อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 271 แน่จริงก็ประคองข้าขึ้นมา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 271 แน่จริงก็ประคองข้าขึ้นมา
“อะไรนะ? !”
หยุนธิงหลานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เพราะการแสดงออกทางสีหน้าที่เร็วเกินไป ขนาดความเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อของแก้มค่อนข้างใหญ่เล็กน้อย เจ็บจนนางถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง!
“นังแพศยาคนนี้มาทำไมอีก? !”
นางกล่าวถามอย่างดุดัน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แล้ว ถึงแม้นางจะเกลียดหยุนหว่านหนิงเข้ากระดูกดำ
แต่ก็เกิดความเกรงกลัวขึ้นโดยสัญชาตญาณเช่นกัน
ตอนนี้ได้ยินชื่อ “หยุนหว่านหนิง” นางก็ตัวสั่นขึ้นมาแล้ว!
“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ว่าตอนนี้ เกรงว่าคงจะมาถึงหน้าประตูแล้ว……”
ลู่โย่วเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของหยุนหว่านหนิงดังมาจากด้านนอกประตู “น้องรอง นี่มันเวลาไหนแล้ว ทำไมยังไม่ลุกจากเตียงอีก?”
แย่แล้ว!
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของนาง ร่างกายของหยุนธิงหลานแข็งทื่อ แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา
นางอยากสั่งให้ลู่โย่วปิดประตู แต่ก็ไม่ทันการซะแล้ว
เงาร่างของหยุนหว่านหนิง เข้ามาในสายตา
นางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “น้องรองเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าข้าจะจู้จี้กับเจ้าหรอกนะ ตะวันสายโด่งแล้วยังไม่ลุกจากเตียงอีก วันหน้าผู้ชายที่ไหนจะกล้าแต่งงานกับเจ้า? ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องสามไม่ชอบผู้หญิงขี้เกียจที่สุด”
หยุนธิงหลานโกรธจนเจ็บใจไปหมด
นังแพศยาคนนี้ เห็นได้ชัดว่ายินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น โรยเกลือบนบาดแผลของนางชัดๆ!
แต่ว่านางไม่กล้าพูดออกมา
เกรงว่าทันทีที่เอ่ยปากก็ทำให้นางโกรธอีก นังแพศยาคนนี้ก็จะจัดการนางอีก!
หยุนธิงหลานรีบหันหน้ามองไปทางลู่โย่ว “ท่านพ่อล่ะ? ในเมื่อพระชายาหมิงมาเยี่ยมในฐานะแขก ยังไม่รีบให้ท่านพ่อต้อนรับแขกให้ดีอีก? มาที่ห้องข้าทำไมกัน?”
ลู่โย่วเดินไปข้างกายของหยุนหว่านหนิงอย่างตัวสั่นงันงก “พระชายาหมิง โปรดย้ายฝีเท้า……”
“ถอยไป”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างกระชับและรัดกุม
บนใบหน้าของนางยังมีรอยยิ้ม แต่เมื่อสบตากับสายตาของนาง……
ลู่โย่วก็ตกใจจนวิ่งหนีออกจากประตูไป ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าคุณหนูของตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง!
“นังสาวใช้ชั้นต่ำ!”
หยุนธิงหลานโกรธจนด่าอย่างสาดเสียเทเสีย “ข้าจะเก็บขยะอย่างเจ้าเอาไว้ทำไม!”
พอถึงคราวเคราะห์ ถึงกับทิ้งนางให้เผชิญหน้ากับปีศาจร้ายอย่างหยุนหว่านหนิงตามลำพัง? !”
“น้องรองจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม? ถ้าหากท่านอ๋องสามเห็นรูปลักษณ์ของเจ้าตอนนี้ เกรงว่าจะนึกว่าเจ้าคือหญิงปากร้ายที่โวยวายในที่สาธารณะนะ!”
หยุนหว่านหนิงจงใจยั่วยุนาง
หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน หยุนธิงหลานก็ไม่อยากจะแสดงละคร “พี่น้องผูกพันลึกซึ้ง” อะไรต่อหน้านางอีกแล้ว
หยุนหว่านหนิงหนึ่งหมัดชก “คนที่ทำเสียงออดอ้อน” หนึ่งคน นังตอแหลอย่างหยุนธิงหลาน งุงิง้องแง้งต่อหน้านางไปก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้น นางก็เลยเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
“หยุนหว่านหนิง! เห็นข้ามีสภาพเช่นนี้ เจ้าได้ใจมากใช่ไหม?”
นางจ้องมองอย่างแค้นเคือง “ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเจ้าทั้งนั้น! เมื่อคืนตอนที่เจ้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ เคยคิดหรือไม่ว่าสักวันหนึ่ง ข้าก็จะทำเช่นนี้กับเจ้าเหมือนกัน? !”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างขบขัน “นี่ไม่ใช่มีเหตุย่อมมีผลหรอกหรือ?”
หยุนธิงหลานติดสินบนแก๊งเฮยเฟิงมาทำร้ายนาง ท้ายที่สุดกลับต้องรับผลร้ายจากสิ่งที่ตัวเองทำ
ตอนนี้ยังมีหน้ามาพูดว่า เป็นเพราะนาง?
“เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมาข่มขู่ข้า!”
หยุนธิงหลานกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น เสียงแหบแห้งราวกับอีกาเฒ่า “ตอนนี้ท่านอ๋องสามถูกกุมขังอยู่ในจวนอ๋อง แม้แต่ประตูของจวนอ๋องก็ไม่สามารถออกมาได้ด้วยซ้ำ”
“แล้วเขาจะเห็นรูปลักษณ์เช่นนี้ของข้าได้อย่างไร?”
“นี่ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอีกหรือ?”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าอย่างจนใจ ถือโอกาสหยิบ……กล้องถ่ายรูปออกมาจากช่องว่าง
นางอยากได้โทรศัพท์มือถือ
แต่อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณ ดังนั้นสิ่งของที่ล้ำสมัยเช่นนี้ พี่ใหญ่ช่องว่างเลยไม่ให้นาง
ก็ได้ กล้องถ่ายรูปก็ได้
นางยิ้มให้กับหยุนธิงหลาน “มา ทำท่ามะเขือยาว(*ภาษาจีนคือ เฉียจึ หมายถึงให้ยิ้ม)หน่อย!”
หยุนธิงหลานมองดูนางชูสองนิ้วขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ…… “เจ้าไม่สบายใช่ไหม? ทำท่ามะเขือยาวอะไร ข้าจะทำท่าแตงกวาด้วยซ้ำ!”
“เจ้าชอบแตงกวามากกว่าก็โอเคอยู่นะ!”
หยุนหว่านหนิงถือโอกาสถ่ายภาพลักษณะท่าทางที่ดุร้ายของนาง
เสียง “แชะ” ดังขึ้น แสงเจิดจ้าส่องมา หยุนธิงหลานตกใจจนปิดตาเอาไว้พร้อมร้องอุทานออกมา
“หยุนหว่านหนิงเจ้าทำอะไรของเจ้า! นั่นมันคือของบ้าอะไร!”
คงไม่ได้จะดูดวิญญาณของนางไปใช่ไหม!”
ตอนนางยังเด็กเคยได้ยินนางเฉินบอกว่า มีปีศาจที่สามารถดูดวิญญาณผู้คนอะไรทำนองนั้น……
“เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เจ้าได้เห็น โม่หุยเฟิงสามารถเห็นรูปลักษณ์ของเจ้าได้ไง”
หยุนหว่านหนิงยื่นกล้องถ่ายรูปไปตรงหน้านาง “มา เจ้าลองชื่มชมรูปลักษณ์ ณ ตอนนี้ของเจ้าดูหน่อย ช่างเป็นสาวงามประดุจบัวพุดเหนือน้ำจริงๆ งดงามอย่างมาก……”
“อุ๊บ”
ตัวนางเองก็ไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก โน้มตัวไปคลื่นไส้อาเจียน
หยุนธิงหลานโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนรูป
นางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า รูปลักษณ์ของนางในตอนนี้ น่าเกลียดขนาดไหน นังแพศยาหยุนหว่านหนิงถึงกับเกือบอาเจียนออกมา!
นางเงยหน้ามองไปทางกล้องถ่ายรูป หลังจากที่มองเห็นภาพถ่าย นางยังไม่ทันได้ตกตะลึง……
“อุ๊บ!” ก็คลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาเช่นกัน
นางถูกรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของตัวเองทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนเข้าแล้ว!
องค์ประกอบรูปภาพของกล้องถ่ายรูปสูงมาก แม้แต่จุดแดงเล็กๆที่หนาทึบบนใบหน้าของนาง ก็สามารถบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน ปอยผมที่กระดกขึ้นมาพวกนั้น ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะตัวนางเอง
หยุนธิงหลานทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว “หยุนหว่านหนิง! ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
นางพยายามดิ้นรนกระโจนเข้ามา คิดจะบีบคอหยุนหว่านหนิงให้ตาย “ตายไปพร้อมกันซะเถอะ! ข้าจะให้เจ้าไม่ได้ตายดี!”
หยุนหว่านหนิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว ถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที
หยุนธิงหลานกระโจนใส่ความว่างเปล่า ล้มลงมาจากเตียง
เสียง “พรุบ” ดังขึ้นมา หยุนหว่านหนิงได้ยินแล้วยังเจ็บแทนนาง
“จึ๊ๆๆ”
นางเดาะลิ้นส่ายหน้า มองไปที่หยุนธิงหลานที่ใบหน้าทิ่มพื้นอย่างเห็นอกเห็นใจ “น้องรอง เจ็บมาใช่ไหม? เมื่อครู่นี้เจ้าดูเหมือนหน้าหมู ตอนนี้เกรงว่าคงต้องกลายเป็นหน้าหมูป่าแล้ว!”
หยุนธิงหลาน: “……”
นางนอนคว่ำอยู่บนพื้น ดิ้นรนอย่างแรงสองสามครั้ง “หยุนหว่านหนิง แน่จริงเจ้าก็ประคองข้าขึ้นมา!”
“ประคองเจ้าขึ้นมา เจ้ายังสามารถล้มลงไปอีกหรือ?”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างขบขัน ไม่ได้มีความคิดจะประคองนางขึ้นมาเลยสักนิด
“เจ้าหุบปาก!”
หยุนธิงหลานโกรธด้วยความอับอาย ใบหน้าหมูแดงก่ำ “เด็กๆ! เด็กๆ! ประคองข้าขึ้นมา!”
แต่หลังจากที่ลู่โย่วหนีเตลิดไปแล้ว ก็ไม่มีบ่าวรับใช้คนไหนเข้าใกล้ลานแห่งนี้อีกเลย ทุกคนต่างก็รู้ถึงความเก่งกาจของพระชายาหมิง เคยเห็นพลังการต่อสู้ที่สูงมากของนางมาแล้ว
ตั้งแต่นายท่าน จนถึงคุณหนูรอง ไม่มีใครในจวนเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้เลย
หลังจากที่หยุนหว่านหนิงเข้ามาในจวนกั๋วกง บรรดาบ่าวรับใช้หลบเลี่ยงไปทั่วราวกับนกที่เคยได้รับความตื่นตกใจ ใครก็ไม่กล้าไปยั่วยุตอนที่นางอารมณ์ไม่ดี
“น้องรอง ข้าคิดว่าพูดคุยกันเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”
หยุนหว่านหนิงนั่งยองๆลงไปในที่ที่ห่างจากนางสองก้าว “ข้าสามารถมองเห็น ขนจมูกที่ไม่เชื่อฟังของเจ้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น”
หยุนธิงหลานสีหน้าแข็งทื่อ รีบร้อนยื่นมือออกไป ยัดขนจมูกเส้นเล็กๆที่ยื่นออกมากลับเข้าไป
“หยุนหว่านหนิง!”
นางระเบิดอารมณ์อีกครั้ง
“น้องรองใจเย็นหน่อย เมื่อคืนเจ้ากรีดร้องนานเกินไป เสียงแหบแห้งเหมือนเป็ดตัวผู้แล้ว ถ้าหากไม่ดูแลเสียงให้ดี เกรงว่าวันหน้าอาจต้องให้เสียงนี้ไปตลอดชีวิตนะ”
หยุนหว่านหนิงปัดฝุ่นบนแขนเสื้ออย่างแผ่วเบา
เมื่อเทียบกับความสงบเยือกเย็นของนาง หยุนธิงหลานโกรธจนหายใจติดขัด
“เจ้ามาวันนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่!”
นางกล่าวถามด้วยความโกรธ “คิดจะมาทำให้ข้าอกแตกตายหรือ? !”
สมกับที่เป็นคนรักของโม่หุยเฟิง มีปฏิกิริยาเดียวกันกับโม่หุยเฟิงเมื่อคืนนี้ ไม่มีผิดเลย
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว! เมื่อครู่นี้ข้าก็บอกกับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีธุระสำคัญจะหารือกับเจ้า”
นางมีธุระจะหารือกับนาง?
หยุนธิงหลานแสดงออกว่าไม่เชื่อ “เจ้าคิดจะวางแผนร้ายอะไรในตัวใครอีก?”