อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 362 ตัวอันตรายทั้งนั้น
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 362 ตัวอันตรายทั้งนั้น
นางไม่ต้องการชีวิตของฉินซื่อเสวีย?
ไหนเมื่อกี้ฉินเย่วหลิ่วยังบอก ที่นางต้องการคือชีวิตของฉินซื่อเสวียอย่างไรเล่า!
หยุนหว่านหนิงงงหนักกว่าเดิม
ฉินเย่วหลิ่วคนนี้ แปลกประหลาดมากกว่าทุกคนที่นางรู้จัก…อายุน้อยๆ กลับเหลี่ยมจัดขนาดนี้แล้ว จะดีจริงหรือ!
นางอดสงสัยไม่ได้ การร่วมมือกับฉินเย่วหลิ่วใช่การเลือกที่ถูกต้องแล้วหรือ
เพราะหากนางต้องการกำจัดฉินซื่อเสวีย ก็มีวิธีการถมเถไป
ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับคนอื่น
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วมุ่น ฉินเย่วหลิ่วก็หัวเราะเสียงเบา “ข้าต้องการชีวิตของพี่สาวข้าจริง แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ครั้งนี้”
“ข้าต้องการให้นางอยู่ไม่สู้ตาย ทรมานนางทำละน้อย ละลายความผยองของนางให้หมดสิ้น”
“ข้าต้องการหักปีกของนาง ทำลายความเชื่อมั่นของนางทั้งหมด ให้นางผิดหวัง สิ้นหวังทีละนิด ภาพนั้นต้องน่าสนุกแน่”
นางหัวเราะหึๆ หัวเราะได้เย็นชาน่ากลัว
หยุนหว่านหนิงหัวใจวูบ
ฉินเย่วหลิ่วคนนี้ ต่อกรยากอย่างที่คิด!
ฉินเย่วหลิ่วเก็บรอยยิ้ม “พระชายาหมิง พี่สาวข้าเป็นคนหยิ่งมากคนหนึ่ง แต่คนที่นางพึ่งพิงมากที่สุด ก็คือจื่อซูที่รับใช้นางมาหลายปี”
“ถ้าไม่มีจื่อซู พี่สาวข้าก็จะล้มไปกว่าครึ่ง”
หยุนหว่านหนิงพลันเข้าใจ “ฉะนั้นครั้งนี้คนที่เจ้าอยากกำจัดจริงๆ คือจื่อซู?”
…
ในเซินซิงซี ฝุ่นจับไปทั่ว เสียงร้องไห้ดังระงม เสียงแผดร้องดังเป็นระลอก
หรูเยียนประคองหยุนหว่านหนิง ปัดฝุ่นตรงหน้าเบาๆ “พระชายา ต่างบอกว่าที่นี่เต็มไปด้วยคาวเลือด ทำไมท่านต้องมาเองด้วยเจ้าคะ”
“มีอะไรก็ให้บ่าวไปทำก็ได้”
หยุนหว่านหนิงใช้ผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมปิดจมูก ไม่ตอบ
ใต้เท้าหวูของเซินซิงซีเห็นนางมาจึงรีบมาคารวะ และสั่งให้คนยกเก้าอี้
“ใต้เท้าหวูมิต้องลำบาก”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างเกรงใจ “ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพราะต้องการพบจื่อซูสักครั้ง”
“จื่อซู?”
เห็นชัดว่าใต้เท้าหวูไม่รู้ว่าจื่อซูคือใคร
หรูเยียนรีบอธิบาย “ก็คือจื่อซูข้างกายพระชายาสามอย่างไรเล่า! เห็นว่าวางแผนทำร้ายบุตรในครรภ์ของพระชายาฉู่ ก็เลยถูกส่งตัวมาที่เซินซิงซี”
“อ้อ!”
ใต้เท้าหวูพลันนึกขึ้นได้
เขายื่นมือชี้ไปทางซ้าย “คนนี้หรือ”
หยุนหว่านหนิงหันไปมอง เห็นจื่อซูสยายผม ถูกถอดชุดนอกออกแต่แรกแล้ว สวมเพียงชุดตัวในบางๆ เท่านั้น
รอยเฆี่ยนบนตัวคณานับ เลือดซึมชุดตัวในจนแดงนานแล้ว
มือทั้งสองยกอยู่เหนือศีรษะ ถูกมัดอยู่กับกางเขน สองขาก็ถูกเชือกมัดไว้ได้
ดูน่าสงสารทั้งน่าเวทนา
หยุนหว่านหนิงอึ้งในใจ สมกับที่เป็นเซินซิงซีที่คนได้ยินต้องขวัญหนีดีฝ่อ! ตอนเช้ายังเป็นคนดีๆ อยู่เลย ตกบ่ายก็ถูกทรมานจนไม่เหลือเนื้อส่วนดี ไม่เป็นผู้เป็นคนเสียแล้ว!
จื่อซูสลบไปแล้วชัดเจน
ใต้เท้าหวูออกคำสั่ง “สาดน้ำ พระชายาหมิงต้องการสอบปากคำ”
ครั้นสาดน้ำไปหนึ่งถัง จื่อซูก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา “ข้าถูกปรักปรำ! ข้าถูกปรักปรำ!”
“ปรักปรำ?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย็น “มีใครบ้างที่เข้าเซินซิงซีแล้วไม่บอกว่าตัวเองถูกปรักปรำ แต่ใครบ้างที่ไม่แบกรับหนี้เลือดชีวิตคน ”
เมื่อได้ยินเสียงนาง…
จื่อซูก็ได้สติอย่างสมบูรณ์!
นางมองหยุนหว่านหนิงตาค้าง มีความตะลึงอยู่ในดวงตา
เส้นผมนางสยาย ดังนั้นจึงได้แต่มองลอดระหว่างปอยผม
“พระ พระชายาหมิง…”
นางเรียกเสียงสั่นเครือ
แค่ครึ่งวัน แววตาและความสดใสในดวงตาจื่อซูก็หายไปหมดแล้ว สายตาของนางมัวหมองเหม่อลอย รีบวิงวอน “พระชายาหมิง บ่าวถูกปรักปรำจริงๆ เจ้าค่ะ”
“พระชายาหมิงได้โปรด โปรดช่วยบ่าวด้วยเถอะ”
ดูท่าวันนี้แม่นางท่านนี้จะถูกตีจนป่วยไปแล้ว
ถึงกับขอร้องนางด้วย!
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว “ทำไมไม่เห็นพระชายาบ้านเจ้ามาช่วยเจ้าล่ะ”
“อาจเป็นเพราะในใจนางไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งเรื่องที่เจ้าทำเพื่อพระชายาบ้านเจ้า ทั้งยังแค้นที่เจ้าก่อเรื่อง กลัวว่าจะทำนางเดือดร้อน ก็เลยทำเป็นไม่รู้ว่าเจ้าถูกจับตัวมาที่เซินซิงซีแล้วกระมัง”
จื่อซูร้องไห้ “พระชายาหมิง ทำไมท่านต้องซ้ำเติมบ่าวตอนนี้ด้วยเจ้าคะ”
นางรู้ หยุนหว่านหนิงพูดถูกต้อง!
นางหรือจะไม่รู้ว่าฉินซื่อเสวียเป็นคนอย่างไร
นางเป็นคนชั่วช้าแบบฉบับหน้าไหว้หลังหลอก ไม่มีสัจจะไร้คุณธรรม…
ยามนี้เกิดเรื่องอย่างนี้ ยังไม่ต้องพูดว่าฉินซื่อเสวียไม่ได้สั่งให้นางทำ แต่ถึงฉินซื่อเสวียจะสั่งให้นางทำอย่างนี้ นางก็จะไม่ออกมาช่วยนางเด็ดขาด
จื่อซูต้องแบกรับไว้เพียงคนเดียว!
นางร้องไห้เอ่ย “พระชายาหมิง เรื่องนี้บ่าวมีความจำเป็นเหมือนกันเจ้าค่ะ!”
“ที่บ่าวทำ ก็เพื่อพระชายาบ้านบ่าวทั้งนั้น!”
“นั่นยังไม่ใช่เจ้าเป็นคนทำหรือ นี่เท่ากับเจ้ายอมรับแล้ว?”
หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้ว
ใต้เท้าหวูยืนอยู่ด้านข้างพยักหน้า “อื่ม ข้าได้ยินแล้ว!”
หยุนหว่านหนิง “…ข้ามีเรื่องจะสอบถามนาง รบกวนใต้เท้าหวูออกไปซักครู่ก่อน”
“อ้อๆๆ”
ใต้เท้าหวูนึกขึ้นได้ เกาศีรษะ เดินออกไปข้างนอกอย่างเก้ๆ กังๆ “พระชายาหมิง ท่านสอบถามให้เต็มที่ กระหม่อมจะออกไปเฝ้าประตูให้ท่าน!”
หยุนหว่านหนิงถอนสายตากลับ
“จื่อซู ข้ามีแค่คำถามเดียว”
จื่อซูนึกว่าหยุนหว่านหนิงจะช่วยนางได้ ดังนั้นจึงรีบผงกศีรษะ “พระชายาหมิงเชิญถาม ถ้าบ่าวรู้ต้องตอบตามจริงแน่เจ้าค่ะ!”
“หนานกงเยว่กินขนมที่เจ้าส่งไปจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ! นางกินแล้วจริงๆ! บ่าวเห็นกับตา!”
จื่อซูตื่นตระหนกมาก
“เจ้าออกไป ห่างจากตอนที่นางกินขนมนานเท่าไร”
นางตั้งใจคิดครู่หนึ่ง “ประมาณหนึ่งจิบถ้วยชาเจ้าค่ะ! บ่าวสนทนาเป็นมารยาทกับพระชายาฉู่สองสามประโยค แล้วบ่าวก็ออกไป”
แบบนี้เอง…
หยุนหว่านหนิงพอรู้แล้ว
นางพยักหน้าเตรียมจะไป พอเห็นดังนั้นจื่อซูจึงรีบเรียกไว้ “พระชายาหมิง โปรดช่วยบ่าวด้วยเถอะเจ้าค่ะ!”
“ท่านอยากรู้อะไร บ่าวก็ตอบหมดแล้ว โปรดช่วยบ่าวด้วย!”
หยุนหว่านหนิงมองนาง ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “จื่อซู ดูท่าเจ้าจะอยู่ในเซินซิงซีได้แย่มากนะ”
การเปลี่ยนเรื่องอย่างฉับพลัน ทำให้จื่อซูจับต้นชนปลายไม่ถูก
ได้ยินแต่หยุนหว่านหนิงพูดเป็นลำดับ “เจ้ามาที่เซินซิงซีค่อนวันแล้วกระมัง ใต้เท้าหวูถึงกับยังไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร นี่มิใช่อยู่ได้แย่มากหรือ”
จื่อซูอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
นางแค่อยากขอความช่วยเหลือเท่านั้น…
หยุนหว่านหนิงหัวเราะอย่างเย็นชาพลางออกไป
เห็นว่าจะเย็นแล้ว
ตอนนี้โม่หุยเหยียนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของหนานกงเยว่ ส่วนหนานกงเยว่ก็นอนอยู่บนเตียงลงจากเตียงไม่ได้ คาดว่าคงไม่สามารถจับตาดูพวกพระชายาหมิง
หยุนหว่านหนิงวางแผนไปตระกูลกู้
ระหว่างทาง หรูเยียนกระซิบถาม “พระชายา ดูแล้วพระชายาฉู่จะเป็นคนมากเล่ห์เพทุบายนะเจ้าคะ”
“อื่ม ขนมนั่นนางต้องอมไว้ในปาก ไม่ได้กลืนลงไปแน่”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า
ต่อให้หนานกงเยว่กินขนมนั่นต่อหน้าจื่อซูจริง ก็ต้องแค่ทำให้จื่อซูเห็นเท่านั้น
ทั้งที่นางรู้ว่าขนมมีปัญหา แต่กลับไม่พูด จงใจตลบแผนของฉินซื่อเสวีย…
เป็นยอดคนจริงๆ!
นางเงยหน้ามองอาทิตย์อัสดงที่กำลังลับขอบฟ้า “นางคนนี้ระวังป้องกันตัวขนาดไหน คราวนี้จื่อซูก็ทำให้เราเห็นแล้ว”
“ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้หยวนเป่ายังปลอดภัยอยู่”
แต่หยุนหว่านหนิงเริ่มลังเลอีก
เดิมทีอยากให้เต๋อเฟยได้เจอกับหยวนเป่าอย่างลับๆ ทำให้นางสมปรารถนา
แต่เต๋อเฟยเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่
อีกทั้งหนนี้พวกโม่หุยเหยียนก็เริ่มสงสัยแล้ว ถ้าให้เต๋อเฟยเจอกับหยวนเป่าในตอนนี้ จะเหมาะสมจริงหรือ