อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 369 เชื่อหรือไม่ มารดาจะอัดเจ้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 369 เชื่อหรือไม่ มารดาจะอัดเจ้า
หากกล่าวตามความคิด เขาดำรงตำแหน่งมาหลายปี ตั้งอกตั้งใจ ทำเพื่อปวงประชา
นอกจากจะอู้งานตอนช่วงที่ไปตำหนักสิงกง หลายปีนี้เขาไม่เคยขาดประชุมเช้าสักครั้ง อุปสรรคใดๆ ก็มิอาจขัดขวาง
ทว่ากว่าหยวนเป่าสุดที่รักจะเข้าวังมาได้สักที
เขาหรือจะมีใจไปประชุมเช้าอีก
“เสด็จพ่อ หากพระองค์ไม่เสด็จไปประชุมเช้า พี่ใหญ่ต้องสงสัยแน่ และนอกจากเขา ขุนนางในราชสำนักก็จะพากันสงสัยด้วยเหมือนกัน”
โม่เยว่เอ่ย
โม่จงหรานได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากอุ้มหลานชายสุดที่รักของเขาไปประชุมเช้าด้วยจริงๆ!
แต่จนใจที่ตอนนี้ทุกคนยังไม่รู้ฐานะของหยวนเป่า เพื่อความปลอดภัยของหลายชายสุดที่รัก เขาต้องอดทน!
โม่จงหรานจุ๊บหยวนเป่าแรงๆ ฟอดหนึ่ง “หยวนเป่า เจ้ากับแม่ของเจ้าเล่นอยู่ในห้องทรงพระอักษรก่อน! เสด็จปู่กับพ่อของเจ้าไปเดี๋ยวเดียวก็จะมา!”
ไปเดี๋ยวเดียวก็จะมา?
ประชุมเช้าเป็นเรื่องสำคัญในเรื่องสำคัญของวัน แต่ฝ่าบาทกลับตรัสว่าไปเดี๋ยวเดียวก็จะมา?
ดั่งคาด เมื่อพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ยอยู่ตรงหน้า ฝ่าบาทก็จะกลายเป็น ‘ฮ่องเต้ผู้เลอะเลือน’!
ซูปิ่งซ่านส่ายหน้ากลั้นขำ
ให้พวกเขาสองแม่ลูกเล่นอยู่ในห้องทรงพระอักษร…
หากคำพูดนี้แพร่ออกไป เกรงว่าจะทำให้เกิดคลื่นลมไม่น้อย
ห้องทรงพระอักษรคือสถานที่สำคัญในการหารือราชกิจ ใครจะกล้าเล่นในห้องทรงพระอักษรเล่า!
โม่จงหรานกับโม่เยว่เร่งรุดไปตำหนักฉินเจิ้ง
หยุนหว่านหนิงสบตากับหยวนเป่าทีหนึ่ง “ลูกรัก เจ้าอยากไปหาเสด็จย่าเต๋อเฟยหรือไม่ อยากไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงหรือไม่ ข้าจะพาเจ้าไปท่องเอง!”
“ดี ดี!”
หยวนเป่าตบมือน้อยๆ ด้วยความคึกคัก
แต่พริบตาก็ทำหน้าละห้อย “ท่านแม่ พวกเราอย่าเดินไปเรื่อยเลยจะดีกว่ากระมัง”
“ท่านลุงใหญ่ของข้าท่านนั้นดูร้ายกาจมากเลย! ถ้าถูกคนพบเข้าจะทำอย่างไร พวกเราเป็นเด็กดีนั่งอยู่ในนี้ รอเสด็จปู่กับท่านพ่อกลับมาดีกว่า!”
หยวนเป่าราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย หน้านิ่วคิ้วขมวดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ถึงท่านแม่อยากพาเขาไปเที่ยว แต่ที่นี่คือวังหลวงนะ!
ต้องระวังทุกย่างก้าว!
หยวนเป่ารู้สึกเพลียมาก ถึงกับต้อง ‘ดูแล’ ท่านแม่ที่เป็นเด็กตัวโตคนนี้…
ที่แท้แล้ว พวกเขาแม่ลูก ใครควรดูแลใครกันแน่
“ท่านแม่อย่าเอาแต่สนุกสิ!”
เขาสั่งสอนหยุนหว่านหนิงด้วยท่าทางขึงขัง
“รู้แล้วน่า หยวนเป่า”
หยุนหว่านหนิงเอาตัวพาดโต๊ะอย่างห่อเหี่ยว “แต่มันน่าเบื่อจริงๆ นี่! ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คิดหาวิธีฆ่าเวลากันเถอะ”
“ข้าไม่มีเวลาเล่น และข้าก็ไม่รู้สึกเบื่อด้วย! ห้องทรงพระอักษรของเสด็จปู่มีหนังสือตั้งเยอะ!”
หยวนเป่ากระโดดลงจากเก้าอี้ แล้วเริ่มค้นหนังสือบนชั้น
“ท่านแม่ดูสิ! ตำราวสันตสารท บันทึกพิธีกรรม พงศาวดารจั่วจวน เล่าจื้อ โม่จื้อ มีตั้งเยอะแน่ะ!”
เขากล่าวกับหยุนหว่านหนิงด้วยความตื่นเต้น “รู้สึกเหมือนว่ามีหนังสือมากกว่าท่านตาทวดตั้งเยอะ!”
“ถึงข้าจะเคยอ่านมาแล้ว แต่ข้ายังสามารถอ่านได้อีกรอบ!”
หยุนหว่านหนิง “…ดีแท้! ข้าไม่สนใจสักเล่ม”
นางชอบอ่านแต่หนังสือนิยายพวกนั้น หนังสือพวกนี้น่าปวดหัวจะตาย
แต่หยวนเป่ากลับคึกคักครื้นเครง อย่างกับเห็นอาหารแห่งจิตวิญญาณ ยังคงวนเวียนอยู่กับชั้นหนังสือ
“โอ้! มีกลยุทธ์จั้นกั๋วด้วย!”
เขาเอาหนังสือออกมาอย่างเริงรื่น ทำตาโต “มีชุดบทกลอนของหลี่ไป๋ ชุดบทกลอนของหลิ่วเหอตง ชุดบทกลอนของไป๋เขาเซียง ตำราร้อยกรองฉู่สือ เยอะแยะไปหมดเลย!”
“ท่านแม่ ห้องทรงพระอักษรของเสด็จปู่ยอดเยี่ยมไปเลย!”
หยวนเป่าดึงหนังสือออกมาสองสามเล่ม หนังสือหนาจนบังหน้าของเขามิด
เขานั่งลงเต็มก้น เริ่มพลิกอ่านอย่างออกรสออกชาติ “ถ้ามีหนังสือพวกนี้ ข้าอยู่ที่นี่ได้สามวันสามคืนเลยล่ะ!”
หยวนเป่าเริ่มแทะ ‘อาหารแห่งจิตวิญญาณ’ ของเขา
ตอนนี้แม้แต่คนจะคุยด้วยก็ไม่มีแล้ว หยุนหว่านหนิงเบื่อหน่ายซังกะตาย!
แต่จะทิ้งบุตรชายแล้วออกไปเที่ยวเล่นเองก็ไม่ได้
นางจึงได้แต่ตะโกนไปที่ปากประตู “เสี่ยวเหลียงจื่อ เข้ามา พวกเรามาเดินหมากกันเถอะ!”
เหลียงเสี่ยวกงกงหัวเราะแห้ง “พระชายาหมิง บ่าวเดินหมากไม่เป็นขอรับ!”
“หายห่วง ข้าก็ไม่เป็นเหมือนกัน”
หยุนหว่านหนิงตอบอย่างฉับพลัน
เหลียงเสี่ยวกงกงอึ้ง “อย่างนั้นท่านยังจะให้บ่าวเดินหมากเป็นเพื่อนท่านอีกหรือขอรับ”
“เดินหมากอู่จึฉี(*โกโมกุ) อย่างไรเล่า!”
นี่ก็หมากเหมือนกันนี่!
หยุนหว่านหนิงหยิบกระดาษมาแผ่นหนึ่ง วาดตารางจำนวนมาก แล้วหยิบกระดานหมากของโม่จงหรานออกมา “มา ข้าจะสอนเจ้า! เกมนี้ง่ายจะตาย เจ้าจะเอาหมากดำหรือหมากขาวล่ะ”
ด้วยความจนใจ เหลียงเสี่ยวกงกงจึงได้แต่บากหน้าเดินหมากเป็นเพื่อนนาง
หยวนเป่าเงยหน้ามองพวกเขาแวบหนึ่ง ส่ายหน้าอย่างระอาใจ “ตื้นเขินยิ่งนัก!”
หยุนหว่านหนิง “…เจ้าเด็กน้อย เชื่อหรือไม่ มารดาจะอัดเจ้า”
หยวนเป่าก้มหน้างุด อ่านหนังสือต่อทันที
…
ในท้องพระโรง หลังจากเหล่าขุนนางรายงานเรื่องสำคัญแล้ว ก็มีคนเริ่มหยิบยกเรื่องที่ ‘รถม้าของจวนอ๋องหมิงเคลื่อนเข้าห้องทรงพระอักษร ละเมิดกฎวังหลวงอย่างโจ่งแจ้ง’ ขึ้นมาพูดอย่างที่คิด
โม่เยว่มอง คนผู้นี้ก็คือขุนนางลูกน้องของโม่หุยเหยียน
ดีมาก!
ความขัดแย้งของเขากับโม่หุยเหยียน มากขึ้นอีกแล้ว!
โม่เยว่ลอบบันทึกบัญชีนี้ของโม่หุยเหยียนแล้ว เอ่ยด้วยสีหน้าคงเดิม “เสด็จพ่อ ใต้เท้าหูกล่าวได้มีเหตุผล”
“หม่อมฉันทราบความผิด หม่อมฉันยินดีรับการลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”
โม่จงหรานใจลอย
จิตใจของเขาอยู่กับหยวนเป่า แทบอยากเลิกประชุมเสียเดี๋ยวนี้ แล้วรีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนหลานชายสุดที่รักของเขาที่ห้องทรงพระอักษร
เขากระแอมกระไอ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าควรลงโทษเจ้าอย่างไร”
“หม่อมฉันยินดีเขียนหนังสือสำนึกผิดที่ห้องทรงพระอักษรพ่ะย่ะค่ะ”
โม่เยว่คำนับด้วยความเคารพนบนอบ “หม่อมฉันทูลลา”
โม่จงหรานอึ้ง
เจ้าเด็กไร้มารยาทนี่ ถึงกับเผ่นเร็วกว่าเขาอีก!
โม่เยว่ไปแล้ว ขุนนางที่เหลือจึงกระดากจะฟ้องร้องอีก ได้แต่หาเรื่องอื่นมารายงาน รั้งตัวโม่จงหรานไว้อย่างนั้น
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปครึ่งชั่วยาม
“เอาล่ะๆ พอแค่นี้เถอะ!”
โม่จงหรานลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิด “เช้ามาจะให้คนเงียบสงบหน่อยไม่ได้หรือ”
“วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีมาก! เลิกประชุมเถอะ!”
ไม่รอให้ขุนนางทั้งหลายอ้าปาก เขาก็ออกไปก่อนแล้ว
ทิ้งให้เหล่าขุนนางยืนอยู่กับที่ มองกันไปมองกันมา
“วันนี้ฝ่าบาททรงเป็นอะไรไป ทรงเสวยดินปืนมาหรือ”
“หรือจะเกี่ยวกับเรื่องที่วันนี้รถม้าของจวนอ๋องหมิงเข้าถึงห้องทรงพระอักษร ฝ่าบาทไม่เพียงแต่เลิกประชุมเร็ว ทั้งยังพระทัยลอยตลอด กระวนกระวายพระทัยไม่สงบ”
“ใต้เท้าหลิ่วกล่าวได้มีเหตุผล ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าพนันหนึ่งตำลึง ต้องเกี่ยวกับอ๋องหมิงแน่!”
“ข้าพนันสองตำลึง!”
ทุกคนคาดเดา ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นการพนัน
“ดูพวกเจ้าผีไส้แห้งสิ ใจป้ำหน่อยได้หรือไม่ ดีชั่วก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก พนันตำลึงสองตำลึง…ข้าพนันสามตำลึงเลยเอา!”
ใต้เท้าหลิ่วมองพวกเขาอย่างถากถางแวบหนึ่ง แต่กลับถูกทุกคนผลักออกนอกประตูด้วยความเดียดฉันท์
มีเพียงโม่หุยเหยียนที่ยังยืนอยู่กับที่ มองเงาหลังที่จากไปของโม่จงหรานราวกับมีความคิด
ดูท่าเรื่องเจ้าเจ็ดกับหยุนหว่านหนิงทำให้เสด็จพ่อไม่สบายพระทัยจริง?
เขาควรขจัดทุกข์ให้เสด็จพ่อหน่อยหรือไม่ ให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ
โม่หุยเหยียนตั้งใจคิด เมื่อได้แผนการแล้วก็หมุนตัวออกจากตำหนักฉินเจิ้ง
ในเมื่อเสด็จพ่อกำลังกลัดกลุ้มเรื่องที่เจ้าเจ็ดกับหยุนหว่านหนิงทะเลาะกัน เขาก็ ‘ไกล่เกลี่ย’ อยู่ตรงกลางได้นี่ อา…อย่างเช่น ตามหามารดาผู้ให้กำเนิดของลูกนอกสมรสเจ้าเจ็ด แล้วไปส่งจวนอ๋องหมิง?!
โม่หุยเหยียนยิ้มอย่างพอใจ
รู้สึกว่าแผนนี้วิเศษไปเลย!
หากเสด็จพ่อทรงทราบ ต้อง ‘ดีพระทัย’ มากแน่กระมัง!
โม่หุยเยียนยังไม่ทันทำให้เป็นเรื่อง เรื่องที่ ‘อ๋องหมิงหาเศษหาเลย พระชายาหมิงอาละวาดยกใหญ่ เข้าห้องทรงพระอักษรมาฟ้องร้อง’ ก็แพร่ไปทั้งหกตำหนัก
และไม่นาน ข่าวนี้ก็กระฉ่อนไปทั่วทั้งเมืองหลวง!
สายตานับไม่ถ้วนจดจ้องจวนอ๋องหมิง จดจ้องโม่เยว่และหยุนหว่านหนิง…