อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 334 สิ่งหนึ่งย่อมพิชิตอีกสิ่งได้
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 334 สิ่งหนึ่งย่อมพิชิตอีกสิ่งได้
โม่จงหรานกับโม่เยว่หันมองนางอย่างตื่นเต้น “รีบพูดเร็ว!”
“ความคิดของข้ารับรองว่าซีจวิ้นทำอะไรไม่ได้แน่! ถึงตอนนั้น….”
หยุนหว่านหนิงยังพูดไม่ทันตบ ก็เห็นโม่จงหรานตบโต๊ะผ่าง พูดอย่างร้อนใจว่า “เจ้าอย่ามัวลีลาอยู่เลย! รีบพูดเร็วว่าคิดได้อะไร!”
เขาอยากเข้าไปดึงหูนังหนูนี่จริงๆ ให้นางมีอะไรก็รีบพูดซะ
แต่เขาเป็นฮ่องเต้!
จะสูญเสียความน่าเกรงขามไม่ได้!
โม่จงหรานอดกลั้นเอาไว้
“ข้ากำลังพูดอยู่ไม่ใช่หรือไง? เสด็จพ่ออย่าร้อนใจไปสิ!”
หยุนหว่านหนิงมองบนอย่างหน่ายใจ
โม่เยว่เองก็เหล่โม่จงหรานอย่างเย็นชา “เสด็จพ่อ ใจร้อนทำการใหญ่มิได้ดอก”
โม่จงหรานลุกขึ้นยืน ซัดฝ่ามือใส่ไป “ไอ้ลูกทรพี ข้าจะให้เจ้าสิใจร้อนทำการใหญ่ไม่ได้! ข้าเป็นพ่อเจ้า เมื่อครู่เจ้าใช้สายตาอะไรหะ?”
หยุนหว่านหนิงสีหน้าไร้เดียงสา ไม่คิดเข้าไปห้ามปราม
ยังไงซะก็ร่ำร้องอยู่ในใจว่า เสด็จพ่อทำได้ดี ทำดีมาก เอาให้โม่เยว่ร้องโอยไปเลย!
โม่เยว่ลุกขึ้นหนีโม่จงหราน
เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม จัดแจงสีหน้าใหม่ ถึงพูดเสียงเรียบว่า “เสด็จพ่อ วิญญูชนขยับปากไม่ขยับมือ”
“เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่า ข้าเป็นพ่อเจ้า !อยู่ต่อหน้าเจ้าไม่ถือว่าเป็นวิญญูชน!”
โม่จงหรานแค่นเสียงหยัน “อัดเจ้าเพื่อระบายอารมณ์”
โม่เยว่ “….”
เขานึกขึ้นมาได้ว่า เจ้าโม่ฮั่นอี่ว์นั่นโดนอัดตั้งแต่เล็กจนโต
ต้องเป็นเพราะว่าโม่จงหรานอัดเขาระบายอารมณ์กระมัง?
หยุนหว่านหนิงเข้าไปปรามทั้งรอยยิ้ม …แต่รอยยิ้มนั้นดูยังไงก็เสแสร้ง
“เสด็จพ่อ โกรธมากไปร่างกายไม่ดีนะ! ท่านอ๋องของข้าน่ะอายุยี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว ท่านทำร้ายแบบนี้ไม่ดีกระมัง? โดนคนในวังเห็นเข้า ท่านอ๋องจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”
ลูกสะใภ้ออกปากแล้ว โม่จงหรานก็ต้องไว้หน้าลูกสะใภ้อยู่บ้าง
ดังนั้นเขาจึงนั่งลงอย่างสง่างาม “หว่านหนิง เจ้าพูดต่อสิ!”
“ช้ากำลังคิดว่า ไม่งั้นฝั่งเราเสนอเงื่อนไขบ้าง”
หยุนหว่านหนิงพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ซีจวิ้นไม่ใช่อยากจะขอองค์หญิงหนานจวิ้นเราไปแต่งงานรึ อยากให้พี่หญิงห้าแต่งออกไปไม่ใช่รึ?”
“ดีนี่!”
เธอปรบมือ ยังไม่ทันพูดต่อ ก็มีเสียงเต๋อเฟยดังขึ้นที่หน้าประตูว่า “ดีอะไร?! เมื่อครู่ข้าบอกอย่างชัดเจนแล้วมิใช่รึว่า ไม่ว่าจะเป็นโยวโยวหรือเฟยเฟย ก็ไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีไม่ได้!”
“เรื่องแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี ข้าไม่เห็น….”
จากนั้นก็มีแต่เสียง “อู๊อู๊”
ด้านนอกประตู มีเสียงพูดของหลี่หมัวมัวดังขึ้นว่า “เหนียงเหนียง ท่านอย่าพึ่งพูดเลย!”
ดูเหมือนหลี่หมัวมัวจะปิดปากเต๋อเฟยเอาไว้…
หยุนหว่านหนิงอดยกนิ้วโป้งขึ้นมาไม่ได้ “หลี่หมัวมัวเยี่ยมยอดจริงๆ!”
หลี่หมัวมัวรับใช้ เต๋อเฟยมาหลายปี ติดตามเต๋อเฟยจากเมืองแถบชายแดนจนถึงเมืองหลวง เข้าวังตามมารับใช้ เต๋อเฟย ว่าไป นางก็เป็นคนจากบ้านเดิมที่แท้จริงข้างกาย เต๋อเฟยเลยทีเดียว
ถึงทั้งสองจะเป็นนายบ่าว แต่ก็รักใคร่กันดุจพี่น้อง
ปกติในตำหนักหย่งโซ่ว ก็มีแต่หลี่หมัวมัวที่เอาเต๋อเฟยอยู่
โม่จงหรานขมวดคิ้ว “เต๋อเฟยออกไปเดินเล่นแล้วมิใช่รึ?”
“เดินเล่นอะไรล่ะ?”
เต๋อเฟยผลักหลี่หมัวมัวออกพลางเดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าโกรธขึ้งว่า “ฝ่าบาท อย่านึกว่าหม่อมฉันไม่รู้นะ! พระองค์น่ะรังเกียจหาว่าหม่อมฉันโง่!”
“เมื่อครู่จงใจไล่หม่อมฉันออกไปชัดๆ!”
โดนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง โม่จงหรานหน้าแดงบอก “ข้าทำที่ไหนกัน?”
“ทำสิ!”
เต๋อเฟยถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธขึ้ง “หม่อมฉันอยากจะฟังอยู่ด้านนอกประตูว่า พวกท่านสามคนน่ะแอบพูดอะไรลับหลังหม่อมฉัน หม่อมฉันถึงฟังไม่ได้?”
โม่จงหรานกระแอมเบาๆ
มีอะไรที่นางฟังไม่ได้กัน?
เห็นได้ชัดว่า นางฟังแล้วฟังไม่เข้าใจเองน่ะ!
แต่ว่านะ บอกว่านางโง่ตรงๆก็ไม่ได้…
ไม่งั้นผลลัพธ์ไม่อาจคาดเดาได้เลย!
“หนิงเอ๋อร์ เมื่อครู่ข้าบอกอย่างชัดเจนแล้วกระมัง?”
เต๋อเฟยหันมามองหยุนหว่านหนิง “ทำไมเจ้าเห็นด้วยกับการที่จะให้โยวโยวไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีเล่า?”
“พวกเราเป็นสตรีเหมือนกัน สตรีเหตุใดต้องทำร้ายสตรีด้วยกันเองเล่า?”
หยุนหว่านหนิงใบหน้ามึนงง
เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลยไม่ใช่หรือไง?!
เธอเห็นด้วยให้โม่โยวโยวไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีที่ไหนกัน?
“เสด็จแม่ท่านฟังข้าพูดให้จบก่อนได้หรือไม่?”
หยุนหว่านหนิงหน่ายใจ อธิบายให้นางฟังอย่างใจเย็น “ความหมายของข้าคือ ในเมื่อซีจวิ้นอยากทำตัวเป็นกิ้งก่า พวกเราก็ต้องทำให้พวกเขาเปลี่ยนสีไม่ได้!”
การอธิบายอย่างใจเย็นของเธอดูท่าจะไม่เหมาะกับเต๋อเฟย
นางถามด้วยสีหน้าสงสัย “อยู่ดีๆ ทำไมไปเกี่ยวข้องกับกิ้งก่าอีกแล้วล่ะ?”
“พูดตามตรง จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจว่า กิ้งก่าเป็นตัวอะไรกันแน่!”
หยุนหว่านหนิงพูดอะไรไม่ออกแล้ว “…”
นั่นไง ความคิดของพวกเขากับเต๋อเฟยไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน
โม่จงหรานกระแอม “สนมรัก ถ้าไงเจ้าออกไปเดิน…”
“ฝ่าบาทรังเกียจว่าหม่อมฉันโง่รึ?”
สีหน้าเต๋อเฟยตกตะลึง
โม่จงหรานกลืนคำพูดที่เตรียมออกหลังกระแอมไปทันที กุมมือนางพลางยิ้มละไมบอก “ข้าเปล่า!ข้าไม่ได้ทำ! ข้ารักเจ้านะ!”
เต๋อเฟยถึงแค่นเสียงฮึ ดึงสายตากลับอย่างพอใจ
หยุนหว่านหนิงอยากจะอาเจียน
นั่นไง โม่จงหรานคุมเต๋อเฟยอยู่
“หนิงเอ๋อร์ งั้นเจ้าว่ามา เจ้าคิดอย่างไรกันแน่?”
เต๋อเฟยถาม
หยุนหว่านหนิงลำบากใจมาก
เต๋อเฟยนั้นไม่มีความใจเย็น จะบอกว่าฉลาดก็ดูจะใม่เชิง ไม่เพียงไม่ใจเย็นฟังเธอพูดให้จบ กระทั่งยังฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดทุกคำอีก
ดูปวดหัวจริงๆ เธอไม่รู้ควรจะอธิบายยังไงดี
ดังนั้นเลยหันมองโม่เยว่อย่างขอความช่วยเหลือ
โม่เยว่หน้าตึงบอก “เสด็จแม่ก่อนหนิงเอ๋อร์พูดจบ ท่านอย่าพึ่งพูดดีกว่า”
“อ้อ ได้สิ”
เต๋อเฟยสีหน้าไร้เดียงสา
พอลูกชายออกปาก เต๋อเฟยก็นั่งลงอย่างว่าง่าย มองหยุนหว่านหนิงอย่างซื่อๆว่า “หนิงเอ๋อร์ เจ้าพูดสิ”
โม่จงหรานที่อยู่ข้างๆอยากจะร้องไห้
นี่มันสิ่งหนึ่งย่อมพิชิตอีกสิ่งได้จริงๆเลย!
หยุนหว่านหนิงพิชิตเขา เขาพิชิตโม่เยว่ โม่เยว่พิชิตเต๋อเฟย เต๋อเฟยพิชิตหยุนหว่านหนิง…
จะว่าไป หยุนหว่านหนิงถึงยืนเป็น “สตรีที่อยู่ยอดสุดของวงจรโซ่อาหาร”
เพราะเหมือนจะเป็นหลักการสิ่งหนึ่งย่อมพิชิตอีกสิ่งได้
แต่อันที่จริงแล้วนางกลับสามารถพิชิตได้ทุกคน!
ไม่เพียงพิชิตพวกเขาอยู่ ยังพิชิตซีจวิ้นได้อีก!
เพียงเห็นนางพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ซีจวิ้นเล่นแง่กับเรา เราก็ทำได้นี่นา! พวกเขาอยากสู่ขอองค์หญิงหนานจวิ้นของเรามิใช่รึ?”
“ได้! แต่เงื่อนไขก่อนหน้านั้นคือ ต้องรับปากเงื่อนไขหนานจวิ้นของเราก่อน!”
“อย่างเช่น แบ่งแยกดินแดนให้?”
โม่จงหรานถาม
“แน่นอนว่าไม่ใช่! เงื่อนไขนี้ง่ายเกินไปกระมัง?”
หยุนหว่านหนิงโบกมือ “ข้าคิดว่าควรจะเป็นอะไรที่ยากหน่อย…”
“อย่างเช่น ให้คนซีจวิ้นทั้งหมดลดความอ้วนแล้วกัน! บุรุษซีจวิ้นทั้งหมดต้องผอมลงให้ได้หนึ่งร้อยห้าสิบชั่ง สตรีซีจวิ้นต้องเรียนรู้ท่วงท่าอ่อนช้อยพลิ้วไหวไปตามลมของสาวงามหนานจวิ้นเรา!”
เธอยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
คำพูดนี้ฟังแล้วดูไม่เข้าท่า แต่โม่จงหรานกลับรู้สึกว่ามันมีเหตุผลมาก
“แล้วจะใช้เหตุผลอะไรบอกให้พวกเขาทำอย่างนี้เล่า?”
“ก็บอกว่าองค์หญิงหนานจวิ้นของเรา ใช้ชีวิตสุขสบายแต่เล็ก! พอไปถึงซีจวิ้น ต้องไม่คุ้นเคยกับที่ทางสภาพทางนั้นของพวกเขาแน่!
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วบอก “ดังนั้นเลยให้พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลง”
“ทำให้องค์หญิงหนานจวิ้นของเรารู้สึกว่ายังอยู่ที่หนานจวิ้น”
“เพราะพวกเขาเรียกร้องสู่ขอองค์หญิงที่งดงามที่สุดสูงส่งที่สุดของหนานจวิ้นเรานี่นา!”
“ไม่ต้องให้พวกเขาแบ่งแยกดินแดนให้ และไม่ต้องการเงินทองเป็นพันเป็นหมื่นตำลึง ขอแค่ทำการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆนี่ น่าจะไม่มีปัญหากระมัง?”
เธอกะพริบตาปริบๆด้วยใบหน้าใสซื่อ
พอได้ยินดังนี้ พวกโม่จงหรานเงียบลงไปทันที…