อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 26 กลอุบายยุแยงตะแคงรั่ว
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 26 กลอุบายยุแยงตะแคงรั่ว
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของนาง ริมฝีปากของหยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย
“พี่ก็แค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น อย่างไรเสียเราสองพี่น้องก็เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พี่น้องผูกพันลึกซึ้ง”
สองสามคำตอนท้าย นางเน้นเสียงอย่างแรง
หยุนติงหลานใจเต้นตึกตักขึ้นมา รีบเบนสายตาออกไป
“เรื่องของเจ้า ข้าย่อมต้องใส่ใจเป็นธรรมดา! ตอนนี้เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว หากไม่รีบหาคนที่เหมาะสมอีก เกรงว่าจะถูกคนตำหนิลับหลังได้”
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจออกมา กล่าวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
“ท่านพี่กล่าวถูกแล้ว ขอบคุณท่านพี่มากที่เป็นห่วง”
หยุนติงหลานจิบน้ำชาไปหนึ่งคำ รู้สึกแต่เพียงว่าน้ำชานี้ไม่น่าสนใจเลยสักนิด
นิ้วชี้ข้างขวาของหยุนหว่านหนิง เคาะไปบนโต๊ะเบาๆ “ใช่แล้ว เมื่อเร็วๆนี้ในเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?”
หยุนติงหลานถูกดึงดูดเอาไว้แล้ว อดที่จะวางถ้วยชาลงไม่ได้
“ไม่ทราบว่าสิ่งที่ท่านพี่พูด คือเรื่องอะไร?”
“ได้ยินมาว่า ท่านอ๋องหยิงจะรับสนม พระชายาหยิงไม่ยอม เพราะเรื่องนี้ ทั้งสองคนยังได้ทะเลาะกันอีกด้วย!”
หยุนหว่านหนิงกล่าวออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย
“รับสนม?”
สายตาของหยุนติงหลานประกายแวบขึ้นมา “ทำไมข้าถึงไม่รู้?”
“เจ้าไม่รู้หรือ? เช่นนั้นก็น่าแปลกแล้ว! แม้แต่ข้ากับท่านอ๋องก็ได้ยินแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่รู้ล่ะ? ข้าได้ยินมาว่า ท่านพ่อกับท่านอ๋องหยิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด คิดว่าพวกเจ้าน่าจะรู้นานแล้วเสียอีก”
พูดไป หยุนหว่านหนิงก็เก็บนิ้วมือกลับ
ยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าเบาๆ “เจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆของข้า คิดว่าคงจะไม่แพร่ข่าวออกไปหรอกใช่ไหม?”
ในใจของหยุนติงหลานกำลังรู้สึกไม่สบายใจ
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนาง ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอเป็นพิธีเล็กน้อย “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
ท่านอ๋องหยิงจะรับสนม? !
ข่าวนี้ ทำให้หยุนติงหลานตกตะลึงอย่างมากจริงๆ
เพราะว่า นางแอบมีความสัมพันธ์กับโม่หุยเฟิงนานแล้ว!
ฉินซื่อเสวียมีนิสัยชอบเอาชนะ ครอบครองโม่หุยเฟิงเอาไว้ไม่ยอมให้เขาแต่งงานรับพระชายารอง และก็ไม่ยอมให้เขารับสนม บวกกับ ตอนนี้อำนาจของตระกูลฉินอยู่เหนือกว่าตระกูลหยุน
หยุนเจิ้นซง ก็ไม่กล้าท้าทายจวนเฉินเซี่ยงเช่นกัน
ดังนั้น เรื่องของหยุนติงหลานกับโม่หุยเฟิง จึงปิดบังเอาไว้ไม่กล้าให้ฉินซื่อเสวียรู้
นางเคยพยายามหยั่งเชิง บีบบังคับโม่หุยเฟิงเป็นการส่วนตัวนับครั้งถ้วน
แต่เขาก็พูดเพียงว่าจะแต่งงานกันนางในฐานะพระชายารอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ยอมรับปากอีก
เขาไม่รักฉินซื่อเสวีย แต่กลับรักอำนาจของตระกูลฉิน
ดังนั้น เก็บฉินซื่อเสวียเอาไว้ยังมีประโยชน์
เพื่อเรื่องนี้ ในใจของหยุนติงหลานรู้สึกหงุดหงิดไปนานพักใหญ่ ตอนนี้ได้ยินหยุนหว่านหนิงพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่กลับต้องฝืนทนอดกลั้นเอาไว้ไม่กล้าให้นางสังเกตเห็นได้แม้แต่น้อย
“จะให้ข้าพูดนะ ท่านอ๋องหยิงคนนี้ก็เกินไปจริงๆ!”
หยุนหว่านหนิงมองไปที่นางครู่หนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
เห็นนางกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ข้อต่อกระดูกนิ้วมือก็ซีดขาวไปแล้ว คิดว่าในใจคงโกรธสุดขีด แต่กลับไม่สามารถแสดงออกมาได้
นางนึกขำในใจ “พระชายาหยิงเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงเชียวนะ! แถมยังให้กำเนิดจวินจู๋น้อยที่น่ารักสดใสให้เขาอีกสองคน ได้ครอบครองสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ยังอยากจะรับสนมอีก แสดงให้เห็นว่าผู้ชายล้วนเป็นสัตว์ที่ใช้ร่างกายส่วนล่างในการครุ่นคิดเท่านั้น!”
หยุนติงหลานรู้สึกอับอาย
โม่หุยเฟิงใช้ร่างกายส่วนล่าง “สื่อสาร” กับนางหลายครั้งแล้วจริงๆ……
เห็นนางหน้าแดงไปถึงหู หยุนหว่านหนิงกล่าวถามด้วยความห่วงใย “น้องรอง เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
หยุนติงหลานร้อนตัว ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วดื่มลงไปคำใหญ่
แต่ว่า น้ำชาร้อนเล็กน้อย นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และรีบวางถ้วยชาลง
เห็นนางยุ่งจนมือเท้าพันกัน หยุนหว่านหนิงก็ยื่นผ้าเช็ดหน้า ให้นางเช็ดน้ำชาบนร่างกาย ถึงได้กล่าวว่า “ความจริงแล้ว ผู้ชายมากชู้หลายเมียก็เป็นเรื่องธรรมดา”
การกระทำของหยุนติงหลานหยุดชะงัก รีบร้อนพยักหน้า “ท่านพี่พูดได้ถูกต้องมาก!”
“ผู้ชายคนไหนไม่มากชู้หลายเมีย? โดยเฉพาะ คนที่มีฐานะระดับท่านอ๋องหยิง”
นางก้มหน้าเอาไว้ เห็นเพียงใบหูที่เริ่มแดงขึ้นมา “ฮ่องเต้ยังมีสามตำหนักหกหมู่เรือนเลย”
“ใช่! ข้าก็ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดฉินซื่อเสวียถึงไม่ให้ท่านอ๋องหยิงรับสนม พูดขึ้นมาก็ผิดกันทั้งคู่ แต่พระชายาหยิงก็หยาบคายไม่มีเหตุผลเกินไป เป็นการกระทำของผู้หญิงขี้หึงชัดๆ!”
ได้ยินนางกล่าวตำหนิฉินซื่อเสวียโดยตรงเช่นนี้ หยุนติงหลานเงยหน้าขึ้นมา มองดูนางด้วยความประหลาดใจครู่หนึ่ง
แต่เมื่อนึกถึงความขัดแย้งระหว่างหยุนหว่านหนิงกับฉินซื่อเสวีย……
นางวางผ้าเช็ดหน้าลง “ท่านพี่ ว่าพระชายาหยิงเช่นนี้ไม่ดีมั้ง?”
“มีอะไรไม่ดี? ข้าได้ยินมาวว่า เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้ท่านอ๋องหยิงรับสนมแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพระชายาหยิงจงใจขัดขวาง ใช้ชีวิตข่มขู่ท่านอ๋องหยิง จะเป็นจะตายให้ได้”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะ
ที่นางพูดก็เป็นเรื่องจริงอยู่
ระยะนี้โม่หุยเฟิงลำบากใจทั้งภายในและภายนอก
ต่อภายใน ฉินซื่อเสวียไม่ให้รับสนม เอาชีวิตมาข่มขู่ เอะอะโวยวายทั้งวันทั้งคืนไม่ได้อยู่อย่างสงบ
ต่อภายนอก โม่เยว่เอาค่ายเสิ่นจีลงมาได้ ก็เริ่มลงมือกับค่ายห้ากองพลเพื่อสร้างอำนาจบารมีโดยตรง
ศึกภายในและภายนอก ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก ยุ่งเกินกว่าจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
“ถ้าเป็นข้านะ ก็ให้พระชายาหยิงลิ้มรสความร้ายกาจไปซะเลย! ก็เป็นเพราะท่านอ๋องหยิงใจอ่อน คุมพระชายาหยิงไม่อยู่ ถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้”
พูดจบ หยุนหว่านหนิงก็ส่ายหน้า และถอนหายใจเบาๆ
ดวงตาทั้งคู่ของหยุนติงหลานเป็นประกายขึ้นมา
ให้ฉินซื่อเสวียลิ้มรสความร้ายกาจ?
นี่กลับเป็นความคิดที่ดี!
เห็นสีหน้าท่าทางนางมีความสุข หยุนหว่านหนิงก็รู้แล้วว่านางมีความคิดแล้ว
นางถึงได้วางถ้วยชาลง ลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “คุยกับน้องรองมานานขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว! น้องรองกลับไปก่อนเถอะ ข้าไม่ส่งแล้ว”
“เด็กๆ! ส่งคุณหนูรองหยุนออกไปอย่างระมัดระวังด้วย”
หยุนติงหลานมีแผนการใหม่ ก็ไม่มีเวลาสนใจจะอยู่ต่ออีก จากไปอย่างเร่งรีบ
ในตอนที่หยุนหว่านหนิงกลับไปที่เรือนชิงหยิ่ง โม่เยว่ยังนอนกลางวันกับหยวนเป่า
มองดูทั้งสองคนนอนอยู่ด้วยกัน ใบหน้าใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง ค่อนข้างคล้ายคลึงกันอยู่เล็กน้อย……
หยุนหว่านหนิงอดที่จะจับวงกบประตูเอาไว้ แล้วพิงศีรษะเอาไว้บนวงกบประตูไม่ได้ รู้สึกแค่ว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าช่างอบอุ่นเหลือเกิน
ฐานะของหยวนเป่า ปิดเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ปิดเอาไว้ทั้งชีวิตไม่ได้
สักวันหนึ่ง โม่เยว่และคนอื่นๆก็จะรู้ฐานะที่แท้จริงของหยวนเป่า
ถึงเวลานั้น เกรงว่าจะมีปัญหาใหม่ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ……
กำลังคิดอยู่ ผู้ชายที่เดิมทีกำลังหลับตาอยู่ จู่ๆกลับลืมตาขึ้นมากะทันหัน เขามองไปที่หยวนเป่าที่กำลังหลับสนิท ขมวดคิ้วแล้วหันกลับมามองหยุนหว่านหนิง แสดงออกให้นางอย่าส่งเสียงออกมา
จากนั้น เขาก็ลงมาบนพื้นอย่างระมัดระวัง
ท่าทางที่เบาไม้เบามือ ดูตลกมากเป็นพิเศษ
แต่หยุนหว่านหนิงกลับยิ้มไม่ออกเลย
นางคิดในใจ สามปีมานี้ในชีวิตของหยวนเป่า ไม่มีการดำรงอยู่ของพ่อเลย
แต่ว่า เขากลับไม่มีพ่อไม่ได้
นอกเหนือจากนี้ พ่อของเขาก็ใช่ว่าจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว……
บางครั้งสายตาที่เขามองโม่เยว่ ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้สึกขึ้นมากะทันหัน นั่นก็คือสายตาที่มองพ่อ ในความรัก แฝงไปด้วยความชื่นชมเล็กน้อย ยังมีความฉลาดซุกซนอีกด้วย
นางควรจะ ให้หยวนเป่าได้รู้ว่าใครคือพ่อของเขาไหม? !
กำลังคิดอยู่ โม่เยว่ก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว แสดงออกว่าให้นางออกไปคุยข้างนอก อย่าทำให้เด็กตื่น
ทั้งสองเดินมาถึงด้านนอก โม่เยว่เหล่ตามองนางครู่หนึ่ง “หยุนติงหลานไปแล้วหรือ?”
“อืม”
“วันนี้ ควรจะขอบคุณข้าอย่างไร?”
เขากอดอกเอาไว้ เหล่ตามองนาง
“ท่านอ๋องกำลังขอค่าตอบแทนจากข้าหลังจากเสร็จเรื่องหรือ?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว หลังพิงอยู่บนกำแพง “หากว่าไม่รังเกียจ ข้าจะให้หยวนเป่าเรียกท่านว่าพ่อคำหนึ่ง ยืมลูกชายสุดที่รักของข้าให้ท่านชั่วคราว? !”
ได้ยินคำพูดนี้ สายตาของโม่เยว่ตกตะลึง โน้มตัวเข้ามาในชั่วพริบตา
สองมือของเขาจับไหล่ของนางเอาไว้แน่น กดตัวนางไว้บนกำแพง “หยุนหว่านหนิง เจ้าพูดอะไร? !”
เขาอยู่ใกล้นางมาก
ไอความร้อนที่พ่นออกมา ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้สึกจั๊กจี้ใบหน้า
โม่เยว่อ้าปาก ริมฝีปากบางดูเหมือนจะสามารถสัมผัสกับหน้าผากที่สะอาดหมดจดของนาง……