อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 364 ปกป้องพวกนางให้ปลอดภัย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 364 ปกป้องพวกนางให้ปลอดภัย
โม่เยว่เดินเข้ามาใกล้ เห็นหยุนหว่านหนิงมีสีหน้าตะลึง จึงอดเลิกคิ้วไม่ได้ “หนิงเอ๋อร์ เป็นอะไรไปหรือ”
ครั้นเห็นท่าทางนางอย่างนี้แล้ว โม่เยว่ยังนึกว่านางไม่อยากเห็นเขา
เขาอุ้มหยวนเป่าด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็หยิกแก้มหยุนหว่านหนิง “ทำไมทำหน้าบึ้งอย่างนี้ ข้ามารับพวกเจ้าช้าเกินไปหรือ”
กล่าวจบ ไม่รอให้หยุนหว่านหนิงตอบ ก็อธิบายอย่างอารมณ์ดี “มีธุระนิดหน่อยเลยทำให้ล่าช้าน่ะ”
“เสด็จพ่อไม่ทรงยอมให้กลับ”
หยุนหว่านหนิงคืนสติ
นางหน้าบึ้งตรงไหน
แค่คิดเรื่องบางเรื่องเท่านั้น รู้สึกว่าน่าอัศจรรย์นิดหน่อยเฉยๆ!
นางผลักมือของเขาออก มองข้ามเขาไปทางโม่เฟยเฟยที่อยู่ปากประตู “เฟยเฟย ทำไมไม่เข้ามาล่ะ จะยืนทื่อตรงปากประตูทำไม”
“ข้า…”
ตั้งแต่หยุนหว่านหนิงเหม่อ รอยยิ้มบนใบหน้าโม่เฟยเฟยก็ชะงักกึกไปแล้ว
เมื่อนั้นนางจึงค่อยๆ เดินเข้ามา “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านมีอะไรหรือ”
นางความรู้สึกไว รู้สึกได้ว่าหยุนหว่านหนิงเหมือนมีเรื่องในใจ
“เปล่า อีกระยะหนึ่งก็จะถึงวันเกิดของเสด็จแม่แล้ว ข้ากับพี่เจ็ดเจ้ายังต้องไปเตรียมของขวัญวันเกิดให้เสด็จแม่อีก เจ้าจะไปกับพวกเรา หรือว่า…”
นางยังไม่ทันพูดจบ โม่เฟยเฟยก็สอดปากขึ้น “พวกท่านไปกันก่อนเถอะ!”
น้ำเสียงของนางเร่งรีบเล็กน้อย
เพิ่งพูดแต่ก็รีบหยุดปากอีก ชะงักครู่หนึ่งแล้วจึงพูดอย่างระมัดระวัง “ข้ามีเรื่องที่อยากบอกท่านรองกู้น่ะ”
“อย่างนั้นเราไปก่อนนะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้ม “ท่านลุง ท่านต้องต้อนรับเฟยเฟยให้ดีล่ะ”
“อื่ม”
กู้หมิงยังคงมีสีหน้าอบอุ่นเหมือนเดิม
แต่โม่เยว่กลับขมวดคิ้วไม่พอใจ “เฟยเฟย เจ้าบอกกับข้าว่าจะมารับพี่สะใภ้เจ็ดของเจ้ากับหยวนเป่าไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้ยังไม่กลับล่ะ”
“เจ้าเป็นสาวเป็นนาง จะอยู่สองต่อสองกับท่านลุงได้อย่างไร”
ชายโสดหญิงไร้คู่ มีอย่างที่ไหน!
เมื่อเห็นสีหน้าโม่เฟยเฟยเคอะเขิน หยุนหว่านหนิงจึงหัวเราะเบาๆ “เจ้าพูดอะไรน่ะ เมื่อกี้เจ้าก็พูดเอง นี่คือท่านลุงของพวกเรา เช่นนั้นก็คือท่านลุงของเฟยเฟยด้วย!”
“เฟยเฟยก็คือคนรุ่นหลังของท่านลุง นี่จะมีอะไร”
นางจูงมือของโม่เยว่ ลากเขาออกนอกประตู “ไปเถอะ”
เมื่อนั้นโม่เยว่จึงเดินออกไปกับนางอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ เดินไป ก็หันมามองโม่เฟยเฟยอย่างไม่พอใจไป
“พ่อเก๊ ท่านแม่ พวกเราจะกลับบ้านหรือ”
คำถามของหยวนเป่า หยุดการเดินหนึ่งก้าวหันหลังสามคราของโม่เยว่
หยุนหว่านหนิงเงยหน้ามองไป เห็นความเบิกบานที่อดไม่อยู่ในดวงตาของหยวนเป่า แต่กลับระมัดระวัง คล้ายไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกลับบ้านได้
เมื่อนึกถึงถ้อยคำเมื่อครู่ของบุตรชาย…
หัวใจนางก็ขมขื่นเต็มประดา
“ใช่!”
นางจูงมือของหยวนเป่า “ท่านพ่อกับข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน!”
โม่เยว่ยิ้มหน้าบานทันที
ครั้นเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาระรื่น หยุนหว่านหนิงก็ยิ้มตามไปด้วย
“เย้! ข้ากลับบ้านได้แล้ว! ข้าอยู่กับพ่อเก๊กับท่านแม่ได้แล้ว!”
หยวนเป่าดีใจลิงโลด ยื่นมือน้อยๆ โบกโบย
แต่ไม่นานรอยยิ้มของเขาก็หายไป ถามอย่างกระวนกระวาย “แต่ท่านแม่ พวกท่านลุงใหญ่จะทำอะไรหรือไม่ ข้าจะกลายเป็นตัวปัญหาของพวกท่านหรือไม่”
เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มของโม่เยว่ก็หยุดชะงัก กลายเป็นดูแย่ถึงที่สุด!
“หยวนเป่า”
เขาพูดอย่างจริงจัง “เจ้าคือลูกชายของข้ากับแม่เจ้า”
“ไม่ว่าจะเป็นยามใด เจ้าก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบ และยิ่งไม่ใช่ตัวปัญหาของข้ากับแม่เจ้า! เจ้าคือแก้วตาดวงใจของพวกเรา คือผู้ชายสง่าผ่าเผยของตระกูลโม่พวกเรา เจ้าคือพระนัดดาองค์โตที่สูงส่งไม่มีสอง เข้าใจแล้วหรือยัง!”
“เข้าใจแล้ว ท่านพอ…พ่อเก๊”
หยวนเป่าคล้ายเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
กลืน ‘ท่านพ่อ’ ที่มาถึงริมฝีปากลงไปทั้งอย่างนั้น แล้วเปลี่ยนเป็นพ่อเก๊
โม่เยว่ดีใจเก้อ
แม้หยวนเป่าจะฉลาดกว่าเด็กทั่วไป แต่สำหรับเขาแล้ว หลักการยิ่งใหญ่อย่างนี้ ยังคงเข้าใจได้ยากอยู่บ้าง
อาจเป็นเพราะซ่อนตัวเขาอยู่ในจวนอ๋องไม่เคยเผชิญโลก หรืออาจเพราะส่งเขามาที่ตระกูลกู้อยู่บ่อยๆ…
ด้วยเหตุนี้หยวนเป่าจึงมีอารมณ์อ่อนไหวอยู่บ้างตั้งแต่อายุน้อยๆ
หยุนหว่านหนิงเบือนหน้า กรอบตาแดง
เมื่อเห็นนางไม่เปิดปากถามว่าจะให้เต๋อเฟยพบกับหยวนเป่าหรือไม่ จึงได้ยินโม่เยว่เอ่ย “หนิงเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า”
“วันเกิดของเสด็จแม่ คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะประกาศลูกชายของเราให้โลกรู้ เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไร”
เขาใช้น้ำเสียงปรึกษา ไม่ใช่การตัดสินใจโดยตรง
สำหรับโม่เยว่ที่เป็นผู้ชายแข็งดั่งเหล็กกล้า นี่คือความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
หนึ่งครอบครัวสามคนขึ้นรถม้า
หยุนหว่านหนิงกอดอุ้มหยวนเป่า ไม่ตอบคำถามของโม่เยว่ กลับกัน นางก้มหน้าถามหยวนเป่าด้วยความอดทนและอ่อนโยน “เจ้าลูกชาย เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“เจ้าอยากอยู่กับเสด็จปู่แบบเปิดเผยหรือไม่ อยากเจอกับเสด็จย่าเต๋อเฟยหรือไม่”
“แล้วยังมีคนอื่นๆ อีก เจ้าอยากไปมาหาสู่กับพวกเขาหรือไม่”
นางเคารพการตัดสินใจของบุตรชาย!
“ท่านแม่ ข้าทำอย่างนั้นได้จริงๆ หรือ!”
ดวงตากลมโตใสแววของหยวนเป่าชื่นมื่น “ข้าคิดถึงเสด็จปู่แล้ว! ไม่ได้เจอเสด็จปู่ตั้งนานแล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้นก็คืออยากละสิ”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเบาๆ กอดเขา “ได้! ข้ากับพ่อของเจ้าจะคิดวิธี ให้เจ้าได้เจอกับเสด็จปู่ไวๆ ดีหรือไม่”
“ดี! ขอบคุณท่านแม่!”
หยวนเป่าดีใจลิงโลด!
เขาเอื้อมมือมาประคองใบหน้าหยุนหว่านหนิง แล้วจุ๊บหนึ่งทีแรงๆ
จากนั้นก็จุ๊บที่ศีรษะ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง ดวงตาทั้งสองข้าง ปลายจมูกและคางของหยุนหว่านหนิงรอบหนึ่ง ก่อนจะขดตัวอยู่ในอ้อมอกของหยุนหว่านหนิงอย่างพึงพอใจ
เขาเหมือนลูกแมวเหมียวจอมขี้เกียจตัวหนึ่ง กอดเอวหยุนหว่านหนิงแน่น “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านจังเลย”
เสียงออดอ้อนทำให้หัวใจของหยุนหว่านหนิงละลาย
นางกอดหยวนเป่าแน่นๆ น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย “ข้าก็คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน”
“ต่อไปจะไม่แยกจากหยวนเป่าอีกแล้ว ดีหรือไม่”
“ดี!”
หยวนเป่าวางใจแล้ว นอนอยู่ในอ้อมแขนของนาง อย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ
เมื่อเห็นท่าทางพึ่งพิงกันของพวกนางสองแม่ลูกแล้ว โม่เยว่ก็ขมขื่นใจยิ่งนัก
หลายปีนี้ เพราะความละเลยของเขา หยุนหว่านหนิงจึงต้องอยู่กับหยวนเป่าสองคน บัดนี้เขาพยายามชดเชยสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจชดเชยปีที่สูญเสีย และช่วงเวลาที่ปราศจากบิดาในใจของหยวนเป่าได้
กรอบตาเขาแดงเล็กน้อย รีบเอื้อมแขนยาวโอบสองแม่ลูกเข้ามาอยู่ในอ้อมอก
วงแขนกว้างบึกและอบอุ่น ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้สึกอุ่นใจได้ในที่สุด
“ดี! ในเมื่อหยวนเป่าก็ตัดสินใจแล้ว ข้าต้องทุ่มสุดกำลังแน่!”
โม่เยว่เช็ดน้ำตาบนดวงหน้าหยุนหว่านหนิงเบา น้ำเสียงทุ้มหนักมีกำลัง “ต่อไปมีข้าอยู่ จะไม่ให้ใครรังแกพวกเจ้าแม้แต่ปลายก้อยเด็ดขาด!”
“เจ้าวางใจนะหนิงเอ๋อร์ ข้าต้องปกป้องลูกชายของเราแน่นอน”
และปกป้องเจ้าด้วย
เขาต้องปกป้องพวกเขาแม่ลูกให้ปลอดภัยแน่!
ถ้อยคำหวานหยดย้อยขนาดนี้ อย่างไรก็พูดต่อหน้าบุตรชายไม่ออก
หยุนหว่านหนิงสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเขา จึงไม่พูดมาก เพียงแค่ “อืม” เสียงเบาเท่านั้น
ทีแรกยังคิดจะ ‘แกล้ง’ โม่เยว่เจ้าสุนัขตัวนี้ให้มากๆ สักหน่อย แต่ระยะนี้แสดงออกได้ไม่เลว นางจึงตัดใจทำไม่ลง
นางไม่เอ่ยปาก กลับเป็นหยวนเป่าที่งึมงำ
เขาเงยหน้าขึ้นจากอกของหยุนหว่านหนิง “พ่อเก๊ ท่านมีคำพูดที่ยังพูดไม่จบใช่หรือไม่”