อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 347 ดราม่าควีนตัวแม่หยุนหว่านหนิง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 347 ดราม่าควีนตัวแม่หยุนหว่านหนิง
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนหว่านหนิงในเวลานี้ ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างน่าขนลุกอยู่ไม่น้อย
นางค้อมตัว โน้มเข้าไปจนใกล้ฮองเฮาจ้าว “เสด็จแม่ ตอนนี้ในตำหนักไม่มีใครอยู่ ท่านว่าต่อให้ข้าแทงท่านด้วยเข็ม ข้างนอกก็คงจะไม่มีใครรู้หรอกใช่หรือไม่? ”
เพิ่งจะพูดจบ เข็มเงินในมือของนางก็ทิ้งดิ่ง
ทะลุผ่านผ้าห่ม แทงเข้าที่ต้นขาของฮองเฮาจ้าว
นางเจ็บจนต้องเหยียดตัวนั่งให้ตรง อยากแผดเสียงร้องตะโกน แต่จนใจที่ไม่อาจส่งเสียงออกมาได้แม้แต่น้อยนิด
นางทำได้เพียงจ้องมองหยุนหว่านหนิงด้วยสายตาดุดัน แววตานั้นเหมือนอยากจะแผดเผานางให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน!
“ทำไมเสด็จแม่ถึงจ้องมองข้าเช่นนี้ล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงเก็บเข็มเงินกลับคืนไป ทำสีหน้าไร้เดียงสา “หม่อมฉันลองตรวจสอบดู พบว่าคอของท่านเสียหายจนแก้ไขไม่ได้แล้ว! ทั้งไม่รู้ด้วยว่ามีสาเหตุมาจากอะไร”
“เลยคิดว่าจะลองทดสอบกับร่างกายส่วนอื่นดู ว่ายังมีความรู้สึกอยู่หรือไม่”
เมื่อเห็นว่าฮองเฮาจ้าวเจ็บจนเหงื่อแตกเต็มหน้า นางก็ยกยิ้มน้อย ๆ “เห็นได้ชัดว่าเสด็จแม่ยังมีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่”
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนกัดริมฝีปากแน่น สั่นเทิ้มไปทั้งตัว!
ช่างบังอาจนัก! นังผู้หญิงชั้นต่ำนี่ช่างโอหังบังอาจไม่กลัวฟ้ากลัวดินสิ้นดี!
“เสด็จแม่ ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อจะมาเตือนท่านเรื่องหนึ่ง ว่าถ้าท่านยังไม่ส่งเงินหนึ่งแสนตำลึงนั่นไปที่จวนอ๋องหมิงอีกล่ะก็ ดอกเบี้ยมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้วนะ!”
นางแยกนิ้วมือออกจากกันเพื่อแสดงจำนวน “เก็บดอกเบี้ยท่านสองหมื่นตำลึง ไม่มากเกินไปสินะ?” “ หนึ่งแสนตำลึง บวกอีกสองหมื่นตำลึง รวมเป็นหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึง ”
“ถ้าวันนี้เสด็จแม่ยังไม่สั่งให้คนนำเงินมาส่ง พรุ่งนี้ข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแสนตำลึง…..”
นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการปล้นเสียอีก!
อาจเพราะอยากจะยั่วโมโหฮองเฮาจ้าวที่ตอนนี้ไม่สามารถพูดได้ หยุนหว่านหนิงจึงเริ่มพูดเป็นต่อยหอย พูดพล่ามไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด
“เสด็จแม่ต้องนอนอยู่บนเตียงตามลำพังแบบนี้ คิดว่าคงจะเหงามากแน่ ๆ เลยใช่หรือไม่? แม้ว่าหม่อมฉันจะมีงานยุ่ง ๆ อยู่ไม่น้อย แต่ก็ยินดีที่จะแบ่งเวลามาคอยพูดคุยเป็นเพื่อนเสด็จแม่นะเพคะ”
ฮองเฮาจ้าวโกรธสุดขีด!
นางแค่อยากให้นางไสหัวไปให้พ้น ๆ ซะ!
ใครอยากให้นางอยู่เป็นเพื่อนคุยไม่ทราบ!
“เสด็จแม่ ข้าขอสัมภาษณ์ท่านหน่อยได้หรือไม่?”
หยุนหว่านหนิงถามด้วยรอยยิ้ม “ในบรรดาท่านอ๋องทั้งหลาย มีเพียงอ๋องสามเท่านั้นที่แต่งพระชายารอง ในฐานะแม่สามีท่านรู้สึกอย่างไรบ้างรึ? ตอนนี้บรรดาลูกสะใภ้ของท่าน รวมถึงพระชายารองหยุนล้วนอยู่ข้างนอกกันอย่างพร้อมหน้าเชียวนะ”
“หรืออยากให้พวกนางเข้ามาคุยเป็นเพื่อนท่านมากกว่า?”
นางช่างเป็นเหมือนนกกระจอกตัวหนึ่ง ที่เอาแต่ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วน่ารำคาญเป็นที่สุด
ส่งเสียงดังเอะอะจนทำให้ฮองเฮาจ้าวปวดสมองไปหมด!
นางทนจนสุดจะกลั้นแล้วจริง ๆ!
นางคว้าหมอนหยกที่อยู่ข้างหลัง แล้วขว้างออกไปกระแทกเข้ากับประตูอย่างแรง!
เมื่อได้ยินเสียงดัง จางหมัวมัวก็รีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบ
เมื่อเห็นสีหน้าของฮองเฮาจ้าวที่โกรธจัดจนเป็นสีม่วงคล้ำ ส่วนหยุนหว่านหนิงยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าไร้เดียงสา….. นางก็คิดกับตัวเองในใจว่าอาจเป็นเพราะเหนียงเหนียงของนาง ยังทนรับเรื่องที่ตัวเองเสียงหายไม่ได้กระมัง?
ดังนั้น จางหมัวมัวจึงปิดประตูตำหนักอย่างระมัดระวัง แล้วออกไปอีกครั้ง
ฮองเฮาจ้าวทนไม่ไหวอีกต่อไป!
นางออกแรงผลักหยุนหว่านหนิงออกไป ทำท่าจะลงจากเตียง
จิตวิญญาณของดราม่าควีนเข้าสิงหยุนหว่านหนิงทันที นางทรุดลงไปนั่งกับพื้นพลางส่งเสียงร้องไห้ “โฮ ๆ ๆ ” ขึ้นมาดังลั่น
เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในตำหนัก โม่จงหรานก็พุ่งเข้ามาก่อนเป็นคนแรก
ยอดเยี่ยมซะไม่มี!
มีหมอนหยกตกอยู่หน้าประตู หยุนหว่านหนิงนั่งอยู่บนพื้น ส่วนฮองเฮาจ้าวก็กำลังโกรธจัด…..
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
เขาถามเสียงเครียด
หยุนหว่านหนิงวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปหยุดที่เท้าของโม่จงหราน เริ่มกอดขาของเขาพลางร้องห่มร้องไห้อย่างขมขื่น “เสด็จพ่อ! ท่านโปรดอย่าได้ตำหนิเสด็จแม่เลยนะเพคะ! เสด็จแม่ไม่ได้มีเจตนาจะผลักหม่อมฉันจนล้มหรอก!”
“หม่อมฉันไม่โกรธเสด็จแม่หรอกเพคะ!”
ฮองเฮาจ้าว: “…..”
ช่างเป็นผู้หญิงที่หน้าด้านไร้ยางอายสิ้นดี!
โม่จงหราน: “…..”
การแสดงนี้ ออกจะเกินไปหน่อยนะ
เขากระแอมในลำคอ “หว่านหนิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เสด็จพ่อ เมื่อครู่นี้เสด็จแม่สูญเสียการควบคุมอารมณ์ เกือบจะบีบคอหมอหลวงหยางจนตายแล้วเพคะ! หม่อมฉันทนเห็นเสด็จแม่ทุกข์ใจจากเรื่องที่เสียงหายไม่ได้ จึงมีเจตนาดีคิดจะปลอบใจนาง”
หมอหลวงหยางที่อยู่ด้านหลังโม่จงหราน พยักหน้ารับไม่หยุด
มีรอยสีแดงรอบคอของเขา เป็นหลักฐานว่าเมื่อครู่เขาถูกฮองเฮาจ้าวบีบคอจริง ๆ
“ใครจะรู้ว่าเสด็จแม่ไม่ยอมรับน้ำใจ ทั้งยังลงมือทำร้ายหม่อมฉันด้วย!”
หยุนหว่านหนิงมือสั่น ยกผ้าเช็ดหน้าที่ไม่รู้ว่าล้วงออกมาจากที่ไหน ปิดหน้าแล้วร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม “หม่อมฉันน้อยใจเหลือเกินแล้วเพคะ เสด็จพ่อ!”
“แต่หม่อมฉันก็เข้าใจอารมณ์ของฮองเฮาในตอนนี้ดีเพคะ”
“จู่ ๆ นางก็เสียงหายไปอย่างกะทันหัน จะทนรับไม่ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา! หม่อมฉันไม่โทษเสด็จแม่ ขอแค่เสด็จแม่สบายใจ หม่อมฉันยินดีเป็นกระสอบทรายให้นางเพคะ!”
ฮองเฮาจ้าวโกรธมากจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แข้งขาอ่อนหูตาลายจนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
นังผู้หญิงชั้นต่ำ!
ความสามารถในเรื่องแสร้งทำเป็นมารยาสาไถย ยิ่งนับวันก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสินะ!
คิดจะปลอบใจนาง?
นางแทบจะอดไม่ไหว อยากทำให้นางโกรธตายมากกว่าล่ะไม่ว่า? !
ฮองเฮาจ้าวคิดอยากจะบอกโม่จงหรานมาก ๆ ว่าเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ก็จนใจที่นางพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย!
หลังจากคิดไปคิดมา ฮองเฮาจ้าวก็ตัดสินใจถอดชุดนอนออก เพื่อให้โม่จงหรานดูให้เต็มตาว่าที่ต้นขาของนาง ถูกเข็มของนังผู้หญิงน่าตายหยุนหว่านหนิงนั่นปักอยู่เล่มหนึ่ง!
แต่ในเวลานี้ พวกหมอหลวงหยางต่างก็อยู่กันโดยพร้อมหน้า
เมื่อเห็นว่าฮองเฮาจ้าวไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ถลกกระโปรงขึ้น…..
พวกหมอหลวงหยาง ต่างก็รีบแยกย้ายกันหนีไปอย่างรวดเร็ว
โม่จงหรานไม่พอใจอย่างยิ่ง “ฮองเฮา นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
“ภายใต้สายตาของพสกนิกรทั่วหล้า เจ้าต้องสงวนท่าทีของผู้ที่มีฐานะเป็นถึงฮองเฮาไว้เสมอ! ข้าไม่ตกหลุมพรางนี้ของเจ้าแน่! ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!”
เขาโบกมือ ถือเป็นการปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูแสนจะมีเหตุผล เต็มไปด้วยความสัตย์ของเขา ฮองเฮาจ้าวก็เข้าใจถึงความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ชั่วขณะนั้นทั้งหน้าทั้งคอก็แดงเถือกด้วยความอับอายทันที
แต่มีแค่เข็มนั่นเท่านั้น ที่สามารถใช้เป็นคำอธิบายได้ดีที่สุด
ฮองเฮาจ้าวไม่สนแล้วว่าโม่จงหรานจะรังเกียจขนาดไหน ยืนยันที่จะเผยต้นขาของตัวเองออกมา นางพยายามควานหาเข็มบนขาอย่างเต็มที่ แต่ควานหาอยู่นานก็ไม่เจอสักที ในขณะที่สีหน้าของโม่จงหรานเริ่มดูน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว….
นางรีบเปิดลิ้นชัก หยิบตะกร้าเก็บเข็มกับด้ายในนั้นออกมา
ฮองเฮาจ้าวหยิบเข็มเย็บผ้าขึ้นมา ไปที่หยุนหว่านหนิง
นางมองไปที่โม่จงหราน แสดงท่าทางทั้งร้อนใจทั้งน้อยใจ
โม่จงหรานไม่เข้าใจ “เจ้าจะให้หว่านหนิงช่วยเจ้าเย็บผ้า?”
หยุนหว่านหนิงส่งเสียงสะอื้นฮัก “เสด็จพ่อ หม่อมฉันอยู่ในจวนกั๋วกงตั้งแต่ยังเด็ก สิบนิ้วไม่เคยต้องหยิบจับงานอะไรเลย งานหยาบเช่นการตัดเย็บผ้า หม่อมฉันทำไม่เป็นหรอกเพคะ ”
ในใจของฮองเฮาจ้าวรู้สึกอึดอัดแทบคลั่ง
นางส่ายหน้า สีหน้าเริ่มปั่นป่วนร้อนรน นางแสดงท่าทางนั้นซ้ำอีกครั้ง
โม่จงหรานยังคงไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร
หรือบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
เขาขมวดคิ้ว “เจ้าให้หว่านหนิงฝังเข็มให้?”
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ “เสด็จแม่ต่อต้านหม่อมฉันมาก หม่อมฉันจึงไม่กล้าฝังเข็มให้เสด็จแม่! เพราะเกรงว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมา เสด็จแม่อาจจะตำหนิหม่อมฉันอีกเพคะ”
สองคนพ่อผัวลูกสะใภ้เข้าขากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย พวกเขาคนหนึ่งร้องนำอีกคนร้องรับ ทำงานประสานกันเป็นอย่างดี มีแต่ความราบรื่นไร้รอยสะดุด
ฮองเฮาจ้าวทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ยังสูดลมหายใจเข้าปอดได้ไม่เต็มเฮือก ก็หงายหลังเป็นลมล้มลงไปอีกครั้ง
“หว่านหนิง ข้ารู้แล้วว่าเจ้าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ! ลุกขึ้นมาเถอะ!”
โม่จงหรานส่งสัญญาณให้หยุนหว่านหนิงว่าลุกขึ้นได้แล้ว
ตอนนี้เองหยุนหว่านหนิงค่อยลุกขึ้น ในขณะที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
หนานกงเยว่มองนางด้วยแววตาซับซ้อน แววตาของฉินซื่อเสวียเคียดแค้นขุ่นเคือง โจวหยิงหยิงมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าหยุนหว่านหนิงย่อมเดินไปหยุดข้างกายโจวหยิงหยิง แล้วตอบโม่จงหรานกลับไปว่า “เสด็จพ่อ สถานการณ์ของเสด็จแม่ หม่อมฉันตรวจดูแล้วก็รู้สึกว่าแปลกมากเช่นกันเพคะ”
“หม่อมฉันจะทิ้งยาไว้ ให้หมอหลวงหยางมาต้มยาให้เสด็จแม่ดื่มทุกวัน”
นางพูดต่อ “ในช่วงสามเดือนนี้ เสด็จแม่จะไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ รอพักฟื้นอาการจนครบสามเดือนแล้ว ค่อยดูสถานการณ์กันใหม่”
ไม่พูดอะไรเป็นเวลาสามเดือน สามเดือนหลังจากนี้ไป ต่อให้เส้นเสียงของฮองเฮาจ้าวจะหายดีแล้ว ก็เกรงว่านางอาจพูดอะไรออกมาไม่ได้อีก!
ยิ่งไปกว่านั้น โม่จงหรานก็ไม่อยากให้นางพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้หยุนหว่านหนิงจึงทำได้แค่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เท่านั้น คือไม่ปล่อยให้ฮองเฮาจ้าวได้มีโอกาสพูด!
นางรู้ว่า เหตุผลที่อยู่ดี ๆ โม่จงหรานก็ลงมือกับฮองเฮาจ้าวแบบนี้ จะต้องทำไปเพื่อปกป้องหยวนเป่าอย่างแน่นอน!
โม่หุยเหยียนค้นพบการมีอยู่ของหยวนเป่า ทั้งยังจงใจมาหยั่งเชิง…..
ดังนั้น เขาจะต้องบอกเรื่องนี้ให้ฮองเฮาจ้าวได้รู้ด้วยอย่างแน่นอน
เพื่อปกป้องลูกชายแล้ว หยุนหว่านหนิงยอมทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ!
นางปรายตามองฮองเฮาจ้าวที่ยังคงนอนหมดสติอยู่บนพื้น ในดวงตาปรากฎประกายแสงเย็นเยียบสายหนึ่งวาบผ่าน