อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 371 อยากนอนกับหนิงเอ๋อร์
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 371 อยากนอนกับหนิงเอ๋อร์
หรูอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร! นายท่านบอกแล้วว่าหากพระชายาถาม ก็ให้บอกว่าไม่มีอะไร!”
หยุนหว่านหนิงยื่นมือไปหยิกใบหูของเขา “เจ้าเด็กบ้า รับประโยชน์จากข้าไปเท่าไหร่? ตอนนี้ข้ามีคำถามจะถามเจ้า เจ้ากลับไม่กล้าพูดความจริง?”
เขาเผลอพูดออกมาแล้ว ยังบอกว่าไม่มีอะไรอีก?
“พูดมา! มิเช่นนั้นวันนี้ข้าจะกดหัวของเจ้าเข้าในหม้อใบนี้ ต้มพร้อมกับซุปเนื้อแกะ!”
หยุนหว่านหนิงทำท่าทางจะกดหัวของเขาลงไป หรูอวี้ตกใจร้องดังลั่น “พระชายา ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”
โจวหยิงหยิงตกใจจนถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว รีบร้อนปิดตาของหยวนเป่าเอาไว้ “หนูน้อยน่ารัก อย่าเลียนแบบแม่บุญธรรมของเจ้าเด็ดขาดนะ!”
“โหดร้ายเกินไปแล้ว นี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว! น่าเสียดายซุปเนื้อแกะหม้อนั่นจริงๆ!”
หยวนเป่าปัดมือของนางออกอย่างเงียบสงบ
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า แม่ของตัวเองเป็นคนปากร้ายใจดี?
คำพูดข่มขู่คนของนางเป็นชุดๆ แล้วเคยโหดร้ายขนาดนั้นเมื่อไหร่กัน?
หยุนหว่านหนิงถึงได้ปล่อยหรูอวี้ไป
“พระชายา ท่านอย่าบอกนายท่านเป็นอันขาด ว่าข้าน้อยเป็นคนบอกท่าน”
หรูอวี้หดหัวเล็กน้อย “นายท่านเอาข้าตายแน่……”
“คำพูดไร้สาระพูดให้มันน้อยๆหน่อย!”
“พระชายาท่านอย่าดุสิ! หลายวันมานี้นายท่านประมือกับอ๋องฉู่! เมื่อครู่นี้เดิมทีนายท่านเสร็จงานแล้ว แต่ว่าหรูโม่สืบได้ว่าข่าวลือที่แพร่กระจายกันไปทั่วเมืองหลวงระยะนี้ คนของอ๋องฉูเป็นคนปล่อยออกไปทั้งนั้น!”
หรูอวี้นวดใบหู
เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับโจวหยิงหยิง
มันไม่ได้เป็นเพราะว่าโจวหยิงหยิง นางไม่ใช่คนนอกหรอก
แต่เป็นเพราะเขารู้ว่า สองสามีภรรยาอ๋องฮั่นซื่อบื้อมากแค่ไหน
เป็นเช่นนั้นจริงๆทันทีที่สิ้นเสียงลง โจวหยิงหยิงก็กล่าวถามด้วยความงุนงง “ข่าวลืออะไร? ระยะนี้เมืองหลวงมีข่าวลืออะไรหรือ?”
“พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกันอยู่? ทำไมข้าถึงฟังไม่เข้าใจเลย? เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลไหนอีกหรือ?”
นางฟังไม่เข้าใจน่ะถูกแล้ว
หยุนหว่านหนิงใช้ตะเกียบคีบกระดูกเนื้อขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นให้กับโจวหยิงหยิง “ท่านลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”
กระดูกเนื้อหนึ่งชิ้น อุดปากของโจวหยิงหยิงเอาไว้ได้สำเร็จ
นางยกถ้วยเอาไว้ไม่สนใจว่ากระดูกมันร้อน ชิมไปเพียงคำเดียวดวงตาทั้งคู่ก็เป็นประกาย ราวกับหมาป่าหิวโซที่เห็นอาหาร “หนิงเอ๋อร์ นี่มันอาหารเลิศรสอะไรกัน! ทั้งสดใหม่ทั้งหอม!”
“กินตอนร้อนๆเถอะ”
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาครู่หนึ่ง แล้วก็ตักน้ำซุปให้หยวนเป่าถ้วยหนึ่ง หลังจากที่เป่าเบาๆแล้วก็ยื่นให้กับเขา “ระวังหน่อย อย่าให้ลวกปากล่ะ”
หยวนเป่าถือถ้วยเอาไว้แล้วเริ่มดื่มน้ำซุป โจวหยิงหยิงแคะกระดูกอย่างเพลิดเพลิน
หรูอวี้ถึงได้ตอบคำถาม “ตอนนี้นายท่านกำลังจัดการเรื่องนี้อยู่”
“คิดว่าอ๋องฉู่ต้องประสบหายนะอีกแน่”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
สายตาของหยุนหว่านหนิงล้ำลึก
วันนั้นพาหยวนเป่าไปพบโม่จงหรานที่ห้องทรงพระอักษร โม่หุยเหยียนก็เกิดความสงสัยตั้งใจมาหยั่งเชิงโดยเฉพาะ
เดิมนึกว่าด้วยการแสดงที่ “ยอดเยี่ยม” ของนางจะหลอกเขาไปได้……ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเฉียบแหลมเช่นนี้ ถึงกับใช้ประโยชน์จากปากชาวบ้านมาหยั่งเชิงอีกครั้ง!
ใครบอกว่าอ๋องฉู่อ่อนแอ?
เห็นได้ชัดว่าแม่งคือสัตว์ร้ายที่ไม่แสดงตนสุ่มสี่สุ่มห้า ซ่อนกรงเล็บที่แหลมคมเอาไว้ตกลงไหม? !
“โม่เยว่คิดจะจัดการอย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงถาม
“นายท่านมีแผนการแล้ว”
หรูอวี้โน้มตัวเข้าไปใกล้ข้างหูของนาง กล่าวกระซิบสองสามคำ
หลังจากฟังคำพูดของเขาจบ หยุนหว่านหนิงพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่เลวไม่เลว ดำเนินการไปตามสถานการณ์ นี่เป็นความคิดที่ดี!”
……
ในตอนกลางคืนหิมะก็ตกจริงๆ
หยุนหว่านหนิงรู้สึกว่าการดื่มน้ำซุปเนื้อแกะท่ามกลางหิมะมีท่วงทำนองแนวคิดทางศิลปะที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงสั่งการให้แม่นมจางยกกระถางไฟออกมา เกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาเงียบๆ ซุปเนื้อแกะอุ่นๆถ้วยหนึ่งลงท้อง ทั้งร่างกายรู้สึกอบอุ่นสบาย
โจวหยิงหยิงดื่มไปหลายถ้วย แคะกระดูกไปเป็นกอง แล้วก็ดื่มสุราลวกที่ร้อนผ่าวไปหลายจอก……
ถึงได้ถูกหรูเยียนส่งกลับไปยังจวนอ๋องฮั่นด้วยความมึนเมา
โม่เยว่เสร็จธุระกลับมา
หยุนหว่านหนิงตักซุปให้เขา แล้วก็อุ้มหยวนเป่าที่นอนหลับไปแล้วเข้าเรือน
ในตอนที่ออกมาอีกครั้ง หรูเยียนก็กลับมาแล้ว
“น่าเสียดายที่พระชายาไม่ได้เห็นแสดงดีๆฉากนั้น”
หรูเยียนเม้มริมฝีปากกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ละครดีๆอะไร?”
หยุนหว่านหนิงมองดูโม่เยว่ครู่หนึ่ง เห็นเขายังคลุมขนสุนัขจิ้งจอกอยู่ ยื่นมือไปถอดให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ “ดื่มซุปเนื้อแกะถ้วยนี้ลงไป ทั้งร่างกายก็จะรู้สึกร้อนขึ้นมา”
“ระวังอีกเดี๋ยวเหงื่อออก กลับจะทำให้ร่างกายได้รับความเย็นแทน”
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากเรื่องหนึ่ง แต่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่นางมีต่อเขา!
โม่เยว่ประทับใจอย่างมาก ดื่มไปหลายถ้วยใหญ่อย่างน้ำตาคลอเบ้า
“บ่าวส่งพระชายาฮั่นกลับไป นางเมาจนไม่ได้สติ อาเจียนไปเต็มพื้น! แต่อ๋องฮั่นดันมีจมูกที่ไวมาก ได้กลิ่นว่าเป็นซุปเนื้อแกะ”
หรูเยียนอดกลั้นเสียงหัวเราะ “สองสามีภรรยาก็เลยเถียงกัน”
“อ๋องฮั่นตำหนิพระชายาฮั่นว่าแอบกินคนเดียว ไม่ห่อให้เขาด้วย!”
“พระชายาฮั่นบอกว่าอ๋องฮั่นอ้วนเหมือนหมู ถ้ายังไม่ลดน้ำหนักลงมาก็จะหย่ากับเขา!”
อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หรูเยียนหัวเราะคิกคักขึ้นมา “ทั้งสองคนเถียงกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับลงไม้ลงมือกันขึ้นมาโดยตรง! เดิมทีบ่าวคิดจะไปห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน แต่ถูกตังเอ๋อร์ขวางเอาไว้บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปห้าม!”
ตังเอ๋อร์คือสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของโจวหยิงหยิง
“บ่าวก็เลยยืนดูความครึกครื้นอยู่ที่เดิม! เวลาไม่เกินหนึ่งจิบถ้วยชา ทั้งสองคนก็คืนดีกันแล้วจริงๆ!”
หยุนหว่านหนิงมีความสุขขึ้นมา “งั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว! ทั้งสองคนทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาก็กอดกันกลม สองคนดูเหมือนจะบอกว่าเข้าไปนอนในห้อง……”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หยุนหว่านหนิงก็หัวเราะตามขึ้นมา แม้แต่โม่เยวก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าขึ้นมาเช่นกัน
หรูเยียนหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว “มิน่าตังเอ๋อร์ถึงบอกกับบ่าวว่าไม่จำเป็นต้องห้าม! ดูท่าสองคนนี้ทะเลาะกันจนเกิดเป็นความรักแล้ว”
หยุนหว่านหนิงตักซุปเนื้อแกะให้นางหนึ่งถ้วย นั่งลงไปด้านข้างของโม่เยว่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ความจริงข้ากลับอิจฉาความสัมพันธ์ของโม่ฮั่นอี่ว์กับหยิงหยิง”
“ท่านอ๋องท่านคิดว่าอย่างไร?”
รอยยิ้มของโม่เยว่แข็งทื่อทันที
เขาชะงักงันไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองดูหยุนหว่านหนิง “หนิงเอ๋อร์ วันเกิดเจ้าเพิ่งผ่านไปไม่นาน ข้ามอบเงินห้าแสนตำลึงให้เจ้าเป็นของขวัญวันเกิด”
“ระยะนี้ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ใช่ไหม?”
เขาคิดทบทวนอย่างละเอียด ส่ายหน้าอย่างกังวล “ระยะนี้ข้าไม่ได้ยั่วโมโหอะไรเจ้าใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิง: “……ข้าก็แค่ทอดถอนใจไปตามความรู้สึกคำหนึ่ง ท่านประหม่าอะไร?”
โม่เยว่ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ไม่ประหม่าได้หรือ?
เส้นทางการตามง้อภรรยายาวไกลยิ่งนัก
เวลาผ่านไปหนึ่งปีครึ่งแล้ว ดูจากตอนนี้ก็ใกล้จะสองปีแล้ว
หยุนหว่านหนิงยังไม่ได้เอ่ยบอกว่ายกโทษให้เขาด้วยตัวเอง ถึงแม้จะสามารถจับมือกันบ้าง จูบกันบ้าง แต่นางก็ยังไม่ยอมนอนกันเขา……
หยวนเป่าก็ยังเรียกเขาว่า “พ่อเก๊”
เขาก็รู้แล้วว่ากำแพงในใจของแม่ลูกสองคนนี้ ยังไม่สามารถก้าวข้ามไปได้!
สำหรับคำสั่งของเมีย เขาเชื่อฟังทุกอย่าง!
ดังนั้นได้ยินหยุนหว่านหนิงพูดเช่นนี้ เขาถึงได้ประหม่าขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
“ที่แท้ก็แค่ทอดถอนใจเท่านั้น”
โม่เยว่ถึงได้ดื่มซุปต่อไปอย่างวางใจ
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาอย่างขบขัน “ท่านอ๋อง ถ้าอย่างไรเราก็มาลองดูว่า หลังจากที่ดื่มสุราจนเมาแล้วจะชกตีเตะต่อยกันจนตายกันไปข้างหนึ่ง หรือว่านอนด้วยกัน?”
นี่เหมือนจะเป็นการเดิมพันอย่างหนึ่ง!
แต่โม่เยว่ไม่กล้าเดิมพัน! ! !
ประการแรก ด้วยความสามารถในการดื่มของเขา…….แค่ดื่มก็เมาแล้ว ต้องถูกหยุนหว่านหนิงกดอยู่บนพื้นแล้วเฆี่ยนตีอย่างแน่นอน
ไม่พูดถึงว่าจะสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน
ประการที่สอง ถึงแม้เขาจะอยากนอนกับหนิงเอ๋อร์อย่างมาก……
แต่ก็กลัวว่าหยุนหว่านหนิงจะให้โอกาสนี้ทุบตีเขาอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธ
“ไม่เอาดีกว่า”
โม่เยว่ยิ้มเล็กน้อย “ช่วงเวลาดีๆและทิวทัศน์งดงามเช่นนี้ เราชมหิมะกันก็ดีกว่า เช่นนี้ถึงจะไม่เป็นการเสียของเปล่าๆ”
หยุนหว่านหนิงหมดคำพูด
ไม่กล้าเดิมพันก็ไม่กล้าเดิมพัน แสร้งทำเป็นลึกซึ้งทำไมกัน! นางยังกล้าเดิมพันด้วยการ “เสีย! ตัว!” เขาที่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอกยังทำพิรี้พิไรอยู่!
ทั้งสองกำลังพูดกันอยู่ หรูอวี้ก็พาเหลียงเสี่ยวกงกงเข้ามา