CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 336 เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม

  1. Home
  2. อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
  3. บทที่ 336 เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 336 เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม

ฮองเฮาจ้าวรีบหันหน้าไปมอง

เห็นแค่หยุนหว่านหนิงสองมือค้ำประตู หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว

“เจ้าหัวเราะทำไม?”

สีหน้าของฮองเฮาจ้าวน่าเกลียดจนแทบดูไม่ได้ “จะยืนก็ไม่ยืนให้ดี จะนั่งก็ไม่นั่งให้เหมาะ! สภาพเจ้าแบบนี้ มันใช่ภาพพจน์ที่พระชายาอ๋องควรมีเสียที่ไหนกัน?!”

หยุนหว่านหนิงหันไปมองโม่จงหรานแวบหนึ่ง

เห็นเขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า…..

ไม่มีสัจจะ!

เสด็จพ่อไม่มีสัจจะเอาเสียเลย!

เห็นว่านางถูกฮองเฮาจ้าวตำหนิแท้ ๆ ก็ไม่เห็นจะเข้ามาช่วยเลย!

โม่จงหรานพึ่งไม่ได้ นางจึงทำได้แค่ยืดตัวให้ตรง พูดว่า “เสด็จแม่ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ”

“เมื่อครู่นี้มันตลกมาก ข้าหัวเราะจนปวดเอวไปหมด ดังนั้นเลยยืนตัวตรงไม่ได้”

นางลดมือทั้งคู่ลง “ลูกไม่ได้หัวเราะเยาะอะไรเลยนะเพคะ! แค่บังเอิญว่าเมื่อครู่นี้เห็นกบตัวใหญ่ยักษ์ตัวนึง กระโดดออกมาจากด้านหลังของหมอหลวงหยาง ลูกเลยรู้สึกว่ามันตลกดี”

กบตัวใหญ่ยักษ์?

กบตัวใหญ่ยักษ์มาจากไหน?

ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้วมุ่น “ท้องฟ้าสดใสแดดเจิดจ้าขนาดนี้ พูดจาเหลวไหลไร้สาระอะไรของเจ้า?”

“เสด็จแม่ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่จริงนะเพคะ!”

หยุนหว่านหนิงพูดด้วยท่าทางกล้าหาญวาจาหนักแน่น “ในเมื่อเสด็จแม่ไม่เชื่อ ลูกก็คงต้องขอตัวก่อนแล้ว”

นางเอาสองมือไพล่หลัง แล้วเดินเฉียดผ่านข้างตัวฮองเฮาจ้าวไป

กบตัวใหญ่ยักษ์อะไรล่ะ นางแค่อยากจะบอกว่าฮองเฮาจ้าวกลายเป็นคนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทัน โดนปั่นหัวได้ง่าย ๆ ไปแล้ว!

ภาพลักษณ์ของคนโง่ที่โดนปั่นหัวได้ง่าย ๆ มันก็เหมาะกับกบที่มีชีวิตอันน่าอนาถดีแล้วไม่ใช่หรือ?

หยุนหว่านหนิงรู้สึกขำแทบแย่

เมื่อครู่นี้โม่จงหรานปล่อยให้ฮองเฮาจ้าวตำหนินาง เดิมทีนางยังคิดอยู่ว่าจะเล่นลูกไม้อะไรสักนิดสักหน่อย เพื่อเป็นการเพิ่มระดับ “การโบกสะบัด” เขาให้สั่นระทึกขึ้นอีกหน่อย แต่พอลองคิด ๆ ดูอีกที สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าช่างมันดีกว่า!

เสด็จพ่อเองก็ลำบากเหมือนกัน!

ดังนั้น หยุนหว่านหนิงจึงไม่พูดอะไรให้มากความ

หลังจากเดินไปได้สามสี่ก้าว ก็พูดกับฮองเฮาจ้าวว่า “จริงสิเสด็จแม่ เรื่องเงินหนึ่งแสนตำลึงนั่น…..”

เงิน ๆ ๆ เจ้ามันก็รู้จักแต่เรื่องเงิน!

เพราะอยู่ต่อหน้าโม่จงหราน ฮองเฮาจ้าวจึงไม่สามารถโกรธได้ นางทำได้แค่เค้นเสียงพูดลอดไรฟันออกมาสี่ห้าคำว่า “ข้าจะสั่งคนส่งไปให้เจ้าเอง!”

เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงจากไปอย่างพอใจแล้ว โม่จงหรานก็ขมวดคิ้ว ถามว่า “เงินอะไร?”

“มีบางอย่างที่เสด็จพ่อยังไม่ทรงทราบ”

ฮองเฮาจ้าวฝืนยิ้ม “เมื่อวานนี้ เพื่อที่หม่อมฉันจะให้หยุนธิงหลานเข้าห้องหอกับเฟิงเอ๋อร์ได้โดยราบรื่น ”

“ต้องยอมจ่ายเงินไปถึงหนึ่งแสนตำลึง เพื่อส่งสะใภ้เจ็ดออกไปเพคะ!”

นางพูดด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจมาก

นางล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดน้ำตาป้อย ๆ “ฝ่าบาท สะใภ้เจ็ดอาศัยความเอ็นดูของพระองค์ มาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในวัง แม้แต่หม่อมฉันนางก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”

“แม้แต่จางหมัวมัวก็ยัง…..”

นางมองไปที่จางหมัวมัวซึ่งหมดสติอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง แล้วอึกอักพูดอะไรไม่ออก

ในเวลานี้เอง โม่เยว่ก็ก้าวออกมาเช่นกัน

เขามองไปที่ฮองเฮาจ้าวอย่างเย็นชา ก่อนกลับยังทิ้งคำพูดที่เหมือนกับหยุนหว่านหนิงพูดไว้ทุกประการว่า “เสด็จแม่ อย่าลืมส่งเงินไปที่จวนของข้าด้วย”

ฮองเฮาจ้าวถึงกับสะอึก: “…..”

ไอ้พวกตัวชั่วช้าสารเลวเอ๊ย !

แต่ก็จนใจที่เต๋อเฟยเป็นพวกให้ท้ายลูกแบบสุดโต่ง

อย่างไรก็ไม่สามารถฟ้องโม่เยว่ในตำหนักหย่งโซ่วได้!

นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฝืนระงับความขุ่นในใจ “ฝ่าบาท ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแกจางหมัวมัวด้วยนะเพคะ!”

เมื่อเห็นนางร้องไห้ โม่จงหรานก็เริ่มหมดความอดทน

เขาโบกมือ “ในเมื่อจางหมัวมัวได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ ก็ลากตัวนางออกไปทุบตีให้ตายเสียเถอะ!”

เสียงร้องไห้ของฮองเฮาจ้าวถึงกับสะดุด: “? ? ? ฝ่าบาท”

“ให้นางได้ตายเร็ว ๆ แล้วจะได้ไปเกิดใหม่เร็ว ๆ! ชาติหน้าให้นางไปเกิดในตระกูลดี ๆ สักตระกูล จะได้ไม่ต้องทำอาชีพเป็นแม่นมเฒ่าแล้ว ทำเช่นนี้ ก็ไม่เท่ากับว่าข้าช่วยคืนความเป็นธรรมให้นางแล้วหรอกรึ?”

โม่จงหรานพูดเหมือนว่าตัวเองมีเหตุผลอันชอบธรรมเต็มเปี่ยม

ฮองเฮาจ้าวโกรธจนลมแทบจับเกือบหงายหลัง

“ฝ่าบาท ทรง… ทรงช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก”

นางหัวเราะแห้ง ๆ ไม่กล้าพูดถึงจางหมัวมัวอีกต่อไป

“จริงสิ เจ้าลองคิด ๆ ดูหน่อยว่าจะย้ายเว่ยผินไปไว้ตำหนักไหน! คิดได้แล้ว ก็ส่งคนมารายงานข้าด้วย”

จากนั้นโม่จงหรานก็หันหลังแล้วเดินจากไป

ฮองเฮาจ้าวยืนนิ่งอยู่กับที่ แทบจะอดใจไม่ไหวอยากเอาหัวพุ่งชนกำแพงให้ตายไปเลย!

นางออกแรงเตะจางหมัวมัวที่ “สลบไสลไม่ได้สติ” อยู่บนพื้นอย่างแรง “หยุดเสแสร้งได้แล้ว! ฝ่าบาทไปตั้งไกลแล้ว! ต่อให้เจ้าเสแสร้งไปจนแผ่นฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ฝ่าบาทก็ไม่มีทางเข้าข้างข้าหรอก!”

………………….

โม่จงหรานเพิ่งจะกลับถึงห้องทรงพระอักษร ก็เห็นว่าหยุนหว่านหนิงหยิบฏีกาฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน

“เสด็จพ่อ นี่มันคืออะไรหรือเพคะ?”

“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ออกไปอีก?”

โม่จงหรานทำสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ ยื่นมือไปคว้าฎีกาในมือของนางมา “เจ้ามันนางเด็กสามหาว เดี๋ยวนี้ยิ่งทำตัวโอหังบังอาจขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ! กระทั่งฎีกาก็ยังกล้าหยิบไปอ่าน!”

“ไม่ใช่นะเพคะเสด็จพ่อ นี่ข้าเก็บออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ตรงนั้น”

หยุนหว่านหนิงมองเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

โม่เยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ยกถ้วยชาขึ้นจิบพลางพูดว่า “กระหม่อมสามารถเป็นพยานได้ว่า หนิงเอ๋อร์เก็บมันขึ้นมาจากตะกร้าจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

โม่จงหรานปวดหัวตึ๊บ “พวกเจ้าสองคน ตอนนี้คือไม่คิดจะกลับไปจวนอ๋องหมิงแล้วงั้นรึ?”

“ห้องทรงพระอักษรของข้า ล้วนถูกพวกเจ้ายึดครองหมดแล้วสินะ?”

สองคนผัวเมียนี้ รับมือยากยิ่งกว่าพวกเจ้าของบ้านตะปู*เสียอีก!

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรอีกล่ะ? ข้าเห็นหน้าพวกเจ้าแล้วมีน้ำโห!”

(* อธิบายเพิ่มเติม บ้านตะปู หมายถึงบ้านที่ยืดหยัดต้านการรื้อถอนของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องการนำที่ดินไปทำโครงการพัฒนาต่าง ๆ ปัจจุบันบ้านตะปูนับเป็นปัญหาร่วมสมัยของจีนปัญหาหนึ่ง สืบเนื่องจากยุคพัฒนาสังคมเมืองอย่างก้าวกระโดดของจีน จึงมีการผุดโครงการก่อสร้าง ทั้งโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภค โครงการที่อยู่อาศัย โครงการศูนย์การค้าอาคารพาณิชย์ ฯลฯ พร้อม ๆ กันนี้ก็เกิดความขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ถูกสั่งโยกย้ายออกจากบ้าน คนที่ไม่ยอมย้ายออก ไม่ยอมให้รื้อถอน อาจมีเหตุผลว่าจำนวนเงินที่รัฐชดเชยให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงไม่ยอมเซ็นหนังสือยินยอมให้รื้อถอน ซึ่งชาวจีนจะเรียกบ้านเหล่านี้ว่าบ้านตะปู)

หยุนหว่านหนิงชิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว รีบชงชาดอกเก๊กฮวยมาแก้วหนึ่งอย่างรวดเร็ว “เสด็จพ่อ ดอกเก๊กฮวยช่วยดับร้อนได้ดีที่สุดนะเพคะ”

สุดท้ายโม่จงหรานก็รับมา จิบไปคำหนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชาว่า “อย่าคิดนะว่าแค่ชาดอกเก๊กฮวยแก้วเดียวก็จะซื้อข้าได้! พูดมา ว่าคิดจะทำอะไรอีกแล้ว?”

เขาหรี่ตามองนาง

“เสด็จพ่อ นี่คือ 《เฉินฉิงเปี่ยว》ที่อ๋องฮั่นเขียนด้วยตัวเองนะเพคะ!”

หยุนหว่านหนิงมองไปที่ม้วนฎีกาบนโต๊ะ

ซูปิ่งซ่านหัวเราะเบา ๆ “ยังมีบางอย่างที่พระชายาหมิงยังไม่รู้”

“ระยะนี้ อ๋องฮั่นจะส่งจดหมายสำนึกผิดมาที่วังทุกวัน เริ่มแรกยังเขียนด้วยกระดาษซวนจื่อ แต่ล้วนถูกฝ่าบาทฉีกแล้วโยนทิ้งลงตะกร้าหมด”

เขาอธิบายต่อ “ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อ๋องฮั่นก็รู้เรื่องนี้เข้าจนได้”

“วันนี้จึงจงใจ ส่งเป็นฎีกาเข้าวังมาแทน”

“ถึงอย่างนั้น ก็ยังถูกโยนลงตะกร้าอยู่ดีไม่ใช่รึ?”

หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างอึมครึม “อ๋องฮั่นนี่ช่างเหมาะกับคำว่าอยู่เพื่อกินอย่างเดียวจริง ๆ”

โม่จงหรานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “นี่เจ้าดูถูกลูกชายของข้าอย่างนั้นรึ?”

“เสด็จพ่อ พวกเราต้องมาพูดถึงเรื่องของมโนธรรมกันก่อนนะ! เป็นท่านเองที่ดูถูกอ๋องฮั่นก่อน ส่วนหม่อมฉันก็แค่เดินตามรอยเท้าของท่าน ยกสองมือเห็นชอบต่อการตัดสินใจของท่าน แล้วทำไมถึงกลายเป็นข้าที่นึกดูถูกอ๋องฮั่นไปเสียได้ล่ะ?”

ถ้าให้พูดพล่ามเรื่องไร้สาระล่ะก็ หยุนหว่านหนิงเคยกลัวใครซะที่ไหน?

คำพูดประจบสอพลอแบบไร้หัวไร้หางของนาง ทำให้โม่จงหรานมึนงงจนคลำทางไม่ถูกแล้วจริง ๆ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ บอกจุดประสงค์ของเจ้ามา”

ขณะที่หยุนหว่านหนิงกำลังจะพูด เหลียงเสี่ยวกงกงก็ค้อมหัวต่ำเดินเข้ามา

“ฝ่าบาท เว่ยกั๋วกงขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่พบ!”

ตอนนี้ขอแค่โม่จงหรานได้ยินใครเรียกคนแซ่เว่ย ก็โกรธเสียจนไฟโทสะลุกท่วมตัวแล้ว

“ข้าน้อยบอกไปแล้วว่าฝ่าบาททรงติดราชกิจ แต่เว่ยกั๋วกงก็ยืนกรานว่าจะรออยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงเสี่ยวกงกงรีบทูลกลับไป

ความหมายนั้นก็คือ ถ้าวันนี้เว่ยกั๋วกงไม่ได้พบโม่จงหราน เขาก็จะเฝ้าอยู่ข้างนอกไม่ไปไหน….

ไอ้นิสัยตามรบเร้าพัวพันไม่เลิกนี่ เรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของหยุนหว่านหนิงได้เลยทีเดียว

หยุนหว่านหนิงมองโม่จงหรานด้วยสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “เสด็จพ่อ นี่เป็นเพราะท่านไปแตะต้องเว่ยผิน ดังนั้นพอเว่ยกั๋วกงได้รู้ข่าว ก็เลยเข้าวังมาร้องขอความยุติธรรมให้น้องสาวของเขานะเพคะ!”

“ทำไมรอยยิ้มบนหน้าเจ้า ข้าเห็นแล้วถึงรู้สึกว่ามันวอนโดนไม้สักหวดจริง ๆ เลยนะ”

โม่จงหรานกวาดตามองนางแวบหนึ่ง แล้วโบกมือไปทางเหลียงเสี่ยวกงกง “ไป ๆ ๆ ”

“เอาเป็นว่าเจ้าไปบอกว่าข้ารู้ถึงเจตนาที่เขามาที่นี่แล้ว! ที่จัดการกับเว่ยผินนั้นไม่ใช่ความตั้งใจของข้า แต่เป็นความตั้งใจของฮองเฮา”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นยียวนขึ้นทุกขณะ “เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม ให้เว่ยกั๋วกงไปคุยกับฮองเฮาเองเถอะ!”

หยุนหว่านหนิงยิ้มพลางยกนิ้วโป้งให้ “เสด็จพ่อ ช่างสมกับคำที่เขาว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดจริง ๆ !”

“หรือไม่ใช่ล่ะ”

โม่จงหรานแค่นเสียงในลำคอเบา ๆ “หยุดพูดจาประจบสอพลอได้แล้ว! พวกเจ้าสองผัวเมียตัวร้าย คิดจะให้ข้าทำอะไรอีกล่ะ?”

หยุนหว่านหนิงขยิบตาไปให้โม่เยว่ เป็นสัญญาณให้เขาขึ้นมาพูด….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 336 เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์