อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 333 เป็นก้อนขี้หนูก้อนไหนเล่า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 333 เป็นก้อนขี้หนูก้อนไหนเล่า
หยุนหว่านหนิงสบตากับโม่เยว่ ทั้งสองคนเข้าไปในตำหนักด้วยกัน
ก่อนเข้าไป ฮองเฮาจ้าวยังยืดคอยาวมองพวกเขา แต่โม่จงหรานไม่ได้ให้นางเข้าไปพูดด้วย นางได้แต่ยืนดูหมอหลวงหยางตรวจพิษอยู่ด้านนอกต่อไป
บรรยากาศในตำหนักตึงเครียดนัก กดดันจนทำให้คนแทบหายใจไม่ออก
สีหน้าโม่จงหรานกับเต๋อเฟยไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
พอเห็นพวกเขาเข้ามา เต๋อเฟยเปิดปากก่อน “เยว่เอ๋อร์ ดูท่าเจ้าคงบอกหนิงเอ๋อร์แล้วกระมัง?”
โม่เยว่พยักหน้าและนั่งลงข้างหยุนหว่านหนิง
“งั้นพวกเจ้ามาวิเคราะห์สิ!”
เต๋อเฟยพูดอย่างโกรธขึ้ง “ต่อให้โยวโยวไม่ใช่ลูกสาวของข้า แต่ข้าเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต! สตรีบอบบางอย่างนั้นเช่นนางจะส่งไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีกับซีจวิ้นได้รึ?”
“บุรุษกักขฬะซีจวิ้นพวกนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนต่างเคยได้ยินกันมาทั้งนั้น!”
ถ้าโยวโยวถูกส่งตัวไปซีจวิ้นจริงๆ ยังเหลือทางรอดรึ?”
ดูท่าเต๋อเฟยกำลังเรียกร้องให้โม่โยวโยวอยู่
“เรื่องนี้ตามความเห็นข้า ไม่อาจรับปากข้อเรียกร้องงี่เง่าของพวกซีจวิ้นได้!”
เต๋อเฟยตบโต๊ะผ่างอย่างโกรธจัด “แคว้นใหญ่รุ่งเรืองอย่างหนานจวิ้นเรา มีหรือจะกลัวเกรงกับแค่ซีจวิ้น? แล้วยังต้องใช้วิธีแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีนี้มาขอร้องให้ซีจวิ้นหยุดมือ?”
“ซีจวิ้นเป็นก้อนขี้หนูก้อนไหนล่ะ?!”
ต้องยอมรับจริงๆ คำด่ากราดของเต๋อเฟยสะใจจริงๆ!
หยุนหว่านหนิงทนไม่ไหวปรบมือให้นาง
ปรบไปได้ครู่หนึ่ง สายตาเคร่งขรึมของโม่จงหรานก็ปรายมองมา “หว่านหนิง แบบนี้เจ้าเห็นด้วยกับเสด็จแม่ของเจ้าล่ะสิ”
“ไม่อยากให้โยวโยวแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี?”
หยุนหว่านหนิงวางสองมือลง “เสด็จพ่อ ลูกไม่อยากให้พี่หญิงห้าแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีไปซีจวิ้นจริงๆ”
“เพราะคนซีจวิ้นนิสัยใจคออย่างไร เป็นอย่างที่เสด็จแม่ ทุกคนต่างรู้ดี”
โม่จงหรานสีหน้าไม่น่าดู แต่ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ ได้แต่ลูบคางพลางว่า “พูดต่อไป”
“ลูกคิดว่าเรื่องนี้มีวิธีการแก้ไขที่ดียิ่งกว่า”
หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นยืน
“เมื่อครู่ด้านนอกประตู โม่เยว่บอกว่าซีจวิ้นเหมือนพังพอนที่น่ากลัว คำพูดนี้ข้าไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก ของอย่างพังพอน อย่างน้อยยังดูน่ารักอยู่…”
หยุนหว่านหนิงพูดอย่างใจเย็น “เทียบกับพังพอนแล้ว ยังมีสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่า”
พวกโม่เยว่มองนางอย่างจริงจัง ตั้งใจฟังนางพูด
“กิ้งก่า”
หยุนหว่านหนิงอธิบาย “พวกท่านอาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร”
“ข้าอธิบายอย่างง่ายๆให้พวกท่านฟังแล้วกัน! เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง”
เธออยากจะหยิบเอกสารเกี่ยวกับกิ้งก่าออกมาจากในช่องว่างแล้วแบ่งให้คนละชุดนัก
บางทีอาจจะให้พี่ชายช่องว่างจับกิ้งก่าเป็นๆมาตัวหนึ่งเลย…
ก็กลัวจะทำพวกเขาหัวใจวายตาย!
ดังนั้นหยุนหว่านหนิงเลยได้แต่อธิบายอย่างง่ายๆ “สัตว์ชนิดนี้มีฝีมือในการปลอมแปลงที่แข็งแกร่งมากยามอยู่ในป่า ภายใต้สถานการณ์ที่ต่างๆกัน สามารถเปลี่ยนสีร่างกายได้”
“หากไม่หลบหนีการโจมตี ก็จะเตือนสัตว์อื่น หรือไม่ก็ส่งสาสน์”
โม่จงหรานเริ่มสนใจ “อ้อ? มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วยรึ?”
เขาคือฮ่องเต้!
กลับไม่เคยได้เห็นมาก่อน กระทั่งยังไม่เคยได้ยินชื่อกิ้งก่ามาก่อนด้วย!
“แน่นอนว่ามี! แต่สัตว์ชนิดนี้ยังชอบแย่งอาหารของสัตว์อื่น…โดยเฉพาะสัตว์ที่กินแมลงเป็นอาหาร”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วบอก “พวกท่านลองคิดดู”
“มันแย่งชิงแมลง แล้วรีบเปลี่ยนสีปลอมแปลงร่างกายตนเอง สีของร่างกายเหมือนกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบไม่ผิดเพี้ยน!”
“ใช้กลลวงตาแบบนี้หลบซ่อนได้สำเร็จ ใครจะพบเจอได้?”
เธอแบมือสองข้างออก “ต่อให้โดนแย่งแมลงไป สัตว์อื่นยังไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆแมลงก็หายไปด้วยสิ!”
“ชั่วร้ายมากกระมัง?”
ทำเอาพวกโม่จงหรานเบิกตากว้างอย่างตกใจ…
หยุนหว่านหนิงแค่รู้สึกว่า เธอกำลังเล่านิทานให้เหล่าเด็กน้อยฟัง
“ซีจวิ้นก็คือแบบนี้! วิชาเปลี่ยนหน้านี่ไม่เหมือนกิ้งก่ารึ?”
พวกเขาครุ่นคิด โม่เยว่พยักหน้าก่อน “หนิงเอ๋อร์พูดมีเหตุผล!”
“ข้าก็เข้าใจแล้ว”
โม่จงหรานพูดต่อ “ความหมายของหว่านหนิงก็คือ ตอนนี้ซีจวิ้นมาเจรจาปรองดอง ก็แค่กลลวงตา! รอจนข้าส่งโยวโยวแต่งเข้าไป พวกเขาก็พร้อมเปลี่ยนสีหน้าทุกเมื่อ”
มีแค่เต๋อเฟยที่มีสีหน้างุนงง “ทำไมข้าฟังไม่เข้าใจว่าพวกเจ้าพูดอะไรกัน?”
“กิ้งก่าอะไร? ทำไมไปเกี่ยวกับซีจวิ้นได้ล่ะ?”
หยุนหว่านหนิง “….”
โม่เยว่ “….”
โม่จงหราน “….สนมรัก เจ้าออกไปเดินเล่นเถอะ!”
“เจ้าไปดูสิว่าหมอหลวงหยางตรวจยาพิษเจอะไรไหม? ออกไปเดินเล่นเถอะ ว่าง่ายๆนะ!” เขาทำเหมือนกล่อมเด็ก กล่อมเต๋อเฟยให้ออกไป
หยุนหว่านหนิงยิ้มขัน
แม่สามีเธอคนนี้นะ เป็นคนดีที่พูดจาตรงโผงผาง และยื่นมือเข้าช่วยเมื่อเห็นใครเพลี่ยงพล้ำเดือดร้อน แต่ว่านะ กลับไม่ฉลาดเท่าไหร่
หยุนหว่านหนิงยังคิดอย่างเดิม เสด็จพ่อมีสาวงามนับพัน งดงามก็จริง แต่ไม่ค่อยฉลาดกัน
เต๋อเฟยฟังไม่เข้าใจ และไม่อยากฟัง
นางลุกขึ้นยืน “ฝ่าบาท หม่อมฉันจะพูดอีกแค่คำเดียว จะรับปากเรื่องแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีไม่ได้เด็ดขาด!”
“ไม่ว่าจะเป็นโยวโยวหรือเฟยเฟย หม่อมฉันล้วนไม่รับปากให้แต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีทั้งนั้น!”
โม่จงหรานเกาหัว “นี่มันไม่ใช่สองคำหรือไง?”
เต๋อเฟยแค่นเสียงฮึ ก่อนหมุนตัวเดินออกไป
โม่จงหรานผ่อนลมหายใจโล่งอก “หว่านหนิง งั้นเจ้าคิดว่า เรื่องนี้ควรจะจัดการอย่างไร?”
โม่เยว่ที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “บางทีพวกเราอาจจะหาคนที่เหมาะสมมาแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ถึงเวลาก็ส่งไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีกับซีจวิ้น”
“เพราะซีจวิ้นเองก็ไม่รู้ว่าพี่หญิงห้ากับเฟยเฟยหน้าตาเป็นอย่างไร”
“แบบนี้ทั้งสามารถขับไล่ซีจวิ้น และยังปกป้องโยวโยวกับเฟยเฟยไว้ได้อีกด้วย”
ความหมายของเขาคือปกป้องสันติไว้ได้ชั่วคราว
โม่จงหรานพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “วิธีนี้ดีนัก
“ไม่ได้!”
พึ่งจะพูดไป ก็โดนหยุนหว่านหนิงปฏิเสธอย่างหนักแน่นทันที “เสด็จพ่อ พี่หญิงห้ากับเฟยเฟยเป็นลูกสาวแท้ๆของท่าน เปลี่ยนเป็นสตรีอื่น ก็เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่คนอื่นมิใช่รึ?”
“สิ่งใดที่ท่านมิต้องการ ก็อย่าให้ผู้อื่นต้องรับเคราะห์แทน”
เธอมองโม่เยว่อย่างเคร่งขรึม “ความคิดนี้ไม่ต้องพิจารณา”
“ให้ข้าพูด ข้อเรียกร้องชั่วร้ายนี้ที่ซีจวิ้นเสนอ รับปากไม่ได้! คนรบแพ้เป็นพวกเขา ไม่ใช่พวกเรา!”
“งั้นเจ้าว่าจะทำอย่างไร?”
โม่เยว่ขมวดคิ้วถาม
โม่จงหรานโดนเธอพูดแบบนี้ ก็อดเก้อเขินไม่ได้
ใช่สิ!
ลูกสาวของเขาเป็นองค์หญิง ลูกสาวของคนอื่นไม่ใช่แก้วตาดวงใจในสายตาพ่อแม่ตนรึ?!
เขาไม่อาจถือตนว่าเป็นฮ่องเต้ ก็จะไปทำให้คนอื่นเจ็บปวดแทน…
เขาเป็นฮ่องเต้มีคุณธรรม มีจิตใจ!
หยุนหว่านหนิงกอดอก มือขวาเท้าคาง คิ้วขมวดมุ่น เดินไปเดินมาในตำหนัก
นี่เป็นกิริยาท่าทางคุ้นเคยที่เธอมักเป็นเวลาครุ่นคิดปัญหา
ในตำหนักเงียบมาก มีแค่เสียงเดินไปมาของเธอเท่านั้น
โม่จงหรานมองเธออย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง สายตามองเธอเดินไปเดินมา สุดท้ายมองจนเวียนหัว นี่ถึงเก็บสายตากลับไป ถอนหายใจพลางมือกุมหัวปวดขมับ
“เฮ้อ”
เขาพึ่งถอนหายใจ ก็เห็นหยุนหว่านหนิงที่เดินวนไปมาหยุดลงแล้ว
สองตาเธอเป็นประกาย ปรบมือผ่าง “ข้าคิดออกแล้ว!”