อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 303 ซ่งจื่ออวี๋มีความลับ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 303 ซ่งจื่ออวี๋มีความลับ
หยุนหว่านหนิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จู่ ๆ ซ่งจื่ออวี๋จะลงมือกับนางแบบนี้
นางถูกบีบคอแบบไม่มีการเตรียมระวังป้องกันใด ๆ ทั้งสิ้น ทำได้เพียงต่อสู้ดิ้นรนอย่างไม่คิดชีวิต ยื่นมือออกไปทั้งตบทั้งตีแขนของซ่งจื่ออวี๋ “ซ่ง…จื่ออวี๋ นี่เจ้าจะทำอะไร….”
“ปล่อยนะ! นี่ นี่ข้าเอง!”
ซ่งจื่ออวี๋ดูร่างกายผอมบางอ่อนแอ แต่กลับมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก!
ดูเหมือนเขาจะเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว จึงมองว่าหยุนหว่านหนิงเป็นศัตรูที่บุกเข้ามาใน “สถานที่ต้องห้าม” ของเขา
“จื่ออวี๋….”
หน้าอกของหยุนหว่านหนิงอึดอัดแทบระเบิด กระทั่งลมหายใจที่หลงเหลืออยู่ในลำคอ ก็ยังเหมือนว่าจะถูกบีบเค้นออกไปทีละน้อย ๆ ด้วย
หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป นางจะต้องถูกเขาบีบคอตายแน่!
ต้องรีบหาทางทำอะไรสักอย่าง!
หยุนหว่านหนิงเอียงหน้าไปอย่างยากลำบาก กวาดตามองไปทั่วสระน้ำ
ในเวลานี้ พวกเขากำลังยืนอยู่ริมสระน้ำ
ซ่งจื่ออวี๋สวมเพียงเสื้อบาง ๆ น้ำที่เหมือนกับลาวาเหล่านั้น เปียกชุ่มทั้งบนเส้นผมที่ยาวสยายและเสื้อผ้าของเขา หยดน้ำที่แดงเข้มไหลกลิ้งลงมาจากหน้าผากของเขา ทำให้ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้นยิ่งดูน่าสยดสยองมากขึ้น
สมองหยุนหว่านหนิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เงื้อเท้าขึ้นเตะต้นขาของซ่งจื่ออวี๋ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
นางพยายามเตะให้เขาล้มลง เมื่อทั้งคู่ตกลงไปในสระน้ำ ซ่งจื่ออวี๋ก็อาจจะปล่อยนางได้สักที!
แม้จะไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
แต่หยุนหว่านหนิงสามารถยืนยันได้ว่า ตอนนี้ซ่งจื่ออวี๋สูญเสียสติรู้คิดไปแล้ว!
น่าเสียดายที่นางยังไม่ทันได้เตะออกไป ซ่งจื่ออวี๋กลับคว้าข้อเท้าของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว….
ขายหน้าสิ้นดี!
หยุนหว่านหนิงคิดคร่ำครวญอยู่ในใจ
เตะไม่โดนซ่งจื่ออวี๋ แต่กลับจับพลัดจับผลูตีถูก——
หยุนหว่านหนิงเสียการทรงตัว ล้มคะมำหน้าคว่ำลงไปกับพื้น ซ่งจื่ออวี๋คิดไม่ถึงว่านางจะทรงตัวไม่อยู่ เท้าพลันลื่นเล็กน้อย ทั้งสองคนจึงล้มโครมลงไปบนพื้นพร้อมกัน!
ชั่วขณะที่ล้มลงกับพื้น ดูเหมือนว่าซ่งจื่ออวี๋จะฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาโอบแขนรอบเอวของหยุนหว่านหนิง พลิกเอาร่างกายของตัวเองไปรองไว้ใต้ร่างของนาง
ซ่งจื่ออวี๋ใช้ตัวเองเป็นโล่มนุษย์ให้นาง
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ล้มจนได้รับบาดเจ็บ แต่ซ่งจื่ออวี๋หลุดเสียงร้องอู้อี้ในลำคอขึ้นมาเสียงหนึ่ง กลิ่นคาวเลือดสายหนึ่งโชยมาเข้าจมูกนางทันที
นางรีบยืนขึ้น “ซ่งจื่ออวี๋ เจ้าไม่เป็นไรนะ?!”
ซ่งจื่ออวี๋ไม่ได้ยืนขึ้น สีแดงในดวงตาของเขาเริ่มจางหายไปบ้างเล็กน้อย สีหน้ายังคงซีดเผือดอย่างน่ากลัว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนระโหย “หนิงหนิง เจ้ามาแล้ว….”
หนิงหนิง? !
น้ำเสียงที่นางได้ยินในความฝัน ที่แท้ก็เป็นเสียงของซ่งจื่ออวี๋!
ชั่วขณะนั้น หยุนหว่านหนิงไม่มีเวลานึกสนใจอะไรอื่นแล้ว นางถอดเสื้อตัวในของเขาออกเพื่อตรวจสอบ…..
เลือดสด ๆ ไหลอาบย้อมเสื้อคลุมของซ่งจื่ออวี๋จนแดงเถือก
สองมือของหยุนหว่านหนิงสั่นระริก
หลังจากถอดเสื้อตัวในออก ก็เห็นว่าข้างในมีเลือดไหลซิบ ๆ
แม้ว่านางจะจัดการบาดแผลของซ่งจื่ออวี๋ ใช้ด้ายผ่าตัดเย็บแผลให้แล้ว …. แต่ปากแผลกลับไม่ยอมสมาน แม้แต่ด้ายผ่าตัดก็ยังไม่ยอมละลายหายไปสักที!
บาดแผลของเขา ยังคงมีสภาพเหมือนกับที่นางเห็นในคืนนั้น ดูแล้วน่าตกตะลึงจนอกสั่นขวัญหาย!
“นี่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?!”
หยุนหว่านหนิงตกตะลึงจนตาค้าง รีบถามซ่งจื่ออวี๋ว่า “ซ่งจื่ออวี๋ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
“ทำไมบาดแผลของเจ้าถึงไม่ดีขึ้นเลยสักนิดล่ะ?!”
น้ำเสียงของนางทั้งเป็นกังวลทั้งร้อนใจ
ยาที่นางใช้กับซ่งจื่ออวี๋ ล้วนเป็นยาที่ดีที่สุดเชียวนะ
เมื่อลองคำนวณเวลาดูแล้ว ในช่วงหลายวันมานี้ อาการบาดเจ็บของซ่งจื่ออวี๋ก็น่าจะเกือบจะหายดีแล้วสิ ….. อย่างน้อย แผลก็ควรจะตกสะเก็ดบ้างได้แล้ว!
แต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยซักนิด!
หยุนหว่านหนิงแทบจะเป็นบ้าตายให้ได้แล้ว
“หนิงหนิง ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไรหรอก”
ซ่งจื่ออวี๋ยิ้มอย่างอ่อนแรง “คงต้องรบกวนเจ้า โยนข้ากลับลงไปในสระอีกทีแล้วล่ะ”
เขาอยากจะลงสระเองอยู่เหมือนกัน แต่ติดที่ว่าตอนนี้เขาลุกไม่ขึ้นแล้วจริง ๆ!
“ได้”
หยุนหว่านหนิงรีบผลักซ่งจื่ออวี๋ลงไปในสระเบา ๆ จึงเห็นว่าน้ำไม่ไหลผ่านบาดแผลของเขาไป นางจึงถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างรึ?”
“อื้ม”
ซ่งจื่ออวี๋หลับตา เจ็บจนพูดไม่ออก
นับว่าเป็นเรื่องแปลกเช่นกัน
เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดเมื่อครู่ มาตอนนี้กลับหยุดไหลทันที
แค่เสื้อตัวในที่เป็นสีแดงเถือกนั่น ก็น่ากลัวจนอกสั่นขวัญหายแล้ว
“แล้วน้ำนี้สรุปว่าเป็นน้ำอะไรกันแน่?”
หยุนหว่านหนิงถามอย่างเป็นกังวล “บาดแผลยังไม่หายเลยนะ ลงไปเปียกน้ำแบบนี้ไม่เป็นไรจริง ๆ น่ะหรือ?”
“อื้ม”
เสียงของซ่งจื่ออวี๋แผ่วเบามาก
“ซ่งจื่ออวี๋ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยนะ ว่าสรุปแล้วเจ้าเป็นอะไรไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าไปขอยาเม็ดนั้นมาให้ข้าจากที่ไหน? ทำไมเจ้าถึงได้รับบาดเจ็บจนเป็นขนาดนี้?”
ในใจของหยุนหว่านหนิง มีแต่คำว่าทำไมเป็นแสน ๆ คำ
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าซ่งจื่ออวี๋ไม่สามารถตอบนางได้
นั่นเป็นเพราะว่าเขาสลบไปแล้ว
หยุนหว่านหนิงไม่รู้ว่าเขาต้องแช่อยู่ในนั้นนานเท่าไหร่ แล้วมันจะมีอันตรายอะไรหรือไม่….
จึงคิดว่าต้องไปที่ภูเขาหยุนอู้สักครั้ง เพื่อหาคำตอบจากท่านเสวียนซาน
แต่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เดิมทีนางก็ควรจะไปรับหยวนเป่ากลับจวนเสียที
ยังมีซ่งจื่ออวี๋ที่อยู่ที่นี่อีก นางไม่กล้าออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
พอคิดไปคิดมา ก็คิดหาทางออกดี ๆ ไม่ได้
ชั่วขณะนั้น หยุนหว่านหนิงจู่ ๆ ก็รู้สึกว่า ยังไงศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดก็สะดวกสบายกว่าจริง ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โทรศัพท์ไปกริ๊งเดียวก็ช่วยแก้ปัญหาได้หมดแล้ว……
หยุนหว่านหนิงไม่กล้าจากไป
หลังจากคิดไปคิดมา นางก็ส่งจดหมายผ่านพิราบสื่อสารไปให้ท่านเสวียนซาน
นางอยากรู้มากจริง ๆ ว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทั้งซ่งจื่ออวี๋กับท่านเสวียนซาน ล้วนสามารถคำนวณได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ครั้งนี้ซ่งจื่ออวี๋ได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนี้ ทั้งท่านเสวียนซานกับซ่งจื่ออวี๋จะไม่มีลางสังหรณ์ใด ๆ เลยเชียวหรือ?!
ซ่งจื่ออวี๋ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ท่านเสวียนซานที่เป็นอาจารย์ จะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวหรือ?!
เพียงไม่นาน ท้องฟ้าก็มืดสนิท
เมื่อโม่เยว่กลับมาจากค่ายเสินจี กลับไม่เห็นหยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่า จึงไปถามหรูเยียน
“นายท่าน พระชายาไปที่รับคุณชายน้อยที่จวนตระกูลกู้ ยังไม่กลับมาเลย”
“ยังไม่กลับรึ? นี่มันยามอะไรแล้ว?”
โม่เยว่รู้สึกไม่วางใจ “ข้าจะไปรับพวกเขาเอง”
ใครจะรู้ว่าเมื่อไปถึงจวนตระกูลกู้ กลับไม่เห็นหยุนหว่านหนิง แต่กลับได้เห็นคนที่เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน -โม่เฟยเฟย น้องสาวของเขาเอง!
เมื่อเห็นว่าโม่เยว่มาแล้ว สีหน้าของโม่เฟยเฟยก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
“พี่เจ็ด ท่าน ท่านมาทำไมรึ?”
“ข้าก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม?”
โม่เยว่จ้องนางเขม็ง
“ข้า ข้า……”
โม่เฟยเฟยอึกอักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ข้ามาหาพี่สะใภ้เจ็ด!”
“ที่ผ่านมาพอถึงยามนี้ พี่สะใภ้เจ็ดจะต้องมารับหยวนเป่าที่จวนตระกูลกู้แล้ว ข้าคิดว่าไปที่จวนอ๋องหมิงจะเป็นการเสียเวลาหลายทอด เลยตรงมาที่จวนตระกูลกู้เพื่อพบพี่สะใภ้เจ็ด!”
“แล้วพี่สะใภ้เจ็ดของเจ้าล่ะ?”
ดวงตาของโม่เยว่เริ่มมืดทะมึนลง
ตอนนี้ พวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้
ทั้งหยวนเป่าและกู้ป้อจ้งต่างก็ไม่อยู่ หยุนหว่านหนิงก็ไม่อยู่ ส่วนโม่เฟยเฟย…. ก็กำลังผลักกู้หมิงอยู่
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
โม่เฟยเฟยทำหน้าไร้เดียงสา “ข้ามาถึงจวนกู้แล้วไม่เห็นพี่สะใภ้เจ็ด! คิดว่าบางทีพวกพี่อาจจะยังไม่มารับหยวนเป่า ข้าเลยอยู่เป็นเพื่อนหยวนเป่า รอพวกพี่มาที่นี่ด้วยกัน ”
โม่เยว่ขมวดคิ้วแน่น
สรุปว่าอยู่เป็นเพื่อนหยวนเป่า หรือว่าอยู่เป็นเพื่อนกู้หมิงกันแน่?
เมื่อเผชิญกับสายตาอันดำทะมึนที่จ้องมองมาของโม่เยว่ โม่เฟยเฟยก็รู้สึกร้อนตัว
นางรีบเบนสายตามองไปทางอื่น “หยวนเป่ายังอยู่ในห้องหนังสือ อยู่กับใต้เท้าผู้เฒ่าน่ะ”
“ตอนที่ข้าออกมา ก็บังเอิญได้พบกับท่านรองกู้พอดี….”
ดังนั้นเลยผลักเขาออกมาเดินเล่นในสวนรึ?
คำอธิบายนี้ดูจะเอาสีข้างเข้าแถไปหน่อย เห็นได้ชัดว่าโม่เยว่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่
“อย่างนั้นหรือ?”
เขาหรี่ตาลง กวาดสายตามองประเมินกู้หมิงกับโม่เฟยเฟยอย่างค้นหา แต่โม่เฟยเฟยยืนกรานที่จะไม่มองสบตาเขา ส่วนใบหน้าของกู้หมิงยังคงราบเรียบดูเป็นปกติ
ดูไม่ออกเลยว่ามีความผิดปกติตรงไหน
เขากำลังจะถามเกี่ยวกับเรื่องของหยุนหว่านหนิง เสียงของนางก็ดังแว่วขึ้นมาจากด้านหลัง “นี่ข้ามาสายแล้วหรือ?”
เสียงของนางแฝงอาการหอบน้อย ๆ เหมือนกับว่านางเพิ่งจะวิ่งตะบึงมาเป็นระยะทางนับร้อย ๆ ลี้
โม่เยว่หมุนตัวกลับไปมอง….. ดวงตาของเขาพลันสั่นไหว เดินสับขาเร็วจี๋ราวกับเหาะได้เข้าไปหยุดอยู่ข้าง ๆ หยุนหว่านหนิง เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “หนิงเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ?!”