อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 341 ลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ด
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 341 ลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ด
“เด็กคนนี้ ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ”
โม่หุยเหยียนพูดซ้ำอีกครั้ง
ถึงอย่างไรหนานกงเยว่ก็เป็นถึงองค์หญิงตงจวิ้น ย่อมมีหูตาที่ว่องไวและมีไหวพริบกว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง
ทันทีที่ได้ยินโม่หุยเหยียนพูดแบบนี้ ก็ถามว่า “ท่านอ๋อง ท่านกำลังสงสัยว่า เด็กคนนั้นอาจจะเป็นลูกชายของเจ้าเจ็ดใช่หรือไม่?”
“อื้ม”
เมื่อเห็นเขาพยักหน้า หนานกงเยว่กลับยกยิ้มบาง ๆ “ท่านอ๋อง นี่ท่านคงไม่ได้กำลังขู่ให้ตัวเองตกใจกลัวอยู่หรอกนะ? เจ้าเจ็ดกับหนิงเอ๋อร์มีลูกด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่รึ?”
นางมองเขาด้วยสายตาจนใจ
หลายปีที่ผ่านมา ในวังมีใครบ้างที่จะไม่รู้ ว่าหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ไม่ลงรอยกัน?
ใครบ้างที่จะไม่รู้ ว่าโม่เยว่เกลียดหยุนหว่านหนิงมากแค่ไหน?
“ข้าแค่รู้สึกว่า ท่าทางของเจ้าเจ็ดมันดูแปลกมากจริงๆ”
โม่หุยเหยียนนั่งลงด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด “เด็กคนนั้น อาจไม่ใช่ลูกของเขากับหยุนหว่านหนิง แต่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าเจ็ดก็ได้นะ?!”
ไม่อย่างนั้น เขาจะตั้งท่าปกป้องขนาดนั้นรึ?
ในวันปกติแล้ว ในบรรดาพวกเขาพี่น้อง โม่เยว่คือคนที่จะไม่มีวันยื่นมือเข้ามาช่วยประคับประคอง ในเวลาที่ใครก็ตามเกิดเรื่องเดือดร้อน
ถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา แล้วทำไมเขาถึงได้ปกป้องขนาดนั้น? !
“คงไม่หรอกน่า? ท่านอ๋อง ข้าว่าท่านคิดมากเสียจนจิตตกแล้วนะ”
หนานกงเยว่เดินยิ้มแย้มเข้าไปใกล้ ๆ “ท่านเองก็รู้นิสัยของหนิงเอ๋อร์ดีไม่ใช่รึ?”
“ด้วยความอารมณ์ร้อนของนาง จะยอมทนให้เจ้าเจ็ดมีลูกกับหญิงอื่นได้หรือ?”
เมื่อก่อนหยุนหว่านหนิงรักโม่เยว่มากขนาดไหน พวกเขาเองก็รู้เหมือนกัน
“แต่ข้าเอาแต่รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ นะ”
โม่หุยเหยียนยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยท่าทางปวดหัว
หนานกงเยว่ช่วยนวดคลึงที่ขมับให้เขาเบา ๆ “ท่านอ๋องอย่าเพิ่งร้อนใจไป! เรื่องนี้พวกเราไม่อาจด่วนสรุปแบบง่าย ๆ ได้ แต่เราสามารถหยั่งเชิงเจ้าเจ็ดกับหนิงเอ๋อร์ได้”
“หยั่งเชิงอย่างไรรึ?”
โม่หุยเหยียนเงยหน้าขึ้นมองนาง
หนานกงเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นก็คิดถึงลูกสาวของตัวเอง…..
นางยกยิ้มเล็กน้อย “อายุของหยุนเอ๋อร์กับเด็กคนนั้น เหมือนว่าจะต่างกันไม่มากนัก”
“พรุ่งนี้ข้าจะพาหยุนเอ๋อร์ไปที่จวนอ๋องหมิง จะได้ลองหยั่งเชิงดูด้วยเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของโม่หุยเหยียนก็สว่างวาบ “นี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย!”
เขาผลักมือของหนานกงเยว่ออกเบา ๆ หันหน้าเดินตรงออกนอกประตูไป แล้วสั่งคนรับใช้ว่า “ใครก็ได้มานี่หน่อย! ไปพาคุณหนูมาที่นี่เร็วเข้า ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง!”
โม่จือหยุนลูกสาวของโม่หุยเหยียนกับหนานกงเยว่ ตอนนี้เพิ่งจะอายุได้ไม่ถึงห้าขวบดี
เมื่อเทียบช่วงอายุระหว่างหยวนเป่า ก็นับว่าไม่ต่างกันมากนัก
อายุไล่เลี่ยกัน ก็ยิ่งเป็นเพื่อนเล่นกันได้ดียิ่งขึ้น!
โม่หุยเหยียนยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ
……………
วันรุ่งขึ้น ตอนที่หนานกงเยว่เข้าไปถึงจวนอ๋องหมิง พอดีว่าโม่โยวโยวก็อยู่ที่นั่นด้วย
นางได้รู้เรื่องที่ซีจวิ้นเรียกร้อง ขอการแต่งงานกับองค์หญิงแล้ว
ด้วยเหตุนั้น เมื่อวานนางจึงขังตัวเองอยู่ในห้องนอน แล้วเอาแต่ร้องไห้ตลอดทั้งวันจนสองตาบวมช้ำไปหมด ต่อมาค่อยมารู้ทีหลังว่าเป็นหยุนหว่านหนิงที่ช่วยนางแก้ปัญหานี้จนคลี่คลายไปได้ ในใจของนางจึงรู้สึกซับซ้อนสับสนมาก
ตลอดหลายปีมานี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ซ้ำเติมหยุนหว่านหนิง
แต่นางก็ไม่เคยมีการไปมาหาสู่ใด ๆ กับหยุนหว่านหนิงเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่นางทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด โม่โยวโยวทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่ตำตา แต่ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น…..
นางคิดไม่ถึงเลยสักนิด ว่าหยุนหว่านหนิงจะลุกขึ้นมาออกหน้าแทนนาง!
“หนิงเอ๋อร์”
โม่โยวโยวจับมือนางทั้งน้ำตา สะอึกสะอื้นจนแทบพูดอะไรไม่ออก “เมื่อก่อนเป็นข้าเองที่ต้องขอโทษเจ้า! หาได้ยากนักที่จะมีคนแบบเจ้าที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางในอดีต ยอมออกหน้าช่วยข้าถึงขนาดนี้ ”
“ในใจของข้าตอนนี้ มันรู้สึกละอายเหลือเกินแล้ว!”
เดิมทีหยุนหว่านหนิงก็เป็นคนประเภทปากร้ายใจดีอยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าโม่โยวโยวร้องไห้จนมีสภาพเป็นถึงขนาดนี้แล้ว นางก็อดถอนหายใจ ไม่ได้ “พี่หญิงห้า”
“เรื่องในอดีต อันที่จริงมันก็เป็นเพราะข้าเองที่ทำไม่ถูก ต่อให้โม่เยว่จะสั่งกักบริเวณข้า ก็เป็นเพราะข้าหาเรื่องใส่ตัวเอง ข้าไม่เคยรู้สึกโกรธหรือคิดแค้นใครทั้งนั้น”
ยกเว้นฉินซื่อเสวีย ยัยผู้หญิงน่าตายซักร้อยครั้งพันครั้งนั่น!
กับไอ้ผู้ชายนิสัยหมาอย่างโม่เยว่นี่อีกคน!
นางพูดปลอบโยนเบา ๆ “สถานการณ์ของเจ้าเดิมทีก็ลำบากอยู่แล้ว”
“เมื่อตอนนั้นเจ้าไม่ได้พูดแทนข้า ข้าย่อมไม่โทษเจ้า ในเมื่อเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเป็นพี่น้องสะใภ้กัน ข้าจึงไม่อาจนิ่งดูดายเป็นธรรมดา”
หยุนหว่านหนิงตบ ๆ ที่หลังมือของโม่โยวโยวเบา ๆ “นอกจากนี้แล้ว ครั้งนี้ข้อเรียกร้องของทางซีจวิ้น ก็ออกจะรังแกกันมากจนเกินไปจริง ๆ ”
“ไม่ว่าจะเป็นเจ้า หรือว่าเฟยเฟย ขอแค่ยังมีข้าอยู่ ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกพวกเจ้าแบบนี้แน่!”
โม่โยวโยวอยู่ในวัง เดิมทีนางก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอยู่แล้ว
ด้วยความที่ท่านแม่ของนางจากไปเร็ว โม่จงหรานก็ไม่เอ็นดู ฮองเฮาจ้าวก็ไม่รักใคร่
แค่นางสามารถปกป้องตัวเองได้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะยืนหยัดเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งยังจะก้าวขึ้นมาปกป้องหยุนหว่านหนิงอีก?
ดังนั้น หยุนหว่านหนิงจึงไม่โทษนาง
โม่โยวโยวรู้สึกซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น หลังจากสะอื้นอยู่นานจนเริ่มดีขึ้น ก็พูดว่า “หนิงเอ๋อร์ บุญคุณของเจ้าครั้งนี้ ข้าจะขอจดจำไว้ในใจตลอดไป”
“วันหลังถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรจากข้า ขอแค่เจ้าบอกมา ข้าจะขอทุ่มเทจนสุดความสามารถเพื่อช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”
แค่นางมีเจตจำนงเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกชื่นใจมากแล้ว
นางพยักหน้าตอบรับ “ได้เลย พี่หญิงห้า”
เพิ่งจะพูดจบ ที่ด้านนอกก็มีเสียงของหนานกงเยว่ดังแว่วมา “หนิงเอ๋อร์”
เมื่อเห็นว่าโม่โยวโยวก็อยู่ด้วย นางก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
จวนอ๋องหมิงในตอนนี้ หยุนหว่านหนิงในตอนนี้….. ดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับดินแล้วจริง ๆ
จวนอ๋องหมิงในอดีต ไม่มีใครคิดอยากจะเหยียบย่างเข้าไปแม้เพียงครึ่งก้าว
หยุนหว่านหนิงในอดีต ไม่มีใครสนใจไต่ถามทุกข์สุข
แต่วันนี้ มีคนตบเท้าเข้าออกจวนอ๋องหมิงกันให้ขวักไขว่ไม่ขาดสาย ก่อนหน้านี้ ก็เป็นโจวหยิงหยิงที่เห็นหน้ากระดำกระด่างของหยุนหว่านหนิงแล้วรู้สึกขัดนัยน์ตา ต่อมาก็เป็นคนที่ไม่เคยออกจากตำหนักตัวเองไปไหนอย่างโม่โยวโยว…..
ดูเหมือนว่าตอนนี้ หยุนหว่านหนิงจะพลิกเนื้อพลิกตัวกลับขึ้นมาได้แล้วจริง ๆ!
หนานกงเยว่เก็บซ่อนความประหลาดใจในดวงตาลงไปอย่างรวดเร็ว ฟื้นคืนสติกลับมาได้ในเวลาเพียงไม่นาน
นางยิ้มเต็มใบหน้า จูงมือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเข้าไปพร้อมกัน “เหมือนว่าข้าจะมาได้เวลาไม่ค่อยเหมาะเอาเสียเลย โยวโยวก็อยู่ที่นี่ด้วย”
“พี่สะใภ้ใหญ่”
โม่โยวโยวยืนขึ้น ค้อมกายคำนับเป็นการทักทายหนานกงเยว่
เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงพลันรู้สึกอึดอัดขัดใจอย่างมาก
ในวังหลวง คนที่สถานะไม่สูง ไม่เป็นที่โปรดปราน ตัวตนของเขาเหล่านั้นก็จะเป็นได้แค่สิ่งมีชีวิตที่ถูกคนอื่นเหยียบย่ำ ต้องจมปลักอยู่ในโคลนตมเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นพระสนมนางใน ต่างก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด
หากมารดาผู้ให้กำเนิดของโม่โยวโยวมีสถานะสูง เป็นที่โปรดปราน นางก็จะพอมีที่ยืนในใจของโม่จงหรานอยู่บ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกองค์ชายองค์หญิงที่เหลือก็จะไม่กล้าทำอะไรนาง
เช่นเดียวกับโม่หุยเฟิง หรือไม่ก็เหมือนกับโม่เฟยเฟย
ส่วนโม่โยวโยวน่ะรึ เห็นได้ชัดมาก ว่านางคือคนที่อยู่ในลำดับล่างสุด
ในวันปกติต้องปิดประตูเก็บตัวอยู่แต่ในตำหนัก เมื่อไหร่ที่ได้เจอพวกหนานกงเยว่ ก็จะต้องน้อมทักทายด้วยความเคารพ
ท่าทางที่ต้องระมัดระวังไปหมดทุกย่างก้าวนั่น หยุนหว่านหนิงเห็นแล้วในใจได้แต่รู้สึกสงสาร
นางไม่ได้ลุกขึ้นยืน แค่มองไปที่ของขวัญที่คนรับใช้ถืออยู่ด้านหลังของหนานกงเยว่ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้มาเยี่ยมทั้งที ยังเอาของขวัญอะไรมามากมาย? หนูน้อยคนนี้หน้าตาน่ารักดีจริง ๆ คงจะเป็นหยุนเอ๋อร์สินะ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
หนานกงเยว่พยักหน้าตอบรับน้อย ๆ ไปทางโม่โยวโยว
เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนหว่านหนิง ก็ผลักโม่จือหยุนเข้าไปเบา ๆ “หยุนเอ๋อร์ รีบไปน้อมทักทายเสด็จน้าสะใภ้เจ็ดของเจ้าเร็วเข้า”
แม้ว่าโม่จือหยุนจะอายุได้ห้าขวบแล้ว แต่ก็แทบจะไม่ค่อยได้ออกจากจวนไปไหนเลย
บวกกับเดิมทีโม่หุยเหยียนก็เป็นคนที่มีนิสัยขี้ขลาด นางจึงได้เรียนรู้มาในแบบที่เรียกว่า เคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลยก็ว่าได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าโม่จงหราน ก็จะเอาแต่ก้มหน้ารับปากอย่างเดียว ไม่กล้าพูดจาเสียงดัง
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ค่อยเป็นที่โปรดปรานของโม่จงหรานนัก
พอตอนนี้ได้เห็นหยุนหว่านหนิง นางก็ทำท่าเหมือนอยากจะถอยไปอยู่ข้าง ๆ หนานกงเยว่โดยไม่รู้ตัว แต่หนานกงเยว่ก็ผลักนางอีกครั้ง นางจึงทำได้แค่ต้องเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง “เสด็จน้าสะใภ้เจ็ด”
เสียงของนางแผ่วเบาราวกับเสียงยุงบิน ถ้าหยุนหว่านหนิงไม่ตั้งใจฟังให้ดี ก็คงจะไม่ได้ยินไปแล้ว!
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี หยุนเอ๋อร์โตขนาดนี้แล้วหรือนี่!”
หยุนหว่านหนิงยิ้มพลางยื่นมือออกไปจับมือนาง “ยังจำได้ว่าเมื่อตอนนั้นที่ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องหมิง พี่สะใภ้ใหญ่ยังอุ้มท้องอยู่เลย”
“ใช่แล้วล่ะ หนิงเอ๋อร์ช่างมีความทรงจำที่ดีเสียจริง!”
หนานกงเยว่ยิ้มแย้มพลางนั่งลง
แต่ยังไม่ทันที่หยุนหว่านหนิงจะจับถูกมือของโม่จือหยุน นางก็ตกใจจนรีบชักมือกลับไปทันที
ท่าทางขี้ขลาดนั่น ช่างเหมือนกับโม่หุยเหยียนทุกประการจริง ๆ!
ดวงตาของหนานกงเยว่พลันมืดทะมึนจมดิ่ง แต่จะโกรธในที่สาธารณะก็ไม่เหมาะ จึงทำได้แค่ต้องดึงโม่จือหยุนกลับมาข้างกาย
นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามด้วยท่าทางสบาย ๆ ดูเป็นกันเองว่า “หนิงเอ๋อร์ แล้วลูกชายบุญธรรมของเจ้าล่ะ?”
ด้วยประโยคนี้แค่ประโยคเดียว หยุนหว่านหนิงก็เดาเจตนาของหนานกงเยว่ที่มาเยี่ยมเยือนในวันนี้ออกแล้ว……