อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 318 อ้างหลักศีลธรรมมาบีบบังคับนาง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 318 อ้างหลักศีลธรรมมาบีบบังคับนาง
เพราะว่าตกตะลึงมากเกินไป ฉินซื่อเสวียถอยหลังไปหนึ่งก้าว
นางมองไปทางหยุนหว่านหนิงราวกับเห็นผี “หยุนหว่านหนิง! เจ้าแอบทำอะไรลงไปกันแน่!”
ฉินซื่อเสวียกล่าวถามเสียงแหลม
“แอบทำอะไร?”
หยุนหว่านหนิงเกี่ยวริมฝีปาก แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจคำพูดของนาง “พระชายาสาม เจ้าเป็นคนมองไม่ชัดเจนเอง ว่าตกลงแล้วพระชายารองหยุนบ้านท่านใส่ชุดแต่งงานชุดไหนกันแน่”
“คนที่เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน คือเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าเป็นคนพูดเอง ว่าชุดแต่งงานชุดนี้คือชุดที่เจ้าเคยใส่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เจ้ามาถามข้าทำไม?”
หยุนธิงหลานประหม่าจนถึงขีดสุด!
ในขณะที่นางทนไม่ไหว เกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา……
จู่ๆ ฉินซื่อเสวียก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
หยุนธิงหลานตกใจจนตัวสั่น
ได้ยินคำสนทนาของทั้งสองคน ถึงแม้นางจะโง่เหมือนลา ก็ฟังเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวมีความแปลกประหลาด ชุดแต่งงานที่นางใส่อยู่ ไม่ใช่ชุดแต่งงานของฉินซื่อเสวีย!
หยุนธิงหลานโล่งอกไปเปลาะหนึ่งทันที
ร่างกายของนางอ่อนระทวย ล้มตัวลงไปบนร่างกายของหยุนหว่านหนิงโดยตรง
ความรู้สึกที่เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุขนี่…..
คนธรรมดาทั่วไปรับไม่ไหวจริงๆ!
“ขยะไร้ค่า”
หยุนหว่านหนิงด่าออกมาเบาๆคำหนึ่ง แต่ก็ยังประคองนางเอาไว้ด้วยความปรารถนาดี ไม่ว่าในใจของหยุนธิงหลานจะรู้สึกไม่พอใจมากแค่ไหน ก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาในเวลานี้ ยอมรับว่านางก็คือขยะไร้ค่าโดยปริยาย……
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนางก็ไม่สามารถเข้าใจได้
วันนี้แม่เฒ่าคนนั้นส่งชุดแต่งงานมา หยุนหว่านหนิงก็เปลี่ยนให้กับนาง
ทำไมหลังจากที่เข้าจวนอ๋องสามแล้ว ชุดแต่งงานนั่นก็เปลี่ยนไป? !
สายตาของนางสอบถามหยุนหว่านหนิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าหยุนหว่านหนิงไม่มีเวลาอธิบายให้นางฟัง
นางกำลังยุ่งกับการจัดการฉินซื่อเสวียอยู่!
“ทำไม? พระชายาสาม? พูดไม่ออกแล้วหรือ?”
เห็นฉินซื่อเสวียทรุดตัวลงบนพื้น เพราะความตกใจมากเกินไป หยุนหว่านหนิงมองดูนางด้วยความขบขัน “เจ้าเป็นพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าชุดแต่งงานชุดนี้คือชุดที่เจ้าเคยใส่?”
“ข้าก็ให้เจ้าตรวจดูให้ชัดเจนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าก็ยังคงยืนกรานว่า เจ้าดูไม่ผิด”
“เช่นนั้นตอนนี้ มันคือเรื่องอะไรกันแน่?”
เมื่อครู่นี้ ฉินซื่อเสวียยังแยกเขี้ยวยิงฟันด่าว่าหยุนธิงหลานด้วยท่าทางดุร้าย บอกว่านางมีเจตนาชั่วร้าย หวังในตำแหน่งพระชายาของนางอยู่เลย
เวลานี้ ถูกตบหน้าอย่างแรงแล้วใช่ไหม? !
ฉินซื่อเสวียเงยหน้าขึ้นมา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
นางมองดูหยุนหว่านหนิงด้วยสีหน้าซีดขาว “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
“ข้าเป็นคนสั่งการให้แม่เฒ่าเฉียน ส่งชุดแต่งงานไปที่จวนกั๋วกง ตอนที่แม่เฒ่าเฉียนกลับมาก็กลับมามือเปล่า แล้วชุดแต่งงานของข้าไปไหนแล้ว? !”
จนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ฉินซื่อเสวียหันหน้ากลับไปในทันที สายตาที่เฉียบคมจ้องมองไปยังฝูงชน
มองไปตามสายตาของนาง หยุนหว่านหนิงมองเห็นแม่เฒ่าเฉียนซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนพอดี สีหน้าท่าทางลนลาน
“พระชายาสามนี่คือยอมรับแล้วว่า วันนี้สั่งการให้แม่เฒ่าเฉียนส่งชุดแต่งงานไปที่จวนกั๋วกง ก็เพื่อวางกับดักให้น้องรอง ให้นางตกหลุมพรางใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ไม่ใช่ข้า! ข้าเปล่า! เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!”
ฉินซื่อเสวียปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย
“ใช่หรือไม่ใช่ ให้แม่เฒ่าเฉียนขึ้นมายืนยันกันต่อหน้าก็รู้แล้ว?”
หยุนหว่านหนิงขยิบตาให้กับหรูอวี้
หรูอวี้กระโดดลงไป หิ้วตัวแม่เฒ่าเฉียนแล้วโยนขึ้นไปบนแท่น
นางขดตัวเอาไว้ “บ่าวไม่ทราบ! บ่าวไม่ได้ทำอะไรเลย! พระชายาของบ่าวสั่งการให้บ่าว ส่งชุดแต่งงานไปให้พระชายารองหยุนเท่านั้น”
“อยากจะให้พระชายารองหยุนรู้สึกถึงความหวังดีของพระชายา ใครจะรู้ว่าพระชายารองหยุนจะใส่ชุดแต่งงานของพระชายาของบ่าวเลย!”
คำพูดนี้ กลับสอดคล้องกับคำพูดของฉินซื่อเสวียเมื่อครู่นี้พอดี
ดูท่าแม่เฒ่าเฉียนคนนี้ จะจงรักภักดีต่อฉินซื่อเสวียจริงๆ
ชั่วชีวิตนี้ หยุนหว่านหนิงเกลียดคนที่ช่วยคนชั่วช้าทำความชั่วที่สุด!
ถึงแม้หยุนธิงหลานจะน่าชิงชัง
แต่ฉินซื่อเสวียอาศัยอำนาจข่มเหงรังแกผู้อื่น ทำความชั่วมากมาย ยิ่งสมควรตาย!
นางไม่มีความคิดจะดึงตัวแม่เฒ่าเฉียนไปแล้ว เพียงแค่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แม่เฒ่าเฉียน ครึ่งชั่วยามก่อน ตอนอยู่ที่จวนกั๋วกงเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้นี่”
นางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่หันหน้ามองดูโม่หุยเฟิง
“เจ้ามองดูข้าทำไมกัน?”
โม่หุยเฟิงระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที
“ท่านอ๋องสามน่าจะรู้ว่า ข้ามีวิธีทำให้พวกท่านได้ยิน ว่าก่อนหน้านี้แม่เฒ่าเฉียนพูดว่าอะไร”
ถูกนางพูดเช่นนี้ โม่หุยเฟิงก็นึกขึ้นมาได้แล้ว
เหตุผลที่เขา “ตก” อยู่ในมือของหยุนหว่านหนิงในตอนนั้น ก็เพราะอุปกรณ์ทรงสี่เหลี่ยมอันนั้นของนาง
เขาไม่รู้ว่า อุปกรณ์นั่นเรียกว่าปากกาบันทึกเสียง
แต่เขายังจำได้อย่างเด่นชัด
เป็นเพราะว่ามัน ทำให้คนตกตะลึงมากจริงๆ!
ตอนนี้หยุนหว่านหนิงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าท่าทางของเขาตึงเครียด หันหน้าไปมองฉินซื่อเสวียกับแม่เฒ่าเฉียน พร้อมคำรามด้วยความโกรธ “พูดมา! มันเรื่องอะไรกันแน่!”
หากหยุนหว่านหนิงหยิบปากกาบันทึกเสียงออกมาต่อหน้าทุกคน……
จวนอ๋องสามยังมีความน่าเกรงขามอยู่อีกหรือ? !
ฉินซื่อเสวียไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอ๋อง ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?”
แม่เฒ่าเฉียนพูดตาม “ท่านอ๋อง ท่านไม่เชื่อ…..”
“เชื่อแม่เจ้าสิ!”
โม่หุยเฟิงโกรธสุดขีด ถีบแม่เฒ่าเฉียนลงจากแท่นไปอย่างแรง!”
แม่เฒ่าเฉียนนอนหมอบอยู่บนพื้น นานพักใหญ่ก็ไม่ลุกขึ้นมา
หยุนหว่านหนิงเอามือกอดอก “ถ้าหากแม่เฒ่าคนนี้ไม่รู้ชั่วดี ไม่ยินดีพูดความจริง……ข้ากลับมีวิธีที่จะทำให้นางพูดความจริง”
“วิธีอะไร?”
โม่หุยเฟิงถาม
“ตี”
หยุนหว่านหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน นี่ถือว่าเป็นวิธีบีบให้รับสารภาพที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว”
โบยสิบที ยังไม่ยอมสารภาพ เช่นนั้นก็ยี่สิบที สามสิบที สี่สิบที……
“ถ้าหากถูกโบยจนตายก็ยังไม่ยอมสารภาพอีกล่ะ?”
โม่หุยเฟิงขมวดคิ้ว
สำหรับหยุนหว่านหนิงแล้ว นี่ไม่ถือเป็นเรื่องอะไรเลย
“ข้ามียาที่รักษาให้หายอย่างรวดเร็วอยู่ โบยไปห้าสิบทีนางยังไม่ยอมสารภาพ ก็ป้อนยาให้นางกินหนึ่งเม็ด ต่อลมหายใจของนางไว้เฮือกหนึ่ง แล้วก็โบยต่อไป!”
นางยิ้มออกมาเล็กน้อย
แต่สิ่งที่พูดออกมา กลับโหดร้ายไร้ที่เปรียบ “หากเป็นเช่นนี้ นางยังไม่ยอมสารภาพอีก”
“เช่นนั้นก็มัดครอบครัวของนางเอาไว้ แล้วโบยพร้อมกัน!”
ใช่ว่านางจะโหดร้ายจริงๆ
อย่างไรเสียสำหรับหยุนหว่านหนิงแล้ว คำพูดพวกนี้ก็เป็นเพียงการข่มขู่แม่เฒ่าเฉียนเท่านั้น
หากเป็นฉินซื่อเสวีย ต้องสามารถทำเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน!
นางเลิกคิ้วขึ้นมา “เป็นอย่างไร? แม่เฒ่าเฉียน เจ้าจะสารภาพออกมาอย่างตรงไปตรงมาเอง หรือว่าจะให้ข้าใช้วิธีเมื่อครู่นี้ บีบบังคับให้เจ้าสารภาพ?”
สายตาที่ฉินซื่อเสวียมองไปทางนางเปลี่ยนไปแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ โหดเหี้ยมมากพอจริงๆ!
“หยุนหว่านหนิง โทษไม่พาดพิงถึงคนในครอบครัว”
นางต้องการจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศีลธรรม อ้างหลักศีลธรรมมาบีบบังคับหยุนหว่านหนิง “แม่เฒ่าเฉียนอายุมากแล้ว”
“ในครอบครัวของนางมีทั้งเด็กและคนชรา เจ้าทำลงคอได้อย่างไร! แน่จริง เจ้าก็พุ่งทุกอย่างมาที่ข้านี่!”
“พระชายาสาม มีคุณธรรมต่อบ่าวรับใช้อย่างลึกซึ้งจริงๆ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างสุภาพ
มีคำกล่าวหนึ่งเรียกว่า: ขอเพียงข้าไม่มีศีลธรรม ใครก็ไม่สามารถอ้างหลักศีลธรรมมาบีบบังคับนางได้!
นางฮึออกมาเบาๆ “ในเมื่อพระชายาสามอาสารับผิดชอบด้วยตัวเอง……ฐานะของท่านพิเศษ ข้าได้แต่ส่งคนไปรายงานเสด็จพ่อ สอบถามความเห็นของเสด็จพ่อ จะให้ท่านถูกโบยแทนแม่เฒ่าคนนี้ได้หรือไม่”
“หากว่าทำได้ เช่นนั้นก็โบยพวกท่านนายบ่าวทั้งสองพร้อมกันไปเลย จะได้ตัดความยุ่งยากออกด้วย!”
ฉินซื่อเสวีย: “……”
ทำไมนางถึงได้เจอกับผู้หญิงที่หน้าด้านไร้ยางอาย แถมยังปากคอเราะรายอย่างหยุนหว่านหนิงด้วย!
“พวกท่านไม่มีคนคัดค้านใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงกวาดตามองรอบหนึ่ง
โม่เยว่กล่าวโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย: “ข้าเห็นด้วย”
หรูอวี้: “ข้าน้อยก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง!”
โม่หุยเฟิง: “……”
หยุนธิงหลานตัวสั่นงันงก แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างอ่อนแรง……ฉวยโอกาสนี้ถลกหนังฉินซื่อเสวียออกมาชั้นหนึ่ง วันหน้านางไม่กล้าทำให้นางลำบากใจง่ายๆอย่างแน่นอน!
“เมื่อเป็นเช่นนี้ โบยเถอะ!”
หยุนหว่านหนิงเบนสายตากลับมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “โบยแม่เฒ่าที่ไม่รู้ชั่วดีคนนี้ก่อน!”
เห็นว่า แม่เฒ่าเฉียนถูกมัดเอาไว้บนม้านั่งแล้ว จู่ๆก็มีเสียงตะโกนเสียงดุดังมาจากหน้าประตู: “หยุดนะ!”