อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 355 คนคลั่งรักเมีย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 355 คนคลั่งรักเมีย
เสียงนี้เย็นยะเยือกอย่างมาก ราวกับดังมาจากปรโลก
ทุกคนหันมองไปทางเสียง แยกออกจากกันเป็นทางโดยอัตโนมัติ
เห็นเพียงโม่เยว่เดินเข้ามาอย่างไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึก
เขาเอามือไพล่หลัง แววตาเย็นยะเยือกเหลือทน หลังจากการเดินผ่านของเขา ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังเมื่อมองไปทางเขา สายตาค่อยๆเปลี่ยนจากความเคารพ เกรงกลัว กลายเป็นความประหลาดใจ
เห็นโม่เยว่กลับมาแล้ว น้ำตาของหยุนหว่านหนิงก็ไหลลงมาทันที
สายตาของฉินซื่อเสวียจ้องมองเงาร่างเรียวยาวนี้อย่างเหม่อลอย ลืมจุดประสงค์ที่นางมาที่จวนอ๋องหมิงไปชั่วขณะหนึ่ง
“เช็ดน้ำลายมุมปากของเจ้าหน่อยเถอะ”
หยุนหว่านหนิงใช้ผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมปิดปากเอาไว้ กล่าวกระซิบต่อฉินซื่อเสวีย น้ำเสียงล้อเลียนเยาะเย้ย
ฉินซื่อเสวียได้สติกลับมาทันที
นางเช็ดปากโดยสัญชาตญาณ แต่กลับพบว่ามุมปากไม่มีน้ำลายอะไร……นางหันกลับไปจ้องมองหยุนหว่านหนิงด้วยความดุดัน “ข้ารู้อยู่แล้วว่า เจ้าต้องเสแสร้งแน่นอน!”
“หยุนหว่านหนิง ในอดีตข้าไม่รู้เลยว่า ทักษะการแสดงของเจ้าจะดีขนาดนี้!”
“ขอบคุณมากสำหรับคำชม”
หยุนหว่านหนิงเกี่ยวริมฝีปาก
เพียงแต่ว่าผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมปิดปากเอาไว้ สายตายังคงน้อยใจเช่นเดิม ทุกคนมองไม่เห็นรอยยิ้มของนาง
รู้สึกเพียงว่าท่าทางของพระชายาหมิงในตอนนี้ บอบบางน่าสงสาร
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นผู้ชายของตัวเองแล้ว……
“ท่านอ๋อง!”
หยุนหว่านหนิงโผเข้าไปในอ้อมแขนของโม่เยว่ด้วยความน้อยใจ สะอึกสะอื้นเสียงเบา “ท่านกลับมาได้ซะที! หากช้าไปกว่านี้อีกก้าว พระชายาสามก็จะพังจวนอ๋องหมิงของเราแล้ว!”
ฉินซื่อเสวีย: “……ข้าเคยพูดเช่นนี้เมื่อไหร่กัน? !”
“อ๋องหมิง ข้าเปล่านะ!”
นางอธิบายอย่างร้อนใจ
โม่เยว่ไม่แม้แต่จะมองดูนางด้วยซ้ำ ก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง “นางกล้าหรือ? !”
เขาโอบกอดหยุนหว่านหนิงเอาไว้เบาๆ แล้วปลอบประโลมด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน”
ท่าทีที่มีต่อหยุนหว่านหนิงและฉินซื่อเสวีย แตกต่างกันราวฟ้ากับดินชัดๆ!
โม่เยว่รู้จักนิสัยของหยุนหว่านหนิงดี
หากต้องการจะจัดการฉินซื่อเสวีย เกรงว่านางคงมีวิธีไม่ต่ำกว่าร้อยวิธี……แต่ในเมื่อตอนนี้นางเลือกใช้วิธีแบบนี้ เขาย่อมต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว
เขาปลอบประโลมหยุนหว่านหนิงอย่างนุ่มนวล เอามือที่ไพล่หลังเอาไว้ออกมา
เห็นเพียงสิ่งที่ถืออยู่ในมือ คือดอกกุหลาบหนึ่งดอก!
วิธีการแสดงความรักแบบนี้ ถึงแม้จะเชยไปหน่อย……
แต่เห็นได้ชัดว่าหยุนหว่านหนิงชอบวิธีนี้มาก!
นางหยุดร้องไห้แล้วยิ้มขึ้นมา รับดอกกุหลาบมาดวงตาทั้งคู่ก็ยังแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “เอ๋? ฤดูกาลนี้ไปหาดอกกุหลาบมาจากที่ไหน?”
กลิ่นหอมของดอกกุหลาบโชยมาปะทะจมูก บนกลีบดอกไม้ยังพร่างพรายไปด้วยน้ำค้าง
แสดงให้เห็นว่าเพิ่งจะเด็ดมาสดๆ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไปเด็ดมาจากไหน
“ชอบไหม?”
เห็นนางยิ้มออกมา โม่เยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างไม่แสดงออก
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างแรง ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งสายตาที่มองไปทางเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ชอบ!”
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน เห็นเพียงนางซบหน้าเข้าไปในอ้อมแขนของโม่เยว่ด้วยความเขินอาย อ๋องหมิงผู้ซึ่งเย็นชาราวกับพญายมในเวลาปกติท่านนี้ เวลานี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ปกป้องนางไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล
คนคลั่งรักเมียจริงๆ!
ภาพนี้ บาดตาบาดใจของฉินซื่อเสวีย
โม่เยว่ปลอบประโลมหยุนหว่านหนิงเรียบร้อยแล้ว ถึงได้หันหน้ามองไปทางฉินซื่อเสวีย “พระชายาสาม”
“พี่สามเพิ่งจะจากไป ท่านก็มาหาเรื่องที่จวนอ๋องหมิงแล้ว หรือว่าต้องการฉวยโอกาสตอนที่พี่สามไม่อยู่ ตัดขาดความสัมพันธ์ของจวนอ๋องสามและจวนอ๋องหมิงไปอย่างสิ้นเชิง?”
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกในหนึ่งวินาที “หรือว่าจะใช้เป็นข้ออ้าง ยุยงความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของข้ากับพี่สาม?”
“ไม่ใช่ ข้าเปล่านะ!”
สบตาเข้ากับสายตาที่เย็นยะเยือกของเขา ในใจของฉินซื่อเสวียหวาดกลัวขึ้นมา
นางถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาณ
“เช่นนั้นท่านก็อาศัยตอนที่ข้าไม่อยู่ จงใจรังแกพระชายาของข้า? ท่านอาศัยว่าเป็นพี่สะใภ้สาม ผู้ใหญ่รังแกเด็ก?”
“ข้าเปล่านะ ข้าเพียงแต่ เพียงแต่……”
ถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้อย่างไม่ละสายตา ฉินซื่อเสวียรู้สึกเพียงว่าเลือดในร่างกายดูเหมือนจะแข็งตัวไปจนหมด ไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้
นางถอยหลังอยู่ตลอด กลับลืมไปว่าด้านหลังมีบันไดอยู่
เท้าเหยียบไปบนความว่างเปล่า คนทั้งคนกลิ้งลงไปจากบันได ราวกับลูกตะกร้อ
ทุกคนถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว มองดูฉินซื่อเสวียนอนเจ็บปวดอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีใครเข้าไปประคอง
สุดท้ายก็เป็นหยุนหว่านหนิงที่ทนนิ่งเฉยไม่ได้ สั่งการต่อหรูเยียน “พระชายาสามล้มลงไปต้องเจ็บมากแน่ ประคองนางขึ้นมาเถอะ!”
ทุกคนอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้: พระชายาหมิงช่างงดงามจิตใจดีจริงๆ!
ฉินซื่อเสวียล้มลงไปจนกระดูกข้อเท้าหัก
หยุนหว่านหนิงอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของโม่เยว่ มองดูใบหน้าที่ย่นกันเป็นก้อนของนาง สั่งให้หรูเยียนส่งนางกลับไปด้วยความหวังดี “นอกจากนี้ก็เชิญหมอหลวงหยางไปดูหน่อย”
“เจ้าค่ะ พระชายา”
หรูเยียนคว้าตัวฉินซื่อเสวียขึ้นมาก็จากไปเลย
ท่าทางนั่น เหมือนคุ้มครองฉินซื่อเสวียกลับไปที่ไหน?
เหมือนการคุ้มกันนักโทษไปลานประหารชัดๆ!
ชั่วขณะหนึ่ง ชาวบ้านต่างก็พากันชื่นชมหยุนหว่านหนิง ขณะเดียวกันก็ดูถูกเหยียดหยามฉินซื่อเสวียอย่างแรง
ประตูใหญ่จวนอ๋องปิดลง โม่เยว่โอบเอวของหยุนหว่านหนิงเข้าไปในจวนอ๋อง
เดิมทีหรูอวี้ไม่อยากจะตามเข้าไปอย่างไม่รู้สถานการณ์ แต่เพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกดีๆให้กับนายท่านของตนเอง เขาทำใจกล้าตามเข้าไป “พระชายา ท่านไม่รู้อะไร!”
“วันนี้นายท่านไปยังสถานที่ที่ไกลมากๆ ถึงเด็ดดอกไม้สดดอกนี้มาให้ท่านได้……”
“พูดมาก!”
โม่เยว่ดุไปคำหนึ่ง หรูอวี้ถอยออกไปแต่โดยดี
แต่เขาติดตามนายท่านของตัวเองนานขนาดนี้แล้ว จะไม่รู้จักนิสัยของนายท่านได้อย่างไร?
หากไม่อยากให้พระชายารู้จริงๆ เกรงว่าคงไม่รอให้เขาเอ่ยปากอธิบาย โม่เยว่ก็หยุดเขาแล้ว
แต่ดันรอจนเขาพูดเกือบจะจบ ถึงได้ทำหน้าบึ้งตึงดุเขาว่า “พูดมาก”
แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้นายท่านของตนเองก็กลายเป็น “คนตอแหล” แล้วเช่นกัน!
หรูอวี้ถอยกลับไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
โม่เยว่มองดูหยุนหว่านหนิงอย่างรักใคร่ลึกซึ้ง “หนิงเอ๋อร์ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ข้าจะจัดหามาให้เจ้าแน่นอน”
คุ้นชินกับท่าทางที่ไม่ก็เย็นชา ไม่ก็โหดเหี้ยม ไม่ก็เลวร้ายของเขา
การแสดงความรักใคร่อย่างลึกซึ้งกะทันหัน หยุนหว่านหนิงไม่คุ้นเคยจริงๆ!
ภายใต้สายตารักใคร่อย่างลึกซึ้งของเขา หยุนหว่านหนิงรู้สึกอึดอัดไปหมด แค่อยากจะหลบหนีไปทันที
“ท่านเล่ามาก่อนดีกว่า ทำไมจู่ๆท่านถึงลงมือกับโม่หุยเฟิงกะทันหัน”
หยุนหว่านหนิงกระแอมไอเบาๆ สายตาหลบเลี่ยงไม่สบตากับเขา “ดีร้ายก็เป็นพี่สามของท่าน ตอนนี้เขาก็อนาถมากพอแล้ว เหตุใดท่านยังจะเหยียบเขาซ้ำอีก?”
นางไม่ได้เป็นแม่พระ เพียงแค่อยากรู้จุดประสงค์ที่โม่เยว่ทำเช่นนี้
เพราะเหตุใด?
โม่เยว่กล่าวโดยไม่ต้องคิด “เพื่อเจ้า”
“ข้า?”
หยุนหว่านหนิงประหลาดใจ “แต่โม่หุยเฟิงไม่ได้ยั่วโมโหข้านี่นา!”
“เมียของเขายั่วโมโหเจ้า”
แววตาของโม่เยว่ชัดเจน แวบเดียวก็สามารถมองเห็นก้นบึ้งในดวงตาของเขา เห็นใบหน้าประหลาดใจของนาง หยุนหว่านหนิงเก็บสายตากลับมา “ดังนั้นเพราะเรื่องของข้ากับฉินซื่อเสวีย ก็เลยจัดการโม่หุยเฟิง?”
โม่เยว่พยักหน้า
เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ไม่ไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งลำบากใจหรอก
เช่นนั้นก็ทำให้ผู้ชายของผู้หญิงคนนั้นลำบากใจแล้วกัน!
โม่เยว่ทำท่าทางเหตุผลย่อมเป็นเช่นนั้น “สิ่งที่ฉินซื่อเสวียกระทำต่อเจ้า เจ้าโกรธเคืองที่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยมาตลอดไม่ใช่หรือ?”
“จากนี้ไป ข้าก็จะให้เจ้าได้เห็นว่า ข้าไม่ได้อยู่เฉย”
ก่อนหน้านี้เขาระบายความโกรธให้หยุนหว่านหนิง ทำอะไรอยู่เบื้องหลังไม่น้อย ไม่ได้ยินดีที่จะพูดออกมาเท่านั้น
เพื่อไม่ให้หยุนหว่านหนิงคิดว่า เขากำลังร้องขอความดีความชอบ
แต่นับจากนี้ไป ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนจะให้นางรู้ให้หมด ว่าเขาใส่ใจนางมากแค่ไหน!
หยุนหว่านหนิงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะนางจริงๆ……
นางชะงักงันไปครู่หนึ่ง “แต่ให้โม่หุยเฟิงอยู่ในสายตาเราไม่ดีหรือ? ท่านปล่อยเขาออกจากเมืองหลวงไปเช่นนี้ กลัวแต่ว่าจะเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า!”
โม่หุยเฟิงมีความทะเยอทะยานอย่างมาก ไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหัวเพราะเรื่องเช่นนี้หรอก
ตอนนี้หยุนหว่านหนิงไม่รู้ว่า คำพูดประโยคนี้ของนางจะเป็น……คำทำนายลางร้ายที่กลายเป็นจริง!
ในวันที่โม่หุยเฟิงกลับมา จะเป็นวันที่โม่เยว่ได้รับบาดเจ็บสาหัส!