อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 253 หลานชายคนโตของข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 253 หลานชายคนโตของข้า
ใบหน้าหยุนหว่านหนิงแข็งทื่อทันที!
คราวนี้ตายแน่ๆ แล้ว!
เห็นชัดว่าโม่จงหรานก็ได้ยิน ‘ท่านแม่’ เสียงนี้เหมือนกัน ซูปิ่งซ่านแคะหูด้วยความสับสน “ซูปิ่งซ่าน เมื่อกี้เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่”
“บ่าวได้ยินเสียงเด็กเรียกว่าท่านแม่พ่ะย่ะค่ะ”
ซูปิ่งซ่านรีบตอบ
“อื่ม ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน!”
โม่จงหรานพยักหน้า กล่าวราวกับมีความคิด “ท่านแม่? เจ้าก้อนแป้งนั่นเรียกใครว่าแม่น่ะ”
ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยน เขามองหยุนหว่านหนิงด้วยสายตาประหลาด…
“เสด็จพ่อ มอง มองหม่อมฉันอย่างนี้ทำไมเพคะ”
หยุนหว่านหนิงที่ปากคอเราะรายในยามปกติ เวลานี้พูดตะกุกตะกักราวกับลิ้นแข็งแล้ว สายตาเริ่มล่อกแล่ก ไม่กล้าสบตากับโม่จงหราน
“หว่านหนิง เมื่อกี้เจ้าก็ได้ยินใช่หรือไม่”
โม่จงหรานจ้องนางเขม็ง
ทีแรกยังคิดว่าเขาจะพูดว่าอะไร…
แต่พอถ้อยคำที่เขาพูดในเหมี่ยวต่อมา หยุนหว่านหนิงเกือบจะตกใจอ้าปากหวอ!
ได้ยินเพียงเขากล่าวอย่างมีความคิด “ท่านแม่? เจ้ากับเยว่เอ๋อร์ยังไม่มีลูก! หรือว่าเสด็จแม่ประทับรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักสิงกงหลายปีนี้ ทรงมีน้องชายให้ข้าหรือ!”
หยุนหว่านหนิงแทบกระอักเลือดชราออกมา!
ทำไมเมื่อก่อนนางถึงไม่ยักรู้ โม่จงหรานจะมีจินตนาการบรรเจิดถึงเพียงนี้!
ไทเฮากู้อายุหกเจ็ดสิบแล้วนะ แถมยังเป็นไทเฮาในปัจจุบันด้วย จะไปมีเจ้าก้อนแป้งกับคนอื่นได้อย่างไร!
“ฟังเสียงเจ้าก้อนแป้งแล้ว น่าจะประมาณสามขวบ เสด็จแม่รักษาตัวอยู่ที่ตำหนักสิงกงสี่ปี ถ้าทรงมีเจ้าก้อนแป้งให้ข้าจริง…”
โม่จงหรานเท้าคาง วิเคราะห์อย่างจริงจัง “เวลาสอดคล้องกันพอดี!”
หยุนหว่านหนิง “…”
นางไม่ยอมใคร แต่ต้องยอมให้กับจินตนาการของโม่จงหรานนี่แหละ!
ดูท่าจินตนาการของบุตรชายบ้านตน จะไม่ได้รับมาจากโม่เยว่ แต่ได้มาจากเสด็จปู่ของเขานี่เอง!
“พอแล้วเพคะเสด็จพ่อ!”
นางฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว อดกลอกตาให้ความคิดเพ้อเจ้อของโม่จงหรานไม่ได้ “เจ้าก้อนแป้งนั่นไม่ใช่พระอนุชาของพระองค์เพคะ”
“เป็นพระนัดดาของพระองค์ต่างหาก”
นางแบไต๋แล้ว
“อะไรนะ! ข้ามีหลานชายเมื่อไร”
โม่จงหรานขมวดคิ้วมุ่น กวาดตามองหยุนหว่านหนิงบนๆ ล่างๆ “หรือว่าที่เจ้ากับเยว่เอ๋อร์อยู่ตำหนักสิงกงครึ่งเดือนนี้ ก็เพื่อคลอดหลายชายให้ข้า!”
ว่าแล้วเขาก็หัวเราะขึ้นเองก่อน
หัวเราะไปหัวเราะมาน้ำตาก็เล็ด หน้าคว่ำหน้าหงายหยัดตัวตรงไม่ได้ “เจ้าเห็นข้าแก่ โง่งมไปแล้วหรือ!”
เนื่องจากไทเฮากู้เดินช้า และหยวนเป่าก็เด็ดดอกไม้ป่าข้างทาง
ดังนั้นพอทั้งสองเข้าประตูมา จึงได้เห็นโม่จงหรานกำลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
พอไทเฮากู้เห็นโม่จงหรานก็ตกใจ “ฮ่องเต้?!”
โม่จงหรานหยุดหัวเราะทันที คำนับไทเฮากู้ด้วยความเคารพนอบน้อม “หม่อมฉันถวายพระพรเสด็จแม่”
พอเห็นโม่จงหรานที่ทำตัวใหญ่โตวางก้ามในยามปกติ ตอนนี้เจอไทเฮากู้ก็กลายเป็นเด็กสามขวบที่เห็นมารดาของตน ทั้งเคารพนบนอบทั้งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยในเวลานี้แล้ว
หยุนหว่านหนิงก็หัวเราะ
“เสด็จย่า เสด็จพ่อมิทรงเชื่อว่าหยวนเป่าคือพระนัดดาของพระองค์ เสด็จย่าช่วยอธิบายหน่อยเถอะเพคะ ”
หยวนเป่ากระโดดโลดเต้นเข้ามาใกล้ ยื่นดอกไม้ป่าในมือให้นาง “ท่านแม่ นี่คือดอกไม้ที่ข้ากับท่านย่าทวดเก็บมา”
“ให้ท่านแม่!”
ตำหนักสิงกงมีดอกไม้ป่าเต็มไปหมด และหยวนเป่าก็เป็นเด็กน้อย
ดังนั้นดอกไม้ป่านี่จึงไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบ เป็นช่อยุ่งเหยิงไปหมด…
หยุนหว่านหนิงรับมา ทั้งประทับใจทั้งดีใจ จุ๊บหยวนเป่าแรงๆ ทีหนึ่ง “ขอบใจเจ้าลูกชาย! เจ้าเก่งมาก!”
“มาลูกรัก โขกศีรษะให้เสด็จปู่ของเจ้า”
หยุนหว่านหนิงยื่นมือ หรูเยียนที่อยู่ด้านหลังคล้ายเตรียมตัวก่อนแล้ว รับดอกไม้ป่าทันที
นางจูงหยวนเป่าคุกเข่า “หม่อมฉันมีความผิด เสด็จพ่อโปรดอภัยให้ด้วยเพคะ”
หยวนเป่าเป็นเด็กดีคุกเข่าอยู่ข้างตัวนาง “หลานคารวะเสด็จปู่! ขอให้เสด็จปู่มีวาสนาเท่าฟ้า อายุยืนยาวร้อยปี! ยิ้มแย้มแจ่มใส! กินอะไรก็อร่อย ร่างกายสุดยอด…”
อวยพรไปอวยพรมาก็ออกทะเลไปแล้ว
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเบาๆ เมื่อนั้นหยวนเป่าจึงหยุดปาก เงยหน้าเรียบร้อยมองโม่จงหราน
โม่จงหรานในเวลานี้ อึ้งงันไปโดยสมบูรณ์
อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ว่าเดินทางไกลพันลี้จากเมืองหลวงมายังตำหนักสิงกง เพิ่งเข้าประตูมา หยุนหว่านหนิงก็มอบความประหลาดใจชิ้นโตให้เขาแล้ว!
ครั้นเห็นเขายังนิ่งอยู่ ไทเฮากู้ก็หัวเราะน้อยๆ
นางหยิกเขาเบาๆ “อย่างไร ฮ่องเต้ดีใจจนอึ้งไปแล้วหรือ”
“คงไม่เป็นลมกระมัง”
ไทเฮากู้พูดแม่น
ความประหลาดใจนี้มากเกินไปจริงๆ โม่จงหรานยังไม่ทันได้หายใจก็ล้มตึงลงไปแล้ว
“ฝ่าบาท!”
ซูปิ่งซ่านตกใจร้องเสียงหนึ่ง เข้าไปรับเขาตามจิตใต้สำนึก
ไหนเลยจะรู้ เขามีกำลังไม่พอ ดังนั้นทั้งสองจึงล้มลงกับพื้นด้วยกัน
โม่จงหรานไม่ได้เป็นลมไป เพียงแต่ข่าวนี้ระทึกใจมากเกินไปเท่านั้น…ที่ล้มเมื่อกี้ กลับทำให้เขาได้สติคืนมาไม่น้อย
เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืนเองโดยไม่ได้ให้ซูปิ่งซ่านประคอง
มองหยวนเป่าตัวเล็กๆ คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตน เงยหน้าใสซื่อบริสุทธิ์…
ท่าทางน่ารักจนแทบอยากอดเอาไว้ในอก หอมแรงๆ หลายๆ ที!
หยวนเป่าเรียบร้อย“เสด็จปู่ ทรงเป็นอะไรไปหรือ”
โม่จงหรานสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วจึงค้นหาเสียงของตัวเองกลับมา “นี่ๆๆๆ นี่คือลูกของเจ้าเจ็ดกับหว่านหนิงหรือ!”
“นี่คือหลานชายคนโตของข้า!”
องค์จักรพรรดิที่อยู่สูง บุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่มีสองในยามปกติ กลับมื้อไม้พัลวันอย่างยิ่งในยามนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับหยวนเป่าที่ดวงตาโตแบ่งขาวดำชัด ใสแววทอประกาย…
มือไม้เขาอยู่ไม่เป็นสุข
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”
ไทเฮากู้มองเขาอย่างนึกขัน
โม่จงหรานจ้องหยวนป่าดวงตาไม่กะพริบ เห็นเด็กน้อยคนนี้เหมือนโม่เยว่แปดส่วน แต่พอดูดีๆ ก็คล้ายจะเหมือนหยุนหว่านหนิงแปดส่วนเหมือนกัน
ขัดแย้งจังเลย!
นอกจากจะขัดแย้งแล้ว ยังสอดคล้องกับเหตุผลปานปาฏิหาริย์ด้วย ไม่มีความแปลกแยกแม้แต่นิดเดียว!
ไม่ต้องพูดมาก เด็กนี่เป็นสายเลือดของโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงร้อยส่วน!
เพียงแต่เจ้าบัดซบทั้งสอง เด็กโตขนาดนี้แล้ว เขากลับยังถูกครอบอยู่ในกะลา?!
โม่จงหรานทำหน้าขึง หวิดจะล้มไปอีกรอบ
เขาหยิกตัวเองแรงๆ แล้วจึงเอ่ยเสียงสั่น “เจ้าก้อนแป้ง เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“หยวนเป่า!”
หยวนเป่าตอบเสียงใส “หยุนเสี่ยวหยวน! หยุนของหยุนเสี่ยวหยวน เสี่ยวของหยุนเสี่ยวหยวน หยวนของหยุนเสี่ยวหยวน!”
โม่จงหราน “…เด็กนี่พูดจาชัดถ้อยชัดคำ สมองไว การแสดงออกก็ชัดเจน! สมกับที่เป็นหลานชายของข้า สมกับที่เป็นสายเลือดตระกูลโม่!”
หยุนหว่านหนิง “…”
เสด็จพ่อยกยอตัวเองเก่งจริงๆ!
ไม่ได้ยินหรือ หยวนเป่าบอกว่าเขาแซ่หยุน
หาทางลงให้ตัวเองเก่งจริง!
โม่จงหรานตื่นเต้นจนปากสั่น รีบสั่งพวกซูปิ่งซ่าน “เจ้าคนเลอะเลือนฝูงนี้! ยังไม่รีบเอาเบาะกลมมาให้หลานชายข้าอีก!”
แม้เขาอยากฉุดหยวนเป่าลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ไม่ให้เขาคุกเข่ากับพื้นเย็นเฉียบ
แต่หยวนเป่าพบเขาเป็นครั้งแรก ต้องคำนับกราบไหว้เต็มรูปแบบจริงๆ
ซูปิ่งซ่าน “อ้อ” อย่างความรู้สึกช้า เพิ่งจะวิ่งไปก็ย้อนกลับมาอีก กระทำการที่ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากตาค้าง