อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 269 โม่หุยเฟิงช่างหลอกง่ายเสียจริง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 269 โม่หุยเฟิงช่างหลอกง่ายเสียจริง
หยุนหว่านหนิงจงใจอุบเอาไว้ “ยังไม่บอกท่านก่อน”
โม่หุยเฟิง: “……”
เลือดลมพุ่งขึ้นมาถึงลำคอ เขาสามารถลิ้มรสความหวานและคาวเล็กน้อยแล้ว
“หยุนหว่านหนิง เจ้าอย่าให้มันเกินไปนะ!”
“ข้าจะทำเกินไปเช่นนี้แหละ มีปัญญาท่านก็ตีข้าสิ!”
พูดจบ นางก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที
โม่หุยเฟิงโกรธจนทุบเตียง “หยุนหว่านหนิง! คืนนี้เจ้ามาทำไมกันแน่! เจ้า เจ้าจะทำให้ข้าอกแตกตายจริงๆถึงจะสมใจใช่ไหม!”
“ดูที่ท่านอ๋องสามพูดเข้าสิ เห็นกันเป็นคนนอกไปได้!”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเหอะๆ “แต่ที่มาคืนนี้ เพราะข้ามีธุระจะหารือกับท่านอ๋องสามจริงๆ”
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า!”
โม่หุยเฟิงเบือนหน้าออกไปไม่มองนาง
ในใจกลับเริ่มท่องคำพูดของหยุนหว่านหนิง “คนอื่นจะโกรธข้าไม่โกรธ” อะไรนั่นขึ้นมาเงียบๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“สำหรับท่านอ๋องสามแล้วเรื่องนี้มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษเลย”
หยุนหว่านหนิงกล่าว
เสียงของนาง เต็มเปี่ยมไปด้วยความล่อลวง
สายตาของโม่หุยเฟิงเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย หันหน้ามองดูนาง “เรื่องอะไร?”
“หยุนธิงหลานมีความรักต่อท่านด้วยใจจริง หรือท่านจะไม่รับนางเป็นพระชายารอง?”
โม่หุยเฟิงขมวดคิ้ว “นี่คือเรื่องในจวนอ๋องของข้า ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามายุ่งด้วย!”
ระหว่างเขากับหยุนธิงหลาน แทบจะไม่มีความเป็นไปได้แล้ว
ผู้หญิงคนนี้ กล้าใช้เรื่องตั้งครรภ์ปลอมมาหลอกเขา ไม่เพียงทำให้เขาดีใจไปเปล่าๆเท่านั้น……ถึงขั้นเพราะเหตุนี้ ทั้งเขากับฮองเฮาจ้าวยังถูกนางทำให้ติดร่างหางทางอ้อมไปด้วย
ถึงแม้ในใจของโม่หุยเฟิงจะยังมีนาง
แต่กลับไม่มีความคิดที่จะ แต่งงานรับตัวซวยคนนี้เข้าจวนอีกแม้แต่น้อย
“หยุนธิงหลานคือน้องรองของข้า สำหรับข้าแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ควรยุ่ง”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างหนักแน่นมีเหตุผลรองรับ “ข้าเป็นห่วงน้องรองของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่สมควรหรอกหรือ?”
โม่หุยเฟิงไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของนางหรอก!
ผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะ จะเป็นห่วงหลานเอ๋อร์? !
เกรงว่านางคงจะเป็นห่วงแค่ว่า หลานเอ๋อร์จะตายเมื่อไหร่มากกว่า!
“เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?”
โม่หุยเฟิงกล่าวถามอย่างอดทน
ความจริงคืออยากจะถามผู้หญิงคนนี้ว่า มีแผนร้ายอะไรอยู่กันแน่
แต่ว่าเขาไม่กล้าจะถามอย่างเปิดเผย……
ลูกตาของหยุนหว่านหนิงหมุนเล็กน้อย จู่ๆก็โน้มตัวเข้าไปใกล้โม่หุยเฟิง เขาตื่นตระหนกตกใจ รีบร้อนหลบเข้าไปในเตียง “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“หยุนหว่านหนิงข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ ข้าคือพี่สามของเจ้าเจ็ดนะ!”
“เจ้าอย่าหน้าด้านไร้ยางอาย!”
เขานึกว่า หยุนหว่านหนิงจะแนบชิดเข้ามาในอ้อมกอดเขาเพื่อเอาใจเสียอีก
หลังจากที่แนบชิดเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อเอาใจแล้ว จะต้องใส่ร้ายเขา ฉวยโอกาสยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขา ถึงเวลานั้นเสด็จพ่อต้องไปปล่อยเขาไปอีกแน่!
ใครจะรู้ว่าร่างกายของหยุนหว่านหนิงหยุดลงทันที ดวงตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “ท่านอ๋องสาม ข้าควรจะเอากระจกทองเหลืองมาให้ท่านใช่ไหม ท่านจะได้ส่องดูรูปร่างหน้าตาของตัวเองดีๆ?”
“อย่างกับผีตนหนึ่ง ยังจะกลัวว่าข้ามีความคิดไม่ดีอะไรกับท่านอีก?”
โม่หุยเฟิง: “……เจ้าอย่ารังแกคนมากเกินไป!”
“นี่ก็เรียกว่ารังแกแล้ว? จะให้ท่านได้เห็นอย่างแท้จริงหน่อยไหมว่า อะไรที่เรียกว่ารังแกกันแน่?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว
โม่หุยเฟิงขยับเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง ถึงได้กระแอมไอในลำคอ “เจ้ามีอะไรก็พูดมาตามตรง! อย่าจับไม้จับมือ……จับร่างกาย!”
กับผู้หญิงคนนี้ระวังเอาไว้หน่อย เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา นางจะทำเรื่องอะไรออกมา
เรื่องถนัดของนาง ก็คือการย้อนกลับมาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามต่อหน้าเสด็จพ่อ
โม่หุยเฟิงเสียเปรียบไปหลายครั้งแล้ว!
“ข้าก็แค่จะกระซิบบางอย่างให้ท่านเท่านั้นแหละ”
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน
แต่เห็นได้ชัดว่าโม่หุยเฟิงระวังนางจนถึงขีดสุด ราวกับนกที่เคยได้รับความตื่นตกใจ……นางหยิบหนังสือที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ม้วนเป็นทรงกระบอก “ข้าพูดกับท่านเช่นนี้คงได้แล้วใช่ไหม?”
โม่หุยเฟิงเงี่ยหูเข้ามาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หยุนหว่านหนิงอดกลั้น ความคิดที่จะส่งเสียงดัง “อ๊าก” ออกมา ทำให้เขาหูหนวกไปโดยตรงเอาไว้ กระซิบพึมพำออกมาสองสามคำ
“จริงหรือ?”
ความไว้วางใจที่โม่หุยเฟิงมีต่อนาง……ถือเป็นลบ
คำพูดที่นางพูดออกมาทุกคำ ล้วนแสดงออกว่าไม่เชื่อทั้งนั้น
“ข้าสาบานด้วยความน่าเชื่อถือของข้า……”
หยุนหว่านหนิงยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกโม่หุยเฟิงตัดบทด้วยใบหน้าดูแคลน “เจ้ายังมีความน่าเชื่อถืออยู่อีกหรือ?”
“มีแน่นอนอยู่แล้ว”
หยุนหว่านหนิงเถียงข้างๆคูๆ
ถึงแม้นางจะชำนาญในการหลอกลวงคดโกง แต่อาศัยเพียงแค่ปากเดียว นางก็สามารถกลับดำให้เป็นขาวได้แล้ว!
โม่หุยเฟิงแสดงออกว่าไม่เชื่อ จนกระทั่งหยุนหว่านหนิงยื่นปากกาบันทึกเสียงให้กับนาง “หลักฐานสำคัญเช่นนี้ พิสูจน์ว่าน้องรองของข้ามไม่ใช่คนดีอะไร ข้ามอบให้ท่านเก็บรักษา”
“เชื่อคำพูดของข้าหรือยัง?”
“ให้ข้าจริงหรือ?”
โม่หุยเฟิงรับมาอย่างงุนงง แล้วก็กดปุ่มเล่นขึ้นมาอีกครั้ง ได้ยินเพียงเสียงของหยุนธิงหลานดังมาจากด้านใน……
เขายังคงตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
นี่มันจะอัศจรรย์เกินไปแล้วมั้ง!
เขาตะโกนในใจ
สิ่งของเล็กๆเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถใส่เสียงของมนุษย์เข้าไปได้ ถึงแม้โม่หุยเฟิงจะเดินทางไปทั่วหนานจวิ้น ยังไม่เคยพบกับเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน!
เขามองดูหยุนหว่านหนิงด้วยความประหลาดใจ “นี่มันทำได้อย่างไรกันแน่?”
“แล้วใส่เสียงของพวกเจ้าเข้าไปได้อย่างไร?”
“ขอเพียงท่านรับปากคำขอของข้า ข้าก็จะสอนท่านเล่นสิ่งนี้”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วมองดูเขา
เห็นได้ชัดว่า เจ้าสิ่งแปลกประหลาดอันนี้ ขจัดความระแวดระวังที่โม่หุยเฟิงมีต่อหยุนหว่านหนิง “ตกลง”
เขารับปากโดยไม่ต้องคิด
เห็นเขาเล่นปากกาบันทึกเสียง หยุนหว่านหนิงเกี่ยวมุมปากขึ้นอย่างขี้เล่น “ท่านอ๋องสาม ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกท่าน แต่เกรงว่าความสามารถในการแบกรับความกดดันทางจิตใจของท่านจะอ่อนแอเกินไป จะถูกทำให้หมดสติไปเพราะความโกรธ”
ตาขวาของโม่หุยเฟิงกระตุกขึ้นมาครู่หนึ่ง
เขากล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “มีอะไรก็รีบพูดมา!”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเงินหลายล้านตำลึงของท่าน เข้ากระเป๋าของใคร?”
รอยยิ้มของหยุนหว่านหนิงเจ้าเล่ห์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
โม่หุยเฟิงตะลึงงัน
ไม่จำเป็นต้องให้นางพูดคำตอบออกมา เขาก็เดาออกแล้วว่าเป็นใคร……
“เจ้า เจ้า……”
โม่หุยเฟิงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พ่นเลือดที่ติดอยู่ในลำคอเมื่อครู่นี้ออกมาโดยตรง เขาตาเหลือกขึ้นมา ชักกระตุกล้มลงบนเตียง
หยุนหว่านหนิงยักไหล่ “อกแตกตายไปอีกคนแล้ว”
……
ออกมาจากจวนอ๋องสาม หยุนหว่านหนิงอารมณ์ดีอย่างมาก
มังกรตาเดียวยังรออยู่ด้านนอกจวนอ๋อง เห็นนางออกมาอย่างปลอดภัย ก็รีบร้อนเข้าไปหาด้วยความโล่งอก “กูหน่ายนาย ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ข้าจะเป็นอะไรได้?”
หยุนหว่านหนิงเอามือไพล่หลัง “แต่ว่า โม่หุยเฟิงช่างหลอกง่ายเสียจริง!”
ปากกาบันทึกเสียงด้ามเดียวก็จบเรื่องแล้ว?
ถึงแม้ปากกาบันทึกเสียงจะตกไปอยู่ในมือของโม่หุยเฟิง แต่ว่านางก็ไม่กังวลเลยแม่แต่น้อย……เพราะสิ่งที่หยุนธิงหลานพูด นางได้สำรองข้อมูลเอาไว้ในปากกาบันทึกเสียงอีกด้ามหนึ่งแล้ว
ปากกาบันทึกเสียงด้ามที่ให้กับโม่หุยเฟิง มีแบตเตอรี่เหลือเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น!”
หลังจากที่เขาตื่นมา “ศึกษา” ไม่ถึงห้านาที ก็จะปิดเครื่องไปเองโดยอัตโนมัติ
แค่คิดถึง ท่าทางที่โม่หุยเฟิงระเบิดอารมณ์จะกินคน หยุนหว่านหนิงก็อารมณ์ดีขึ้นมา
จัดการทางฝั่งโม่หุยเฟิงแล้ว ก็เป็นฝั่งของหยุนธิงหลาน
กลับไปถึงจวนอ๋องหมิง ก็เป็นเวลาประมาณยามโฉ่วแล้ว
ทั้งสองแยกจากกันสองสามวัน หยุนหว่านหนิงไม่ได้มีความรู้สึกอะไร โม่เยว่กลับรู้สึกว่าไม่ได้พบกันหนึ่งวันราวกับจากกันสามปี ถึงแม้จะได้พบหยวนเป่าแล้ว ในใจของเขาก็ยังคงมีรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
หลังจากที่กลับมาจากในวังแล้วไม่เห็นหยุนหว่านหนิง เขาก็สั่งการให้หรูโม่ออกไปตามหาโดยเฉพาะ
จนกระทั่งหรูโม่ตอบกลับมาว่า พระชายาไปพบหยุนธิงหลานแล้ว
โม่เยว่ระงับความผิดหวังในใจ
หลังจากที่กล่อมหยวนเป่านอนหลับไปแล้ว เขาก็รอนางกลับมาตลอด
จนกระทั่งไก่ขันไปหลายครั้ง หยุนหว่านหนิงถึงได้เข้ามาในเรือนชิงหยิ่งอย่างสดชื่น
ข้างในห้องไม่ได้จุดไฟเอาไว้ มีเพียงแสงจันทร์ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างเล็กน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องล้วนดูสลัวๆ
ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอบนเตียง นางรู้ว่าหยวนเป่ากำลังหลับสนิทอยู่ จึงหยิบชุดเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนออกมาอย่างเบามือ คิดจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านหลังฉากบังตา
หยุนหว่านหนิงเขย่งเท้าเดินไปถึงด้านหลังฉากบังตา
ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะปลดผ้าคาดเอวออก แล้วถอดเสื้อผ้าออก……ก็ถูกคนโอบเอวจากด้านหลังแล้ว!