อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 330 ลงโทษซูเฟย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 330 ลงโทษซูเฟย
ร่างเขาเร็วมาก แทบจะกลายเป็นเงาจางๆ
ก่อนที่หยุนหว่านหนิงจะได้สัมผัสแนบชิดกับพื้น ก็รับนางเข้าอ้อมกอดไว้ได้พอดี
ได้กลิ่นอันคุ้นเคย ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วรัวของเขา…
หยุนหว่านหนิงเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ก็เห็นโม่เยว่ที่มองเธออย่างร้อนรน “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? อยู่ดีๆ หล่นลงมาจากบนหลังคาได้อย่างไรกัน?!”
เธอพึ่งมากลัวตอนนี้ โม่เยว่กลับกลัวยิ่งกว่า!
เขากลัวเธอจะตกจากหลังคามากยิ่งกว่าตัวเธอเองเสียอีก!
“เรื่องนี้พูดแล้วมันยาว อีกครู่เราค่อยว่ากัน”
หยุนหว่านหนิงกระโดดลงมาจากอ้อมกอดเขา คว้ามือจางหมัวมัวไว้ทันที
แรงเธอไม่น้อยเลย
จางหมัวมัวเองก็ไม่คิดว่า นางจะพลันปรากฏตัว และลงมือทันที… ข้อมือที่ถูกหยุนหว่านหนิงจับไว้อย่างแรง จางหมัวมัวเจ็บจนใบหน้าบิดเบี้ยว “พระชายาหมิง ท่านทำอะไรน่ะ?!”
นางร้องตะโกนดัง น้ำเสียงแหบพร่า
“ทำอะไร? เจ้าว่าข้าทำอะไร?”
หยุนหว่านหนิงออกแรงบิด
เสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้นเป็นระลอก จางหมัวมัวเจ็บจนร้องโอดโอย
ข้อมือของนางโดนหยุนหว่านหนิงจับบิดจนกระดูกหักคาที่เลย!
หยุนหว่านหนิงดึงเข็มเงินออกมาจากในมือนาง
“เหอะ”
เธอยิ้มเย็น หยิบเข็มเงินขึ้นมาตรงหน้าจางหมัวมัว “พกเข็มเงินติดตัวไว้? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นท่านหมอหรือไง? ไปเรียนวิธีนี้กับใครมาล่ะ?”
“แบบนี้ไม่ดีนะ! ไม่ถูกต้องรู้หรือไม่?”
เมื่อครู่ตอนเธอตกลงมา หรูอวี้ก็ตกใจเหมือนกัน
เขาเหาะลงมาหวังเข้าช่วยอย่างเร็ว
ถ้าวันนี้หยุนหว่านหนิงตกลงมาจริงๆ ท่านอ๋องต้องจับขาเขากระแทกกับพื้นเป็นร้อยครั้งแน่! กระแทกจนใบหน้าไม่เหลือดีถึงจะหายโกรธแน่!
โชคดีที่ไม่รอเขาลงมือ โม่เยว่ก็รับหยุนหว่านหนิงไว้ได้อย่างทันท่วงที
ตอนนี้หรูอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหยุนหว่านหนิง พอได้ยินนางพูดอย่างนี้ เขาลูบจมูกตนแก้เก้อ “พระชายา ยายเฒ่านี่เรียนมาจากท่านกระมัง?”
“งั้นรึ?”
หยุนหว่านหนิงพึ่งได้สติกลับมาอย่างพึ่งนึกได้ “จริงด้วย! เหมือนจะมีแค่ข้าที่พกเข็มเงินติดตัวนี่นา?”
“ยายแก่อย่างเจ้ากล้ามาเลียนแบบข้า?!”
เธอสะบัดตบหลังมือไปที่หน้าจางหมัวมัว จนนางร้องโอดโอยเสียงดังคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาจ้าว “เหนียงเหนียง ช่วยด้วยเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงเตะใส่ไป จนนางชิดประตู
ในตอนนี้เอง โม่จงหรานก็ยกขาก้าวข้ามธรณีประตูมาพอดี
ขาเขายังไม่ทันลงพื้น ก็เห็นเงาร่างอ้วนท้วนมาตกอยู่แทบเท้าเขา
เท้าของโม่จงหรานเหยียบลงบนท้องจางหมัวมัวพอดิบพอดี
เขาก้มมองลงไป พลางขมวดคิ้ว “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ฮองเฮาจ้าวทำตัวเป็นคนร้ายเอ่ยฟ้องก่อน เข้าไปถวายบังคมเขาทันที “ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี! ฝ่าบาทดูสิ สะใภ้เจ็ดไม่เห็นหม่อมฉันอยู่ในสายตาเลยสักนิด!”
“จางหมัวมัวกลายเป็นอย่างนี้ก็เพราะนาง!”
“จางหมัวมัวติดตามหม่อมฉันมาหลายปี สะใภ้เจ็ดทำอย่างนี้มิเท่ากับหยามหน้าหม่อมฉันรึ?”
โม่จงหรานมองจางหมัวมัวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
เมื่อครู่ตอนลอยมา ใบหน้านางชนเข้ากับขอบประตู….
ทำเอาเสียโฉม ตอนนี้เลือดอาบเต็มหน้า
“อนาถจริงๆ”
โม่จงหรานพยักหน้า และเหยียบลงไปที่หน้าท้องจางหมัวมัวเลย มายืนข้างเต๋อเฟย “สนมรัก นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีโจรเข้ามารึ?”
เขามองเต๋อเฟยกับซูเฟยที่สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงและสภาพอนาถโดยรอบ คิ้วขมวดแน่นขึ้น
เขาเหยียบข้ามผ่านหน้าท้องจางหมัวมัวไป…
ซูปิ่งซ่าน เหลียงเสี่ยวกงกงและนางกำนัลที่อยู่ด้านหลังก็พากันเหยียบหน้าท้องจางหมัวมัวข้ามไปเหมือนกัน
จางหมัวมัวไม่มีโอกาสแม้แต่จีนขึ้นมา ก็โดนเหยียบรัวๆจนเป็นลมไปเลย!
ฮองเฮาจ้าวที่เมื่อครู่ยังฟ้องด้วยใบหน้าเชิด เงียบกริบไปโดยปริยาย
นางบอกว่าหยุนหว่านหนิงหยามหน้านาง โม่จงหรานไหนเลยไม่ใช่หยามหน้านางเหมือนกัน?!
คนทั้งหมดเดินเหยียบหน้าท้องจางหมัวมัวข้ามไปอย่างนี้ ฮองเฮาจ้าวรู้สึกเหมือนเหยียบหน้านางข้ามไป…และยิ่งเคียดแค้นหยุนหว่านหนิงมากขึ้น!
“ฝ่าบาท ท่านดูสิ”
เต๋อเฟยไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล
ในตอนที่ซูเฟยร้องไห้คร่ำครวญเข้าไปฟ้อง บอกว่าเต๋อเฟยตบตน นางก็จับชายเสื้อชี้นิ้วไปที่ซากหมาบนพื้น บอกกับว่าโม่จงหราน “นี่เป็นน้ำแกงที่วันนี้ซูเฟยมาส่งให้หม่อมฉัน!”
ซูเฟยซูเฟย “ฝ่าบาท หม่อมฉันทำตามราชโองการของฝ่าบาท”
“ตุ๋นน้ำแกงด้วยตัวเองวันละสามเวลา และส่งมาให้เต๋อเฟย! แต่นางไม่เพียงไม่ใส่ใจ ยังเทน้ำแกงลงพื้นเลี้ยงหมาอีกด้วย!”
“นี่เป็นน้ำใจของหม่อมฉันนะ! ฝ่าบาท ต้องให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ!”
ซูเฟยคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา คว้าจับชายเสื้อคลุมมังกรอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ร้องไห้น้ำตาไหลพราก
โม่จงหรานก้มหน้ามองนาง
ซูเฟยผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับรังนก มีรอยเลือดบนใบหน้าหลายรอย น้ำตาทำเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าเละเทะไปหมดแล้ว
เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ เหมือนกับขอทานตามท้องถนน…
ไม่น่าดูเลย!
เขาสูดลมหายใจสะท้านเยือกในอก เงยหน้าขึ้นมองหลังคาฝั่งตรงข้าม “ซูเฟย เจ้าดูจะบาดเจ็บไม่น้อย เรียกหมอหลวงมาดูแลอาการบาดเจ็บก่อนดีกว่า”
ไม่รู้ว่าโม่จงหรานไม่อยากมองนาง
ซูเฟยยังคิดว่าโม่จงหรานสงสารนาง
ดังนั้นเลยถอยออกไปอย่างดีใจ
แต่ไม่รู้เลยว่า นางพึ่งออกไป โม่จงหรานก็โทษนางทันที “ซูเฟยช่างชั่วร้ายนัก! กล้าวางยาพิษในน้ำแกงของเต๋อเฟย!”
“ใครก็ได้! กักบริเวณซูเฟยทันที!”
เขาโบกมือใหญ่ และสั่งการอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ฟังราชโองการจากข้า ยกเลิกพระนามซูเฟย!”
ตระกูลของซูเฟยคือจวนเว่ยกั๋วกง แซ่เว่ย
พอโดนยกเลิกพระนาม เลยกลายเป็นเว่ยเฟย
ถึงเขาจะไม่ได้ลงโทษซูเฟยอย่างหนัก แต่กักบริเวณ+ยกเลิกพระนาม ก็เท่ากับว่าจับซูเฟยส่งเข้าตำหนักเย็นแล้ว!
เหมือนกับโม่หุยเฟิงในตอนแรก
ตอนเป็นอ๋องหยิง เรียกลมเรียกฝนได้ กร่างไปทั่ว
พอโดนยกเลิกพระนาม กลายเป็นอ๋องสาม ก็ได้แต่ถ่อมตนไม่กล้ากร่างอีก
เพราะขนาดโถยาอย่างโม่เหว่ยยังมีพระนามว่า “โจว”
หยุนหว่านหนิงรู้ว่า โม่จงหรานแค่เห็นแก่หน้าจวนเว่ยกั๋วกง ถึงได้ยังเก็บตำแหน่งพระสนมของซูเฟยไว้ ซูเฟยไม่เป็นที่โปรดปราน แต่อำนาจในมือเว่ยกั๋วกงไม่น้อยเลย
ต่อให้ออกหน้าให้เต๋อเฟย แต่ก็ยังเกรงจวนเว่ยกั๋วกง การลงโทษนี้ถือว่าครบถ้วนทั้งสองด้าน
เต๋อเฟยเองก็ไม่ใช่คนตามตอแยไม่เลิก
พอเห็นโม่จงหรานไม่ได้สืบถามโดยละเอียด ก็เชื่อคำพูดเธอ สั่งลงโทษซูเฟยเลย
นางถึงเข้าตำหนักไปผลัดเปลี่ยนทำความสะอาดตนเอง
ฮองเฮาจ้าวยืนตะลึงอยู่ที่เดิม “ฝ่าบาท ลงโทษซูเฟยอย่างนี้เลยรึ?”
“ทำไม? ลงโทษหนักแบบนี้หรือว่าฮองเฮายังไม่พอใจ?”
โม่จงหรานเหล่มองนางอย่างเย็นชา “งั้นฮองเฮาพูดสิว่าควรลงโทษอย่างไร? ข้าจะเคารพการเลือดของฮองเฮา รับรองว่าไม่ใจอ่อนให้ซูเฟยแน่!”
ฮองเฮาจ้าว “…ฝ่าบาท เข้าพระทัยหม่อมฉันผิดแล้ว”
นางมีหรือจะรู้สึกว่าลงโทษไม่หนักพอ?
เห็นได้ชัดว่าลงโทษซูเฟยหนักเกินไปแล้วต่างหาก!
เพราะโม่จงหรานไม่คิดสอบสวนเรื่องนี้เลยสักนิด ก็เชื่อคำพูดของเต๋อเฟย และลงโทษซูเฟยเลยทันที!
ควาหมายของฮองเฮาจ้าวคือให้เขาสืบสวนเรื่องนี้ค่อยตัดสิน!
ใครจะรู้ว่าโม่จงหรานกลับบอกให้นางมาลงโทษซูเฟยเลย?
นี่ไม่ใช่จับนางขึ้นเตาไฟเผาหรือไง?
นี่จะให้จวนเว่ยกั๋วกงคิดว่านางลงโทษซูเฟย จากนั้นก็จับนางเป็นเป้าเป็นๆมาต่อกรด้วยหรือไง?!
ฝ่าบาทช่างโหดร้ายนัก!
ฮองเฮาจ้าวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก “ฝ่าบาท เรื่องนี้ยังมิจบเลย เมื่อครู่…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็โดนหยุนหว่านหนิงตัดบท “เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูล!”
สายตาของฮองเฮาจ้าวไปหยุดลงที่ใบหน้าเธอทันที
เห็นแค่หยุนหว่านหนิงยิ้ม สายตามีแววสนุกสนาน “เสด็จแม่พูดไม่ผิด เรื่องนี้ยังไม่จบดอก!”
ฮองเฮาจ้าวเกร็งขึ้นมาทันที
แค่แวบเดียว นางก็รู้ว่า นังแพศยาตัวน้อยนี่จะหาเรื่องอีกแล้ว!