อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 323 อีนังหนูนี่ อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็วางท่าโอหัง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 323 อีนังหนูนี่ อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็วางท่าโอหัง
“เจ้าสามารถหาซ่งจื่ออวี๋เจอจริงหรือ?”
โม่จงหรานยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หาเจอแน่นอนอยู่แล้ว!”
หยุนหว่านหนิงตบไปที่หน้าอก “เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เช้า ลูกจะมัดซ่งจื่ออวี๋ส่งมาให้ท่านในห้องทรงพระอักษรเลย เสด็จพ่อคิดว่าอย่างไร?”
“ได้”
โม่จงหรานพยักหน้า
เขาทนซ่งจื่ออวี๋เจ้าหมอนี่มานานมากแล้ว!
เดิมทีคิดว่าชินเทียนเจี้ยนที่โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงแนะนำ เป็นปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัยที่เชื่อถือได้คนหนึ่ง
ใครจะรู้ว่า เขาจะแต่งตั้งตัวเองเป็นนาย!
ใช่ชินเทียนเจี้ยนที่ไหน?
เห็นได้ชัดว่า “ไม่เห็นกฎเกณฑ์ใดๆอยู่ในสายตา” ถึงได้ถูก!
เวลาที่ต้องการให้เขาออกอุบายวางแผนการ ก็มักจะหายตัวไป……ก่อนหน้านั้นโม่จงหรานก็เคยระบายความคับอกคับใจต่อหยุนหว่านหนิง ตอนนั้นนางบอกว่า: เป็นปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัย! อย่างไรก็แตกต่างจากคนทั่วไปอยู่แล้ว!
ยังบอกว่า ปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัยล้วนมีนิสัยของตัวเอง ค่อนข้างโอหังถือดี และค่อนข้างลึกลับทั้งนั้น
ดังนั้นจึงหายตัวไปเช่นนี้อยู่บ่อยๆ
โม่จงหรานก็เชื่อคำพูดไร้สาระของนาง
มาคิดดูภายหลัง ตอนนี้ซ่งจื่ออวี๋คือชินเทียนเจี้ยน ไม่ใช่ปรมาจารย์ผู้หลีกเร้นจากโลกียวิสัยที่มีอิสรเสรีอย่างในอดีต!
รับเงินเดือนของราชสำนัก ก็ควรจะเป็นชินเทียนเจี้ยนอย่างซื่อสัตย์ถึงจะถูก!
“ครั้งนี้หากเจ้าไม่พาซ่งจื่ออวี๋เข้าวังมาให้ข้า ข้าจะ……”
“ตัดหัวของลูก?”
หยุนหว่านหนิงไม่รู้สึกประหลาดใจต่อคำขู่ของเขาแล้ว
“ไม่ ข้าจะกักบริเวณเจ้า!”
โม่จงหรานกล่าวขึ้นมาอย่างหยิ่งทะนง “จากนั้นข้าจะพาหยวนเป่าเป่าเป้ยเข้าวัง ให้ทุกคนได้รู้ว่า ข้ามีพระนัดดาที่น่ารักและเป็นเด็กดีตั้งนานแล้ว!”
หยุนหว่านหนิง: “……เสด็จพ่อ ถือว่าท่านแน่”
คำขู่นี้ โหดมากพอจริงๆ!
เมื่อก่อนอ้าปากก็จะตัดหัวของนางตลอด
ถูกข่มขู่จนชินแล้ว หยุนหว่านหนิงไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ รู้ว่าโม่จงหรานไม่ได้จะตัดหัวของนาง
ตอนนี้รู้ถึงการมีอยู่ของหยวนเป่า ถึงกับใช้ลูกชายมาข่มขู่นาง
แถมจะยังฉวยโอกาส พรากลูกชายนางไปอีก!
ลูกชายเป็นจุดอ่อนของนางจริงๆด้วย!
หยุนหว่านหนิงเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “เสด็จพ่อ ไม่ควรให้ท่านรู้ถึงการมีอยู่ของหยวนเป่าเลย ครั้งหน้าหากท่านข่มขู่ลูกเช่นนี้อีก ลูกก็จะพาหยวนเป่าหนีไปให้ไกลห่าง”
โม่จงหรานเต็มไปด้วยความประหม่า “เจ้ากล้าหรือ!”
“เช่นนั้นท่านยังจะข่มขู่ข้าอีก?”
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาอย่างเยือกเย็น
“ไม่ๆๆ ข้าจะไม่ทำแล้ว!”
โม่จงหรานรับประกันอย่างประหม่า “เจ้าห้ามพาหยวนเป่าเป่าเป้ยจากไป เจ้าต้องรับปากข้า!”
“ฮึ”
หยุนหว่านหนิงเอามือไพล่หลัง ฮึเสียงเบาออกมาแล้วจากไปอย่างสบายอารมณ์
มองดูโม่จงหรานตามมาถึงหน้าประตูด้วยความประหม่า ซูปิ่งซ่านยืนหัวเราะเงียบๆอยู่หน้าประตู
ฮ่องเต้ที่ยังวางมาดยิ่งใหญ่เกรียงไกรเมื่อครู่นี้ วินาทีเดียวก็กลายเป็นตาเฒ่าที่ “กังวลว่าหลานชายจะจากไป” ท่าทางนั่น ดูอย่างไรก็ตลกจริงๆ!
“เจ้าหัวเราะอะไร?”
โม่จงหรานใช้เท้าเตะเข้าไป “ไอ้เจ้าโง่!”
ซูปิ่งซ่านที่อยู่ดีๆก็โดนเตะ: “? ? ? ฝ่าบาท บ่าวไปยั่วยุพระองค์อย่างไร?”
เขายังไม่ได้ส่งเสียงเลย ทำไมถึงกลายเป็นเจ้าโง่ได้? !”
“ใครใช้เจ้าหัวเราะเยาะข้า?”
โม่จงหรานเหล่มองเขาครู่หนึ่ง แล้วก็มองดูแผ่นหลังที่จากไปของหยุนหว่านหนิง กัดฟันกล่าวว่า “อีนังหนูคนนี้! อาศัยว่าข้ารักนางนั่นแหละ!”
“ยังควบคุมหลานชายของข้าเอาไว้ ก็ไม่เห็นกฎเกณฑ์ใดๆอยู่ในสายตา! อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็วางท่าโอหัง!”
“น่าโมโหจริงๆ!”
แต่คนที่หยวนเป่าหวังพึ่งพา และรักมากที่สุด ก็ดันเป็นแม่เฒ่าอย่างหยุนหว่านหนิง
เพื่อให้หลานชายมีความสุข เขาที่เป็นฮ่องเต้คนนี้ก็ได้แค่กล้าโกรธไม่กล้าพูดออกมาเช่นกัน!
มองดูท่าทางที่โกรธเคืองของเโม่จงหราน ซูปิ่งซ่านยังอยากหัวเราะขึ้นมาอีก
แต่เมื่อนึกถึงลูกเตะเมื่อครู่นี้ เขาก็อดกลั้นเสียงหัวเราะกลับไปอย่างยากลำบาก
จนกระทั่งเงาร่างของหยุนหว่านหนิงหายไปจากสายตา โม่จงหรานถึงได้ฮึเสียงเบาออกมา หันหลังก็เดินกลับเข้าไป หางตามองเห็นซูปิ่งซ่านยืนอยู่หน้าประตู ก้มหน้าก้มตา ใบหน้าแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย……
โม่จงหรานขมวดคิ้ว “เจ้าปวดปัสสาวะหรือ?”
ซูปิ่งซ่านเงยหน้าขึ้นมา “บ่าว บ่าวขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาวิ่งออกจากห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็ว ซ่อนตัวอยู่หลังเสาพิงอยู่บนเสาหัวเราะจนเมื่อยแก้มไปหมด
เพิ่งจะยืนตรงขึ้นมา ก็เห็นโม่เยว่เข้าไปในห้องทรงพระอักษรด้วยสีหน้าท่าทางเร่งรีบ
สองสามีภรรยาคู่นี้ วันนี้ไล่ทันกันหรือ?
เจ้าไปข้ามาเช่นนี้……
ซูปิ่งซ่านรีบเข้าไปน้อมทักทาย “ท่านอ๋อง……”
“หนิงเอ๋อร์ล่ะ?”
คำพูดของโม่เยว่รวดเร็วมาก “นางกับเสด็จพ่อหารือเรื่องอะไร? จบหรือยัง?”
ซูปิ่งซ่านมองไปที่ประตูห้องทรงพระอักษรที่ปิดแน่น เกาหัวเล็กน้อย “พระชายาหมิงไปแล้ว!”
“ไปแล้ว?”
โม่เยว่ชะงักงัน
ทำไมถึงไปแล้ว? !
พวกเขาคุยกันเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ ว่าเขาจะมารับนางที่ห้องทรงพระอักษร? !
ผู้หญิงคนนี้ กำลังซ่อนตัวจากเขาหรือ? !
โม่เยว่ไม่ได้เข้าไปน้อมทักทายโม่จงหราน หันหลังก็กลับออกไปนอกวังอีกครั้ง เขาคิดว่าหยุนหว่านหนิงต้องไปที่ตระกูลกู้ รอรับหยวนเป่ากลับจวนอ๋องแน่
เขาเพิ่งจะเดินจากไป โม่จงหรานก็เปิดประตูห้องทรงพระอักษรออก
“เมื่อครู่นี้เยว่เอ๋อร์มาหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท แต่ว่าอ๋องหมิงจากไปอย่างรีบร้อนแล้ว! เหมือนกับมีเรื่องด่วนอะไร”
ซูปิ่งซ่านรีบตอบ
“ไปแล้ว?”
โม่จงหรานขมวดคิ้ว “สองสามีภรรยาคู่นี้ ยังเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือเปล่า?”
มาถึงหน้าประตูห้องทรงพระอักษรแล้ว ยังไม่มาน้อมทักทายเขาก็จากไปแล้ว? !
ไอ้พวกสารเลว!
……
โม่เยว่ไปที่ตระกูลกู้ รู้ว่าหยุนหว่านหนิงไม่อยู่ที่นั่น
แล้วก็คิดว่านางอาจจะกลับไปที่จวนอ๋องก่อนแล้ว จึงรีบกลับไปยังจวนอ๋องหมิงทันที……ระหว่างทางที่เขากลับจวนอ๋อง ก็นึกถึง “สัญญา” ที่มีกับหยุนหว่านหนิงในวันนี้
ยังรู้สึกมีคาดหวังอยู่เล็กน้อย
คิดว่าหยุนหว่านหนิงต้องฉวยโอกาสตอนที่หยวนเป่ายังไม่กลับมา เตรียมการเอาไว้ที่เรือนชิงหยิ่งเป็นอย่างดี รอให้เขากลับไป
จากนั้นพวกเขาสองคน ก็สามารถจัดการเรื่อง “ลูกคนที่สอง” แล้ว!
ใครจะรู้ว่ากลับไปที่จวนอ๋องแล้ว หยุนหว่านหนิงก็หายตัวไปเช่นกัน!
ทีนี้ โม่เยว่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเรื่องราวแล้ว สั่งการให้หรูอวี้กับหรูโม่ออกตามหาหยุนหว่านหนิงทันที ถึงแม้ว่าจะค้นหาทุกที่ในเมืองหลวงก็ต้องตามหาให้เจอ!
เขาไม่มีเวลามาเล่นเกม “แมวจับหนู” กับหยุนหว่านหนิง
โม่เยว่เข้าไปในวังอีกครั้ง ไปสอบถามโม่จงหราน
เสียดาย เพราะว่าวันนี้เขา “ล่วงเกิน” โม่จงหราน เวลานี้พ่อเฒ่าก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
แล้วโม่จงหรานจะบอกเขาได้อย่างไรว่า หยุนหว่านหนิงไปที่ไหน?
ถูกปฏิเสธที่ห้องทรงพระอักษร โม่เยว่ออกตามหาด้วยตัวเอง
หารู้ไม่ว่าเวลานี้ หยุนหว่านหนิงได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
เวลาพลบค่ำ นางปีนขึ้นไปบนภูเขาหยุนอู้แล้ว
ยอดเขาของภูเขาหยุนอู้ในยามค่ำคืน ยิ่งงดงามเกินคำบรรยาย หลังเข้าสู่ยามราตรี ยืนอยู่บนยอดเขาของภูเขาหยุนอู้ ถึงได้รู้สึกว่าที่นี่คือที่ที่ใกล้ท้องฟ้าที่สุดแล้ว
หมู่ดวงส่องแสงระยิบระยับอยู่เหนือศีรษะ หิ่งห้อยเริงระบำอยู่รอบกาย
ส่องประกายสว่างไสว เจิดจรัสละลานตา
กลิ่นหอมสดชื่นจากต้นไม้และดอกไม้ป่า ทำให้คนสดชื่นสบายตัว
หยุนหว่านหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง รู้สึกเพียงสดชื่นสบายใจ!
ไกลออกไป ก็เห็นบนก้อนหินด้านนอกกระท่อมหญ้าคามีคนนอนอยู่หนึ่งคน——
คือเสวียนซันเซียนเซิงซึ่งกำลังงดธัญพืชทั้งห้าที่ซ่งจื่ออวี๋กล่าวถึง
หยุนหว่านหนิงเข้าไปใกล้ เห็นสองมือของเขาหนุนอยู่ใต้ศีรษะ ไขว่ห้างเอาไว้ หลับตาเหมือนกำลังนอนหลับอยู่ บนกิ่งไม้ที่อยู่ข้างกาย มีถุงผ้าเล็กๆแขวนอยู่สองสามใบ
ในถุงผ้าเต็มไปด้วยหิ่งห้อย แสงจากหิ่งห้อยกะพริบระยิบระยับ
“สวยจริงๆ!”
หยุนหว่านหนิงอุทานด้วยความประหลาดใจ
เป็นครั้งแรกที่นาง ขึ้นมาบนยอดเขาของภูเขาหยุนอู้ในยามค่ำคืน
และเป็นครั้งแรก ที่รู้ว่าเสวียนซันเซียนเซิงใช้วิธีแบบนี้ส่องแสงสว่าง……
นางกำลังจะยื่นมือออกไปสัมผัสถุงหิ่งห้อย ก็ได้ยินเสวียนซันเซียนเซิงพูดขึ้นมา “นังหนูหว่านหนิง ไม่มีธุระไม่มาหา เจ้ามาทำไมอีก?”
การกระทำของหยุนหว่านหนิงชะงักงัน
นางหันหน้ามองไปทางเสวียนซันเซียนเซิง “พวกท่านแต่ละคน ทำไมถึงใช้แต่น้ำเสียงที่ไม่ต้อนรับเช่นนี้?”
นางน่ารำคาญขนาดนั้นเลยหรือ?
ทำไมไปถึงไหน ล้วนพากันถามนางว่ามาทำไมอีกด้วยท่าทางรังเกียจ?
ทั้งโม่จงหราน และเสวียนซันเซียนเซิง!
“หรือว่าข้า……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ สายตาหยุนหว่านหนิงก็เปลี่ยนไปกะทันหัน “ท่านคือเสวียนซันเซียนเซิง? !”