋องบ้านหม่อมฉันกลับไป นึกว่ามีเรื่องสำคัญอะไร”
“ที่แท้เสด็จพ่อก็อยากอู้งาน ก็เลยหลอกโอรสของพระองค์!”
โม่จงหรานถูกเปิดโปง “ข้าหลอกเขาตั้งแต่เมื่อไร ข้าบ่มเพาะเขาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งต่างหาก!”
หยุนหว่านหนิง “…อย่าทรงตรัสไปเรื่อยเลยเพคะ!”
โม่จงหรานเริ่มสีมือเตรียมตีคน “ข้ายอมให้เจ้ามากเกินไปใช่ไหม! นังเด็กนี่พอเห็นข้าแล้ว ปากสุนัขพ่นงาช้างออกมาไม่ได้จริงๆ!”
หยุนหว่านหนิงจะเถียงตามสัญชาตญาณ
ใครจะรู้ว่าตอนนี้เอง…
ได้ยินเสียงเด็กน้อยดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว!”