อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 322 ข้าไม่สามารถเชื่อใจเจ้าได้
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 322 ข้าไม่สามารถเชื่อใจเจ้าได้
“เสด็จพ่อท่านไม่มีน้ำใจ”
เผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาของหยุนหว่านหนิง โม่จงหรานเต็มไปด้วยความสับสน “ข้าไม่มีน้ำใจอย่างไร?”
ตอนนี้เขาเห็นนังหนูคนนี้ก็รู้สึกปวดหัวจริงๆ!
ขอเพียงนางมาเองโดยที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่มีเรื่องดีอะไรแน่นอน!
ดีที่เวลานี้ห้องทรงพระอักษรไม่มีคนอื่น โม่จงหรานมือเท้าคางเอาไว้ มองดูหยุนหว่านหนิงด้วยใบหน้าหดหู่ “นังหนูหว่านหนิง ข้าให้ท้ายเจ้าเกินไปแล้วใช่ไหม?”
ลูกสะใภ้คนอื่นๆของเขา ใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้? !
“เหตุใดจู่ๆท่านถึงปล่อยเสด็จแม่ออกจากวัง?”
หยุนหว่านหนิงไม่สนใจเขา เพียงแค่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ปล่อยฮองเฮาออกจากวัง?
โม่จงหรานคิดอย่างรอบคอบครู่หนึ่ง เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
“วันนี้ฮองเฮาทำให้เจ้าลำบากใจอย่างนั้นหรือ?”
เขาถาม
“พระองค์ก็ทรงรู้หรือ!”
หยุนหว่านหนิงนั่งลงด้วยความโกรธ “พระองค์ก็รู้อยู่แล้วว่า เสด็จแม่แทบอยากจะถลกหนังดึงเส้นเอ็นดื่มเลือดของข้า พระองค์รู้ไหมว่าวันนี้ที่จวนอ๋องสาม เสร็จแม่ทำอย่างไรกับข้า?”
“ข้าไม่รู้”
โม่จงหรานส่ายหน้าอย่างตรงไปตรงมา
พูดตามความจริง สำหรับคำพูดนี้ของหยุนหว่านหนิง ในใจของเขาแม้แต่เครื่องหมายวรรคตอนครึ่งเดียวก็ไม่เชื่อ
ความสามารถที่ทำให้คนอกแตกตายของนาง เขายังไม่รู้อีกหรือ?
อย่าว่าแต่ฮองเฮาจ้าวคนเดียวเลย ถึงแม้จะเป็นฮองเฮาจ้าวสิบคน เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเช่นกัน!”
“เสด็จแม่เข้าจวนอ๋องก็ดุข้าเลย! เสด็จพ่อทรงไม่รู้ว่า แขกเหรื่อที่อยู่ด้านล่างตั้งหลายสิบคนเลย ลูกขายหน้าไปทั้งงาน เก็บก็เก็บกลับมาไม่ได้!”
หยุนหว่านหนิงทำหน้าน้อยใจ “ลูกยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับเสด็จแม่โดยตรง”
โม่จงหรานยังคงเท้าคางต่อไป ใบหน้าสงสัย “ยังมีเรื่องที่เจ้าไม่กล้าอีกหรือ?”
“เสด็จพ่อ ลูกกำลังพูดเรื่องจริงจังกับพระองค์อยู่นะ”
หยุนหว่านหนิงย่นจมูก “พระองค์ก็รู้ดีอยู่แล้วว่า เสด็จแม่ไม่ชอบข้า”
“ยังปล่อยให้เสด็จแม่ออกจากวังมาทำให้ข้าลำบากใจ……”
“หืม?”
โม่จงหรานแสดงออกว่าไม่เชื่อ “? ? ? พวกเจ้าใครทำให้ใครลำบากใจกันแน่?”
หยุนหว่านหนิง: “……เสด็จพ่อ ในฐานะมนุษย์เราต้องมีมโนธรรม! เสด็จแม่คือเสด็จแม่ เป็นผู้หญิงที่มีฐานะสูงส่งที่สุดในหนานจวิ้น!”
“ไหนเลยที่ลูกจะกล้าหาเรื่องเสด็จแม่?”
“ดังนั้นวันนี้ เจ้าถูกฮองเฮารังแกจริงๆ?”
โม่จงหรานดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“จริงยิ่งกว่าไข่มุกเสียอีก”
หยุนหว่านหนิงสีหน้าน้อยใจ
โม่จงหรานหรี่ตาลง สายตาสงสัย……นังหนูคนนี้เก่งเรื่องการแสดง เขาจะเชื่อคำพูดของนางง่ายๆไม่ได้!
เขากล่าวออกมาช้าๆ “วันนี้ฮองเฮามาขอร้องข้า บอกว่าตอนนี้เจ้าสามก็อนาถมากแล้ว นางเองก็ถูกกักบริเวณนานขนาดนี้แล้ว รู้ว่านางผิดไปแล้ว”
“นางอยากเห็นเจ้าสามแต่งพระชายารองด้วยตาตัวเอง ขอร้องทุกวิถีทางเพื่อขอให้ข้ายินยอม”
ดังนั้น เขาก็เลยยินยอม?
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “เสด็จพ่อน่าจะรู้ว่า เสด็จแม่ไม่ชอบลูก”
“ข้ารู้! แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าก็จะไปจวนอ๋องสามด้วย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเจอกับฮองเฮา ข้อนี้เป็นความผิดพลาดของข้าเอง”
โม่จงหรานกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง
“ทำไมลูกถึงจะไม่ไปที่จวนอ๋องสามล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงประหลาดใจ “หรือเสด็จพ่อคิดว่า ลูกคือคนที่จิตใจคับแคบแบบนั้น?”
“การแต่งงานในครั้งนี้ลูกเป็นคนขอมาให้น้องรองด้วยซ้ำ ลูกถือได้ว่าเป็นแม่สื่อ ย่อมต้องไปอยู่แล้ว!”
โม่จงหรานมองดูนางอย่างมีความหมายลึกซึ้งครู่หนึ่ง “เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ราชโองการเรื่องการแต่งงานที่เจ้าขอร้องให้หยุนธิงหลาน ยังมีจุดประสงค์อะไรอยู่”
“ข้ามีจุดประสงค์อะไรที่ไหนกัน! เฮ้อ!”
หยุนหว่านหนิงโบกมือ ยิ้มแห้งๆแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าหวังจะให้น้องรองของข้าได้ดีไม่ใช่หรือ?”
“อ่ะหะ?”
โม่จงหรานเลิกคิ้ว หยุนหว่านหนิงเบนสายตาออกไป “ลูกก็แค่ชอบความครึกครื้นเท่านั้น!”
“ใช่ ที่ไหนมีความครึกครื้น ที่นั่นก็มีเจ้า”
โม่จงหรานปวดหัว “วันนี้เจ้าเข้าวังมาพบข้า ก็เพื่อร้องเรียนฮองเฮาหรือ?”
“มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว”
หยุนหว่านหนิงนึกถึงเรื่องจริงจังขึ้นมา รีบร้อนกล่าวขึ้นมาว่า “ใช่แล้วเสด็จพ่อ ซ่งจื่ออวี๋ไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้วใช่ไหม? ลูกขอราชโองการจากเสด็จพ่อฉบับหนึ่ง”
“ขอเสด็จพ่อโปรดยินยอมให้ลูกออกจากเมืองหลวง ไปพบเสวียนซันเซียนเซิงที่ภูเขาหยุนอู้!”
นางคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา……
เรื่องของซ่งจื่ออวี๋ นางไม่มีทางนิ่งดูดายเด็ดขาด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะนาง เขาถึงได้กลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
คิดถึงตอนนั้น ตอนที่เขาเพิ่งจะรู้จักซ่งจื่ออวี๋……
ชุดสีขาวพลิ้วไหว ไร้ราคี ไม่สนใจทางโลก เยือกเย็นสง่างาม
“ปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัย” ที่สวยงามเช่นนั้นท่านหนึ่ง ตอนนี้ก้าวเข้าสู่โลกมนุษย์เพื่อนาง แต่ก็เพื่อช่วยนาง กลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตตกอยู่ในอันตราย
ตั้งแต่ต้นจนจบ เสวียนซันเซียนเซิงไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาเลย
เขาที่เป็นอาจารย์คนนี้ ไม่รู้หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับซ่งจื่ออวี๋?
ก่อนหน้านี้ซ่งจื่ออวี๋กล่าวไว้ว่า เสวียนซันเซียนเซิงกำลังงดธัญพืชทั้งห้าอยู่……
เขาเป็นคนชอบกินขนาดนั้น ตอนนี้กลับกำลังงดธัญพืชทั้งห้า
เรื่องต่างๆต่อเนื่องกัน ทำให้หยุนหว่านหนิงเกิดความสงสัยขึ้นมา
ไม่ทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ
แต่ว่า หากโม่เยว่รู้ว่านางจะไปภูเขาหยุนอู้ จะต้องตามไปแน่นอน เขายังไม่รู้ความลับพวกนั้นของนาง แล้วก็หึงหวงซ่งจื่ออวี๋ขึ้นมากะทันหันมากด้วย……
หยุนหว่านหนิงจะให้เขาตามไปด้วยได้อย่างไร? !
หลังจากคิดทบทวนซ้ำไปมา ทำได้เพียงให้โม่จงหรานถ่วงเวลาโม่เยว่เอาไว้แล้ว
“ไปพบเสวียนซันเซียนเซิงทำไม?”
โม่จงหรานไม่เข้าใจ “เอ่ยถึงซ่งจื่ออวี๋ ข้าก็นึกขึ้นมาได้แล้ว ข้ายังไม่ได้ไต่สวนความผิดเขาเลย!”
“ไต่สวนความผิดอะไร?”
ซ่งจื่ออวี๋ยังเคยล่วงเกินโม่จงหรานหรืออย่างไร?
“ในเมื่อเขาสามารถทำนายอนาคตได้ ไม่ว่าความลับใดๆก็ไม่สามารถปิดเขาได้ เหตุใดถึงไม่บอกข้าแต่เนิ่นๆ ว่าข้ามีหยวนเป่าเป่าเป้ยหลานชายสุดที่รักที่โตขนาดนี้แล้ว? !”
โม่จงหรานตบโต๊ะด้วยความโกรธเคือง
นึกถึงตอนนั้น ซ่งจื่ออวี๋บอกได้แม้กระทั่งปานที่อยู่ในที่ลับบนร่างกายของเขา……
แต่กลับไม่บอกเขา เรื่องหลานชายสุดที่รักของเขา? !
นี่ทำให้ในใจของโม่จงหราน รู้สึกโกรธมาก!
“เหอะๆ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มแห้งๆ “เรื่องข้าก็ไม่รู้แล้ว”
ถูกโม่จงหรานเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน
ตามหลักแล้ว ซ่งจื่ออวี๋รู้ถึงการมีอยู่ของหยวนเป่าแต่แรกแล้ว เหตุใดตอนที่โม่จงหรานสอบถามในตอนนั้น เขายังถึงกับช่วยนางปิดบังเอาไว้อีก?
เวลานั้น ความสัมพันธ์ของนางกับซ่งจื่ออวี๋ ไม่ได้สนิทสนมกันเท่าไหร่ใช่ไหม?
ในใจของหยุนหว่านหนิงก็มีความสงสัยเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน
“เสด็จพ่อ ลูกสามารถถามซ่งจื่ออวี๋แทนท่านได้พอดี!”
นางกล่าวอย่างรีบร้อน “ลูกไปที่ภูเขาหยุนอู้วันนี้เลย เป็นเช่นไร?”
โม่จงหรานลุกขึ้นยืน เดินไปสองสามก้าว จ้องมองนางด้วยสายตาสงสัย “ทำไมข้ามักจะรู้สึกว่า เหมือนเจ้ากำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่ตลอด?”
อีนังหนูคนนี้ไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”
เขาจะเชื่อนางได้หรือ? !
“นังหนูอย่างเจ้าในหัวเต็มไปด้วยแผนร้าย”
โม่จงหรานยืนนิ่งตรงหน้านาง
“เสด็จพ่อ! ครั้งนี้ข้าไม่ได้วางแผนร้ายอะไรจริงๆ!”
เพื่อแสดงความจริงใจของตัวเอง หยุนหว่านหนิงกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา
ดวงตากลมโตสีดำใสคู่หนึ่ง ใสจนสะท้อนใบหน้าใหญ่ของโม่จงหราน เขาเข้าไปดูใกล้ๆ เก็บสายตากลับมาอย่างดูถูก “ข้าไม่สามารถเชื่อใจเจ้าได้”
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าอย่างละเอียดเลยว่า วันนี้ฮองเฮาทำให้เจ้าลำบากใจอย่างไรกันแน่?”
จู่ๆโม่จงหรานก็กล่าวถามขึ้นมา
เขาข้ามหัวข้อสนทนาเร็วไปหน่อย
หยุนหว่านหนิงกล่าวโดยไม่ต้องคิด “เสด็จแม่ดุข้า”
“จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้นลูกก็ขอเงินกับนางหนึ่งแสนตำลึงเป็นค่าเสียหายที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง!”
โม่จงหราน: “……ดังนั้นพวกเจ้าใครเป็นคนทำให้ใครลำบากใจกันแน่?”
ค่าเสื่อมเสียชื่อเสียงหนึ่งแสนตำลึง?
ชื่อเสียงของนางค่อนข้างมีค่ามหาศาลเลย!
“เจ้าเหมาะสมกับการหลอกลวงคดโกงนี่แหละ”
นานพักใหญ่ โม่จงหรานทำข้อสรุปให้นาง “ชื่อเสียงของเจ้ามีค่ามากกว่าชื่อเสียงของข้าเสียอีก……ข้ายังไม่กล้า อ้าปากก็ขอหนึ่งแสนตำลึงตลอดด้วยซ้ำ”
“ไม่ใช่ความผิดของข้า โม่เยว่ลูกชายสุดที่รักของท่านเป็นคนเอ่ยปากเอง”
หยุนหว่านหนิงกะพริบตา “เดิมทีลูกตั้งใจจะขอแค่หนึ่งหมื่นตำลึงเท่านั้น เขาเป็นคนชิง……”
โม่จงหราน: “ลูกขายข้าถูกเจ้าพาเสียคนแล้ว!”
หยุนหว่านหนิงก่ายหน้าผาก: “ตกลงแล้วเสด็จพ่อ ทรงเห็นด้วยกับการที่ข้าจะไปภูเขาหยุนอู้หรือไม่?”