อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 317 รังแกพระชายาของข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 317 รังแกพระชายาของข้า
ฉินซื่อเสวียที่ซึ่งวางแผนจะทำเป็นหมดสติไปโดยตรง ได้ยินคำพูดนี้ก็กลอกตาขึ้นมา……
ได้แต่กลอกตามองบนเท่านั้น
นางจ้องมองดูนางอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หยุนหว่านหนิง เหตุใดเจ้าถึงต้องจงหาเรื่องข้าตลอดด้วย? ! วันนี้เป็นวันที่ท่านอ๋องของข้าแต่งงานรับพระชายารอง เจ้าค่อยเลือกวันอื่นมาต่อกรกับข้าไม่ได้หรือ? !”
ฟ้าดินเป็นพยาน!
นี่จะมาโทษนางไม่ได้นะ!
หยุนหว่านหนิงมองดูนางอย่างขบขัน “ฉินซื่อเสวีย เจ้าพูดกลับกันหรือเปล่า?”
“ตกลงใครหาเรื่องใคร? วันนี้ข้าไม่ไว้หน้าเจ้าหรือ? ข้าไม่ได้ชมการแสดงอยู่ด้านล่างอย่างสงบตลอดหรอกหรือ?”
นางปล่อยมือออก เดินมาข้างหน้าจากข้างกายของโม่เยว่ “ใครเป็นคนให้ข้าขึ้นมากัน? ใครเป็นคนยั่วยุข้าทีละคำทีละคำ? ใครอยากหาเรื่องใครกันแน่? !”
“ข้า……”
สายตาของฉินซื่อเสวียประหม่าขึ้นมา
“ข้าแนะนำให้เจ้าคิดให้ดีก่อนค่อยตอบ!”
หยุนหว่านหนิงกล่าวเสียงขรึม
“ข้าเอง”
ฉินซื่อเสวียกัดฟันยอมรับ
นางรู้ว่า หากนางยืนกรานไม่ยอมรับ ผู้หญิงคนนี้มีแต่จะยิ่งก่อเรื่องเลยเถิดมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เกรงว่าคงจะสร้างความวุ่นวายให้จวนอ๋องสามของพวกเขาวุ่นวายไปทั่วแน่!
ถึงเวลานั้น ถึงจะเป็นการทำให้แขกเหรื่อเห็นเป็นเรื่องตลก!
“แต่ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น”
ฉินซื่อเสวียชี้ไปทางหยุนธิงหลาน “พระชายารองหยุนเป็นคนขอให้เจ้าขึ้นมาเป็นพยาน!”
ถึงแม้จะต้องแบกรับไฟโทสะของหยุนหว่านหนิง นางก็จะไม่โง่พอที่แบกรับเอาไว้คนเดียวหรอก!
ยังมีนังแพศยาหยุนธิงหลานอีกคน อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้!
หยุนธิงหลานหลบอยู่ในอ้อมแขนของโม่หุยเฟิง ถูกฉินซื่อเสวียลากตัวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็จับเสื้อของโม่หุยเฟิงเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว “ท่านอ๋อง ข้ากลัว……”
ตอแหลมากพอจริงๆ!
หยุนหว่านหนิงกลอกตามองบน
โม่เยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย “พี่สาม ดังนั้นวันนี้ พวกท่านรังแกหนิงเอ๋อร์จริงๆ?”
โม่หุยเฟิง: “……ไม่ใช่ เจ้าเจ็ด นี่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”
“พวกท่านรังแกพระชายาของข้า ท่านว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
โม่เยว่มองดูเขาอย่างเฉยเมย
“ใครรังแกใครกัน? !”
โม่หุยเฟิงไม่พอใจขึ้นมาทันที “เจ้าลองถามแขกเหรื่อที่อยู่ด้านล่างดู ตั้งแต่หยุนหว่านหนิงขึ้นมาบนแท่น นางคนเดียวรังแกเราสามคน หรือว่าเราสามคน ร่วมหัวกันรังแกนางคนเดียวกันแน่?”
สายตาของผู้ชมละเอียดถี่ถ้วนที่สุด!
เห็นเขามองไปทางด้านล่างด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม บรรดาแขกเหรื่อรีบร้อนเบือนสายตาออกไป
บางคนเงยหน้ามองขึ้นฟ้า มีคนก้มหน้ามองดิน มีคนก้มหน้าก้มตากินอย่างบ้าคลั่ง
แต่ไม่มีใคร กล้าสบตากับโม่หุยเฟิงเลยสักคน
เสือสองตัวต่อสู้กัน ฝูงแกะน้อยอย่างพวกเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยพลการหรอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีแม่เสือที่มีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งอีกตัวหนึ่งด้วย!
โม่หุยเฟิงโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ: “……เจ้าพวกสารเลวทั้งหลาย!”
มีเพียงโจวหยิงหยิงเท่านั้นที่ยังแคะเมล็ดแตงโม ลุกขึ้นมาเป็น “พยาน” ให้กับหยุนหว่านหนิง “เจ้าเจ็ด! ข้าสามารถเป็นพยานได้ พวกเขาเป็นคนยั่วยุหนิงเอ๋อร์ก่อน!”
สีหน้าของโม่หุยเฟิงเปลี่ยนไปทันที “พี่สะใภ้รอง!”
“ที่ข้าพูดคือเรื่องจริง เจ้ามาจ้องข้าเช่นนี้ทำไมกัน?”
โจวหยิงหยิงขมวดคิ้ว
เวลานี้นาง จะตอบคำถามจากมุมมองที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม!
เมื่อครู่ พวกเขาเป็นฝ่ายยั่วยุก่อนไม่ใช่หรือ?
หยุนหว่านหนิง เขาแค่นั่งชมการแสดงอยู่ด้านล่างตลอดเท่านั้น!
“เจ้ารังแกที่ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งใช่ไหม? หากเจ้ามีปัญญา เจ้าก็ไปคุยกับพี่รองเจ้าที่จวนอ๋องฮั่นโน้น เจ้ามาจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน?”
โจวหยิงหยิงไม่พอใจแล้ว
นางโยนเปลือกเมล็ดแตงโมที่อยู่ในมือทิ้งไป แล้วก็ปรบมือ“เรื่องอะไรนักหนา!”
“ก็แค่มาดื่มเหล้ามงคลไม่ใช่หรือ? คิดไม่ถึงว่ายังจะมาจ้องข้าได้? เหล้ามงคลนี่ข้าไม่ดื่มมันแล้ว!”
นางยกถ้วยสุราที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มหมดในรวดเดียว หันหลังจากไปด้วยความโกรธ
โม่หุยเฟิงปวดหัว
ทีนี้ยิ่งแล้วไปใหญ่ แม้แต่พี่รองกับพี่สะใภ้รองก็ถูกเขาล่วงเกินไปแล้ว
เขากุมขมับเอาไว้ “เจ้าเจ็ด เรื่องมันไม่ใช่แบบนี้……”
“ไม่ใช่แบบนี้แล้วมันเป็นแบบไหน?”
หยุนหว่านหนิงนำหัวข้อสนทนากลับมา “เมื่อครู่พระชายาสามบอกว่า ชุดแต่งงานที่น้องรองของข้าใส่ คือชุดแต่งงานที่นางใส่ตอนแต่งงานไม่ใช่หรือ?”
“แล้วมันไม่ใช่หรอกหรือ?”
ฉินซื่อเสวียตั้งใจทำให้มันแย่ลง
นางคิดในใจ ถึงแม้วันนี้จะล่วงเกินหยุนหว่านหนิง
ผู้หญิงคนนี้ยังสามารถกินนางเข้าไปได้หรืออย่างไร? !
โม่จงหรานออกคำสั่ง ให้กักบริเวณทุกคนในจวนอ๋องสามนานแล้ว
วันนี้ก็แค่แต่งงานรับหยุนธิงหลานเข้าจวนอ๋องเท่านั้น พรุ่งนี้ก็ต้องปิดประตูลง ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกได้ตามใจทั้งนั้น
นางไม่เชื่อหรอกว่า หยุนหว่านหนิงยังจะสามารถเข้ามาทำอะไรนางได้อย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย? !
ต้องบอกว่า ฉินซื่อเสวียพูดถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของเรื่องราวแล้ว
คนอื่นไม่กล้า แต่หยุนหว่านหนิงกล้าจริงๆ!
“วันนี้ข้ายังว่าน้องรองอยู่เลยว่า เสียดายที่อายุน้อยๆก็ตาบอดแล้ว คำพูดประโยคนี้ ตอนนี้ข้าขอมอบมันให้พระชายาสามด้วยเช่นกัน!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย้ยหยัน
นางดึงหยุนธิงหลานออกมาจากอ้อมแขนของโม่หุยเฟิง
หยุนธิงหลานเสียหลัก เกือบจะล้มลงไปบนพื้น
หยุนหว่านหนิงประคองนางอย่างอ่อนโยน ชี้ไปที่ชุดแต่งงานบนร่างกายของนางแล้วกล่าวต่อฉินซื่อเสวีย “พระชายาสามเบิกตาของเจ้าออก แล้วมองให้ดีๆ!”
“ชุดแต่งงานนี่ เป็นชุดที่เจ้าใส่ ตอนที่แต่งงานจริงหรือ? !”
“แล้วมันไม่ใช่หรือ?”
ฉินซื่อเสวียยังคงดื้อด้านไม่ยอมรับความผิด
ขณะที่นางพูดไป ก็เดินไปถึงข้างกายของหยุนธิงหลานไปด้วย
“เจ้ามองให้มันดีๆ!”
ภายใต้ความโกรธ หยุนหว่านหนิงกดท้ายทอยของฉินซื่อเสวียเอาไว้ ใช้แรงกดศีรษะของนางลงไปอย่างแรง
“หยุนหว่านหนิงเจ้าทำอะไรของเจ้า!”
ฉินซื่อเสวียตกใจแย่แล้ว
นางพยายามดิ้นรน แต่กลับไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของหยุนหว่านหนิงไปได้
โม่เยว่กับโม่หุยเฟิงมองหน้ากันครู่หนึ่ง ฝ่ายหลังเบือนสายตาออกไปอย่างกระอักกระอ่วน……ช่างเถอะช่างเถอะ วันนี้สองสามีภรรยาคู่นี้ มาเพื่อก่อความวุ่นวายชัดๆ!
วันนี้ เขาขายหน้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ไม่สนใจแล้วว่า ตอนนี้สถานการณ์ของฉินซื่อเสวียจะกระอักกระอ่วนแค่ไหน
หากว่าเขาเอ่ยปาก กลับจะพาตัวเองติดร่างแหไปด้วย……
โม่หุยเฟิงเลือกที่จะเอาตัวรอดอย่างคนมีสติ
“เห็นชัดเจนหรือยัง?”
เห็นฉินซื่อเสวียมองพิจารณาชุดแต่งงานบนตัวของหยุนธิงหลานอย่างจริงจัง หยุนหว่านหนิงถึงได้ปล่อยมือออก
นางรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของโม่เยว่ เช็ดมือด้วยความรังเกียจ แล้วก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับหรูอวี้
ราวกับว่า มีสิ่งสกปรกอะไรติดอยู่บนฝ่ามือ!
ถึงแม้ฉินซื่อเสวียจะก้มหน้าเอาไว้ หางตากลับมองไปทางนาง…….
เห็นนางยังเช็ดมืออยู่ นางระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที!
“หยุนหว่านหนิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”
“ก็หมายความอย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละ? ยังจะหมายถึงอะไรได้อีก?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว “ข้ายังแสดงออกได้ไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
ชัดเจน!
ก็เพราะว่ามันชัดเจนเกินไป!
ถึงทำให้ฉินซื่อเสวียเกิดความโกรธแค้นขึ้นมา!
โต้เถียงกับนางไป ก็ไม่มีอะไรดีหรอก กลับจะถูกทำให้โกรธเจียนตาย……
ฉินซื่อเสวียเก็บสายตากลับมาด้วยความอัปยศ ไม่ต้องการจะโต้เถียงกับนาง
แต่เพิ่งจะหันมา ก็เห็นหยุนธิงหลานมองไปทางหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าท่าทางประหม่า เห็นเพียงนางกลืนน้ำลายลงมา สองมือที่อยู่ข้างลำตัว ก็กำแน่นมากยิ่งขึ้น
แสดงให้เห็นว่าเวลานี้ นางประหม่ามากกว่าฉินซื่อเสวียเสียอีก!
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่หยุนธิงหลานในฐานะบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
วันนี้ตอนที่ยังอยู่ในจวนกั๋วกง หยุนหว่านหนิงเป็นคนคะยั้นคะยอให้นางเข้าไปด้านใน จัดการเปลี่ยนชุดแต่งงานชุดนี้ให้นางโดยตรง……
และชุดแต่งงานชุดนี้ ก็คือชุดที่แม่เฒ่าคนนั้นนำมา ชุดแต่งงานที่ฉินซื่อเสวียเคยสวมใส่!
นางเริ่มคาดเดาในใจแล้ว
หรือว่า หยุนหว่านหนิงจะฉวยโอกาสนี้กำจัดนางทิ้งไปโดยตรง? !
นางไม่ควรเชื่อนางเลยจริงๆ!
หยุนธิงหลานประหม่าจนใกล้จะร้องไห้แล้ว
เมื่อครู่นี้ทำไมนางต้องพูดไม่คิด ยืนกรานจะให้หยุนหว่านหนิงขึ้นมาเป็นพยานให้ได้……นี่มันใช่การเป็นพยานที่ไหนกัน เป็นการผลักนางเข้าไปในขุมนรกชัดๆเลย!
หยุนธิงหลานเสียใจภายหลังก็ไม่ทันการแล้ว
แต่มานึกเสียใจตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าสายไปแล้ว
ในขณะที่นางนึกว่าฉินซื่อเสวียจะจำชุดแต่งงานชุดนี้ได้นั้น ได้ยินเพียงฉินซื่อเสวียอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? !”