อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 280 การเหน็บแนมจากบุตรชาย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 280 การเหน็บแนมจากบุตรชาย
“ไม่พบ”
โม่เยว่หงุดหงิด ตวาดด้วยความโกรธ “ตอนนี้พระชายาพวกเจ้าเป็นอย่างไรไม่รู้หรือ วันนี้ต่อให้”เง็กเซียนฮ่องเต้มา ก็ไม่พบ!”
ผู้ที่มารายงานอยู่ข้างนอกคือหรูอวี้
เมื่อได้ยินเสียงตวาดของโม่เยว่ เขาก็หดหัวระมัดระวัง “แต่นายท่าน คนผู้นั้นบอกว่ามีเรื่องด่วนจะปรึกษาขอรับ”
“ไสหัวไป!”
โม่เยว่แย่งถ้วยน้ำจากมือของหยุนหว่านหนิง แล้วขว้างไปที่ประตูอย่างแรงทันที
ประตูโยกสั่นคลอนทีหนึ่ง ถ้วยน้ำตกลงพื้น คนที่อยู่ข้างนอกตกใจจนรีบหนีพัลวัน
หยุนหว่านหนิงที่กำลังดื่มน้ำ “???”
นางรู้ว่าโม่เยว่มีไฟโกรธอยู่เต็มอก
ไม่ลงกับนาง แต่หันไประบายความโกรธเกรี้ยวที่มีอยู่เต็มทรวงกับหรูอวี้แทน…ทว่าทำไมต้องแย่งถ้วยน้ำของนางไปด้วย!
นางกำลังดื่มน้ำอยู่นะ!
หยวนเป่าเห็นภาพอย่างนี้จนชินตา ไม่รู้สึกแปลกแล้ว
เขาเอื้อมมือน้อยๆ ตบบ่าโม่เยว่เบาๆ น้ำเสียงเหมือนหยุนหว่านหนิงมาก “โมโหจะเสียสุขภาพ! โมโหครั้งหนึ่ง ก็อายุสั้นวันหนึ่ง ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!”
โม่เยว่ “…”
เขาตามใจเจ้าเด็กนี่เกินไปแล้วใช่หรือไม่
นี่ใช่คำพูดปลอบคนหรือ!
“เห็นแก่ที่เมื่อคืนท่านร้อนรนหมื่นส่วนช่วยท่านแม่ของข้ากลับมากลางดึก ข้าจะไม่เอาความที่ท่านแย่งถ้วยน้ำและดุนางเมื่อกี้นี้”
หยวนเป่าทำท่าทำทางเหมือน ‘เด็กไม่เอาความผู้ใหญ่’
โม่เยว่อัดอั้นตันใจยิ่งกว่าเดิม
หยุนหว่านหนิงเงยหน้าขึ้นมาจากทรวงอกของเขา “นี่มันอะไรกัน มีใครบอกข้าได้ไหม”
โม่เยว่ยังคงสบตากับหยวนเป่า
“นี่?”
หยุนหว่านหนิงยื่นมือโบกตรงหน้าทั้งสองคน “มีคนได้ยินข้าพูดหรือไม่”
หยวนเป่าดึงสติกลับมาก่อน
เขาทำตัวอย่างกับผู้ใหญ่ ถอนหายใจเบาๆ “ท่านแม่ ท่านก็โตขนาดนี้แล้ว จะให้สบายใจหน่อยไม่ได้เลยนะ!”
“ดึกดื่นเที่ยงคืน ท่านไปเขาหยุนอู้ทำอะไร พี่หรูอวี้บอกว่าที่นั่นมีผีออกอาละวาด!”
เมื่อคืนหลังจากโม่เยว่ได้ยินหรูอวี้รายงานแล้ว ก็จะรีบตามหยุนหว่านหนิงไปทันที
แต่กลับถูกหยวนเป่าขวางไว้ เขาเป็นห่วงมารดา จะไปด้วย
โม่เยว่ปลุกปลอบพักใหญ่ก็ไม่เป็นผล ยังเป็นหรูอวี้เสียอีก บอกว่า ‘เขาหยุนอู้มีผีออกอาละวาด’ ถึงทำหยวนเป่ากลัวจนนิ่งไป
เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กลัวแต่ผี
ดังนั้นหลังจากโม่เยว่ถูกรั้งอยู่นาน ก็ได้ออกเดินทางสักที
พอถึงเขาหยุนอู้ หยุนหว่านหนิงก็หมดสติไปแล้ว
หยุนหว่านหนิงเห็นท่าทางเป็นห่วงของหยวนเป่า จึงลูบใบหน้าเขาอย่างเบามือ ปลอบใจเสียงเบา “ข้าไม่เป็นไร”
“ข้ารู้ว่าท่านไม่เป็นไร แต่พ่อเก๊เป็นห่วงท่านจะตายอยู่แล้ว!”
หยวนเป่าตัวเล็กแต่แผนแยอะ
เนื่องจากโม่เยว่ละเลยหยุนหว่านหนิงสี่ปี กับพ่อเก๊คนนี้ หยวนเป่าจึง…
จะเอาแต่ระบายอารมณ์แทนมารดาท่าเดียว ด้วยเหตุนี้จึง ‘หาเรื่อง’ เขาอยู่ร่ำไป
แม้เขายังเป็นเด็กน้อย แต่กลับมีเหตุผล รู้ผิดชอบ
หนนี้หยวนเป่าเห็นว่าโม่เยว่เป็นห่วงหยุนหว่านหนิงขนาดไหน
ดังนั้นยามนี้จึงมีใจช่วยเขาพูด
“ข้าไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย”
โม่เยว่ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ
สวรรค์รู้ เมื่อคืนตอนที่เขาเห็นท่าทางนางนอนจมกองเลือดหมดสติอยู่ในพุ่มหญ้า ราวกับตุ๊กตาดินเคลือบแตกง่าย…ขณะนั้นหัวใจเขาก็เจ็บแปลบอย่างรุนแรงทีหนึ่ง!
ราวกับถูกคนใช้ของแหลมอะไรทิ่มแทงหัวใจ
ครั้นความเจ็บผ่านพ้น ก็คืออาการหมดแรงอย่างไม่มีสิ้นสุด เจ็บหนักๆ
ขณะนั้น นอกจากม้าที่อยู่เป็นเพื่อนข้างกายนางแล้ว ข้างตัวนางก็ไม่มีใครอื่น
เขาช้อนตัวนางไว้ในอก แล้วจึงพบว่าที่แท้สาวน้อยที่หน้าขึงปากแข็ง กระทำการรุนแรงเฉียบขาดในยามปกติ กลับตัวเบาขนาดนี้
เขาพานางกลับเมืองหลวงทันที ไม่สนใจว่าจะดึกดื่นขนาดไหน สั่งหรูโม่หิ้วตัวหมอหลวงหยางที่ยังอยู่ในความฝันมาจวนอ๋องหมิง
หมอหลวงหยางไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง!
เขาอายุมากแล้ว นอนหลับยาก
ไก่ขันสามครา กว่าจะหลับ ก็ถูกหรูโม่หิ้วตัวจากจวนหยางมายังจวนอ๋องหมิง!
หลังจากส่งเขากลับไป เขานอนอยู่บนเตียงมองดวงดาวที่อยู่นอกหน้าต่าง นับตลอดทั้งคืนก็ยังนอนไม่หลับ
เวรกรรม!
“เจ้าไม่ห่วง แล้วทำไมไปช่วยข้าที่เขาหยุนอู้ที่ไกลขนาดนั้นล่ะ”
หยุนหว่านหนิงแหงนหน้ามองเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่มองหน้าเขาอย่างจริงจังอย่างนี้…มิน่าล่ะ เพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา เจ้าของร่างถึงกับทำเรื่องบ้าบิ่นมากมายขนาดนั้นออกมาได้
โม่เยว่มีหน้าตาดีจริงๆ!
ถึงจะแหงนหน้ามองเขาในมุมอับอย่างนี้ ก็ยังหาที่ติไม่ได้
แต่วันนี้ คางของเขามีตอหนวดเล็กๆ ขึ้นแน่นขนัดชั้นหนึ่ง ดูเป็นสีเขียวเล็กน้อย
ปกติเขามักจัดการตัวเองให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ
แม้จะต้องเข้าวังประชุมเช้า เขาก็ไม่เคยปล่อยปละละเลยเช่นนี้
วันนี้แปลกออกไป
เขาไม่เพียงแต่ไม่โกนหนวด แต่ยังสวมชุดผ้าไหมตัวเมื่อวาน ยับยู่ยี่ ดวงตาแดงระเรื่อ เป็นสีแดงจากการอดนอน
ทันใดนั้นหยุนหว่านหนิงก็รู้สึกปวดใจ
ถ้าเจ้าของร่างไม่ก่อเรื่องทำร้ายโม่เยว่มากขนาดนั้น
ถ้าสามารถได้ความจริงใจจากโม่เยว่ ผู้ชายคนนี้ต้องดีกับนางแน่กระมัง
น่าเสียดาย เจ้าของร่างโง่เกินไป และ ‘ใจร้อนอยากสำเร็จ’ มากเกินไป
เพื่อให้ได้แต่งงานกับโม่เยว่ นางเลือกทางเดินที่ดูเหมือนจะใกล้ที่สุด แต่กลับไกลที่สุด
นางทำให้ฉินซื่อเสวียต้องแยกจากโม่เยว่ ทำร้ายโม่เฟยเฟย บีบโม่เยว่ให้ยอมนาง ใช้วิธีการต่ำทรามไร้ยางอายบีบให้แต่งงาน กระตุ้นความเกลียดชังในใจส่วนลึกของโม่เยว่
ด้วยเหตุนี้จึงผลักโม่เยว่ออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ หันหลังให้กับนางโดยสมบูรณ์
ถูกเขาเกลียดแค้น ถูกเขาปฏิบัติตัวแบบโหดเหี้ยม ถูกเขาเมิน…
ทั้งหมดนี้ เจ้าของร่างรับกรรมที่ตนก่อทั้งสิ้น!
“ข้านอนไม่หลับ”
โม่เยว่ปากแข็งต่อ “ข้าก็ไม่เคยไปเขาหยุนอู้ด้วย ได้ยินว่าตอนกลางคืนมีทัศนียภาพงดงาม ข้าก็เลยไปชมวิวทิวทัศน์ยามดึก”
“แล้ว?”
หยุนหว่านหนิงจ้องดวงตาทั้งสองของเขาเขม็ง
แววตาของเขาวูบไหวเล็กน้อย “แล้ว ทัศนียภาพยังไม่ทันได้ชม”
“กลับเห็นภาพทำลายบรรยากาศ! ข้าเองก็ใช่ว่าเห็นคนตายแล้วจะไม่ช่วย ก็เลยต้องพาตัวทำลายบรรยากาศกลับมา”
คำอธิบายนี้ หยุนหว่านหนิงให้คะแนนเขาเก้าสิบเก้าคะแนน ถ้าให้เพิ่มอีกคะแนนกลัวว่าเขาจะได้ใจ!
ต่อสิ แต่งเรื่องต่ออีกสิ!
แต่ในขณะนั้นเอง หยวนเป่าที่อยู่ด้านข้างก็โพล่งขึ้น “พ่อเก๊”
“ข้าค้นพบว่าท่านแม่กับอาซ่งเหมาะสมกันมากว่า”
“อะไรนะ”
โม่เยว่พองขนแล้ว
เขาอยากผลักหยุนหว่านหนิงออก แต่ก็กลัวว่านางจะวิงเวียนศีรษะตาลายล้มลงไปอีก จึงได้แต่อดกลั้นไฟโกรธในใจ ถามแบบกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หยุนเสี่ยวหยวน เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ!”
หยวนเป่าไม่กลัวเขาหรอก
ในสายตาของเขา โม่เยว่ก็คือเสือกระดาษ!
“อาซ่งอ่อนโยนกับท่านแม่ขนาดไหน พ่อเก๊ท่านเอาแต่ปากอย่างใจอย่าง แล้วยังทำให้ท่านแม่โมโหอีก!”
หยวนเป่าแค่นเสียงฮึเบาๆ “ท่านแม่ป่วยแล้ว ท่านไม่อ่อนโยนให้มากหน่อยก็ช่างเถอะ ยังจะพูดยั่วท่านแม่อีก”
“ความฉลาดทางอารมณ์ของท่านต่ำจริงๆ!”
การเหน็บแนมจากบุตรชาย จู่โจมถึงแก่ชีวิตได้มากที่สุด
โม่เยว่โกรธจนกัดฟันกรอด แต่กลับระบายอารมณ์กับบุตรชายไม่ได้
เขาแทบจะระเบิดแล้ว!
“หยุนหว่านหนิง ดูลูกชายตัวดีที่เจ้าเลี้ยงสิ!”
“เช่นกันๆ ท่านอ๋อง ก็ไม่ใช่ลูกชายตัวดีที่เจ้าเลี้ยงหรือ””
หยุนหว่านหนิงหัวเราะ “คำเดิม! เรามันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ไม่ต้องว่าให้ใครหรอก!”
“ลูกชายของเราก็ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมดีของเรานั่นแหละ!”
“เจ้า เจ้า…”
ครั้นเห็นโม่เยว่โมโหจนหน้าบิดเบี้ยวแล้ว หยุนหว่านหนิงก็ร้องครวญขึ้นทันใด เอามือกุมหน้าผาก “ไอ้หยา ข้าปวดหัวจังเลย!”
โม่เยว่พลันตื่นตระหนก และไม่สนใจจะโกรธสองแม่ลูกอีก
เขารีบก้มหน้า ถามด้วยความร้อนรน “หนิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”