อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 387 เชือดไก่ให้ลิงดู
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 387 เชือดไก่ให้ลิงดู
“ไม่ใช่บุตรชายของข้า จะเป็นบุตรชายของท่านพี่ใหญ่หรืออย่างไร?”
โม่เยว่ต่อว่าเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “โอ้ต้องขอโทษด้วยข้าลืมไปว่า ท่านพี่ใหญ่ไม่มีบุตรชาย!”
โม่หุยเหยียนแทบจะกระอักเลือด : “…..”
เขาไม่มีลูกชาย แต่เด็กในท้องของหนานกงเยว่ หมอหลวงหยางบอกว่าจากชีพจรเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย……เช่นนี้ครรภ์นี้ ก็จะเป็นพระนัดดาองค์โต!
เขาเป็นลูกของฮองเฮาภรรยาหลวง บุตรชายของเขาเป็นพระนัดดาองค์โต
ต่อไปนี้หนานจวิ้นแห่งนี้ จะต้องเป็นของโม่หุยเหยียนอย่างแน่นอน!
แต่บุตรชายยังไม่ทันเห็นเงา ก็ถูกโม่เยว่ตัดขาดกลางคันเสียแล้วหรือ? !
ใครจะคาดคิดว่า บุตรชายของโม่เยว่จะเติบโตขนาดนี้แล้ว? !
หนานกงเยว่ก็รับการกระทบกระเทือนไม่ไหวเช่นกัน สองตาเหลือกขึ้นและล้มลงไป โม่หุยเหยียนร้องอย่างตกใจ “เยว่เอ๋อร์เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
เต๋อเฟยกับโม่จงหรานหันไปมอง ก็เห็นหนานกงเยว่ล้มลงอยู่ในอ้อมกอดของโม่หุยเหยียนแล้ว
เต๋อเฟยจึงกล่าวว่า “รีบพาสะใภ้เจ้าใหญ่ไปพักผ่อนที่ตำหนักข้างก่อน”
“แล้วบอกกล่าวกับหมอหลวงหยางอีกที!”
โม่หุยเหยียนอุ้มหนานกงเยว่ และรีบออกไปด้วยสีหน้ากังวลใจ
ด้วยเหตุนี้ จึงเหลือญาติสนิทฮองเฮาฉินซื่อเสวียเพียงคนเดียว ที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง
นางมองหยวนเป่าอย่างใจลอย อีกทั้งยังมองไปที่โม่เยว่……พ่อลูกคู่นี้หน้าตาเหมือนกันจริงๆ หยวนเป่าเป็นบุตรชายของโม่เยว่อย่างไม่ต้องสงสัย!
เป็นของโม่เยว่ แต่ไม่อาจจะเป็นของหยุนหว่านหนิง!
ก่อนหน้านี้ฮองเฮาจ้าวไม่ได้ส่งล่ายซื่อไปที่จวนอ๋องหมิงหรอกหรือ? !
เด็กคนนี้ น่าจะเกิดจากล่ายซื่อกับโม่เยว่มากกว่า!
หลังจากที่แน่ใจความคิดของตนเองแล้ว ฉินซื่อเสวียก็กล่าวอย่างรีบร้อนว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ไม่ได้ผิดพลาดอะไรใช่หรือไม่?”
“เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกนอกสมรสของอ๋องหมิงหรอกหรือ? แล้วจะเป็นพระนัดดาองค์โตได้อย่างไร? !”
ฐานะลูกนอกสมรสที่ต่ำต้อยไม่เชิดหน้าชูตานี้ คู่ควรที่จะเป็นพระนัดดาองค์โตได้อย่างไร? !
เพียงแต่ฉินซื่อเสวียที่มีความเฉลียวฉลาด ก็ควรจะรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูดในเวลานี้ โดยเฉพาะภายใต้การจับจ้องมองอยู่ ในวันเกิดของเต๋อเฟย!
แต่เผอิญว่าสติปัญญาที่ถูกกระทบกระเทือนในวันนี้จึงสูญเสียไปหมด!
ฉินตงหลินรีบกล่าวช่วย “ฝ่าบาท เต๋อเฟยเหนียงเหนียง พระชายาสามอาจจะดื่มมากจนเมา จึงพูดจาไม่รู้เรื่องเพราะขาดสติ”
“ขอให้ฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงโปรดอนุญาต ให้พระชายาสามไปพักผ่อนที่ตำหนักข้างด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่ได้ดื่มเหล้า! และข้าก็ไม่ได้เมามายด้วย!”
ฉินซื่อเสวียกล่าวเสียงแหลม “เด็กคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของอ๋องหมิง เดิมทีแล้วไม่ได้เกิดจากหยุนหว่านหนิง! หยุนหว่านหนิงเคยมี”เป็นชู้”กับคนรับใช้ในจวนอ๋อง!”
“เพื่อที่พวกเขาจะรักษาฐานะให้มั่นคง จึงทำเรื่องไร้ยางอายขึ้น!”
ฉินซื่อเสวียราวกับเป็นบ้า
สายตาของหยุนหว่านหนิงเคร่งขรึม “พระชายาสาม พูดสิ่งที่ผิดมันมีราคาที่จะต้องจ่ายนะ”
ตอนนี้ในใจของเต๋อเฟยนั้นเต็มไปด้วยหลานชายสุดที่รัก
เมื่อไม่นานมานี้ที่ถนน หยวนเป่าได้ออกมือช่วยเหลือนาง นางยังจำได้ไม่เคยลืม และเอาแต่พูดถึงตลอดทั้งวัน ว่าน่าเสียดายที่เด็กคนนี้ไม่ใช่หลานชายของนาง
คาดไม่ถึงเลยว่า หยวนเป่าจะเป็นหลานชายสุดที่รักของนาง!
นางไม่จำเป็นจะต้องสงสัย ไม่จำเป็นจะต้องตรวจสอบ และเชื่อว่าเด็กคนนี้เกิดจากหยุนหว่านหนิงและโม่เยว่
และเป็นหลานชายแท้ๆ ของนาง!
ประการแรก ความเชื่อมโยงทางสายเลือด นี่เป็นความมหัศจรรย์ของความสัมพันธ์ทางสายเลือด
นางมีความสุขที่ได้เห็นหยวนเป่า อดไม่ได้ที่จะนำเขามากอดมาหอมเป็นร้อยๆ ครั้ง
ประการที่สอง เด็กคนนี้รูปร่างดูเหมือนโม่เยว่ทุกประการ ที่คิ้วยังมีภาพเงาของหยุนหว่านหนิงด้วย……และจะเกิดจากคนอื่นได้อย่างไร? !
“เรื่องไร้สาระ!”
เต๋อเฟยอุ้มหยวนเป่าแล้วลุกขึ้นยืน กล่าวปกป้องทั้งหยวนเป่าและหยุนหว่านหนิงว่า “สะใภ้สาม ข้านึกถึงฐานะของเจ้านะ จึงไม่ได้สอบสวนถึงความผิดของเจ้า”
“ขอเพียงแค่เจ้ายอมรับผิดและขอโทษหนิงเอ๋อร์ ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้า!”
“แต่ถ้าหากเจ้าไม่รู้ผิดชอบชั่วดี……”
สีหน้าของนางเคร่งขรึม และอารมณ์เปลี่ยนไปมาก
โดยปกติแล้วเต๋อเฟยที่ดูซื่อตรงไม่สั่นคลอน ตอนนี้จะส่งกลิ่นอายความน่าเกรงขามออกมา!
แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งในตำหนักที่มั่นคงมาหลายปี เต๋อเฟยไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่ปรากฏภายนอก!
“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้ผิดอะไรนะ! ข้าเคยได้ยินมาว่า หยุนหว่านหนิง”เป็นชู้”กับคนรับใช้ในจวน! ด้วยเหตุนี้อ๋องหมิงจึงโกรธมาก สั่งขังนางไว้ที่เรือนชิงหยิ่งเป็นเวลาสี่ปีเต็ม!”
ฉินซื่อเสวียเสียสติไปแล้ว
ฉินตงหลินก็ห้ามไว้ไม่ทัน!
เมื่อเห็นว่านางไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เต๋อเฟยจึงตวาดด้วยความเกรี้ยวโกรธ “ฉินซื่อเสวีย! เจ้าเป็นสะใภ้สาม วันนี้ข้าจะไม่ตบปากของเจ้า!”
“เอาคนเข้ามา! นำพระชายาสามส่งกลับไปยังจวนอ๋องสาม และขังนางไว้เพื่อรอการลงโทษชั่วคราวก่อน!”
นางจ้องมองฉินซื่อเสวียอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นลูกสะใภ้ของญาติสนิทฮองเฮา เรื่องนี้ข้าจะต้องไปหาฮองเฮาเพื่อขอคำแถลง จากนั้นจึงจะจัดการลงโทษเจ้าอีกที”
นางต้องการคิดบัญชีกับฮองเฮาจ้าวก่อน แล้วค่อยไปคิดบัญชีกับฉินซื่อเสวียอีกทีหนึ่ง!
เกี่ยวกับเรื่องของล่ายซื่อก่อนหน้านี้ นางยังไม่ได้ไปพบฮองเฮาจ้าวด้วยตนเองเลย!
คนรับใช้ได้รับคำสั่งจึงเข้ามา และกำลังจะพาฉินซื่อเสวียไป ก็ได้ยินเสียงของโม่จงหรานดังขึ้น “ช้าก่อน!”
ฉินซื่อเสวียถอนหายใจอย่างโล่งอก ในใจคิดว่าเสด็จพ่อจะไม่ปล่อยให้เต๋อเฟย เหยียบย่ำหน้าตาของลูกสะใภ้คนนี้ต่อหน้าสาธารณชน!
อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าท่านพ่อด้วย เสด็จพ่อจะต้องเห็นแก่หน้าตาของตระกูลฉิน และจะต้องไว้หน้านางด้วย……
ในขณะที่คิด ก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของโม่จงหรานกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร หากกล้ามาใส่ร้ายพระนัดดาองค์โต ใส่ร้ายลูกสะใภ้ของข้า ก็ควรที่จะต้องถูกตบปากทั้งสิ้น!”
“เอาคนเข้ามา! ตบปากสามสิบที! ให้พระชายาสามจดจำไปนานๆ!”
ได้ยินเช่นนั้น ฉินซื่อเสวียก็ตกตะลึง!
หยุนหว่านหนิงเป็นลูกสะใภ้ของเขา หรือว่านางก็ไม่ใช่ลูกสะใภ้ของเขาหรอกหรือ? !
ไม่รอให้นางได้เอ่ยปากโต้เถียง หมัวมัวสองคนก็เดินเข้ามาตรงหน้า คนหนึ่งกดนางไว้ และตบปากทั้งซ้ายและขวา
พระชายาสามผู้สง่างาม คาดไม่ถึงว่าจะถูกตบปากต่อหน้าสาธารณชน!
แถมยังเป็นคำสั่งของฮ่องเต้ หยุนหว่านหนิงไม่เคยออกหน้า!
วันนี้ศักดิ์ศรีของฉินซื่อเสวีย ถูกหยุนหว่านหนิงเหยียบอยู่ใต้เท้า ท้ายที่สุดก็เก็บขึ้นมาไม่ได้!
ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาของฉินซื่อเสวีย ฉินตงหลินก็อดไม่ได้คิดจะพูดแทนนาง แต่จู่ๆ ก็ถูกฉินเยว่หลิ่วส่ายหัวให้เขา กล่าวเตือนเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่าอย่าทำให้ฝ่าบาทโกรธ เพราะมันจะเกี่ยวพันไปถึงจวนเฉิงเซี่ยงด้วย
ฉินตงหลินทำได้เพียงกัดฟันอดทน ไม่กล้าพูดมาก
หลังจากที่ตบไปสามสิบที ใบหน้าของฉินซื่อเสวียก็ปูดบวมขึ้นมา และสามารถมองเห็นรอยพิมพ์เป็นเลือดฝาดขึ้นมา
นางพูดไม่ออก เจ็บปวดไปหมดทั้งใบหน้า และในสมองก็มีเสียงดังหึ่งเช่นกัน……
เป็นพระชายาผู้สง่างามจนที่ตบหน้าต่อทุกคน ชีวิตฉินซื่อเสวียก็ไร้ความหมายแล้ว
นางเกลียดหยุนหว่านหนิงจนเข้ากระดูก!
นางกำหมัดแน่น หลับตาแสร้งทำว่าเป็นลมอยู่กับพื้น
ถูกคนรับใช้หามออกไป เป็นวิธีที่”ฉลาดปราดเปรื่อง”ที่สุดที่นางจะหลีกหนีในตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นคนทั้งหลายหรือการหยอกล้อ หรือการเยาะเย้ย หรือสายตาที่เห็นใจ!
สายตาเหล่านั้นเหมือนหนาม ทิ่มแทงลึกเข้าไปในหัวใจของนาง
ศักดิ์ศรีอันน้อยนิดที่นางเหลือเอาไว้ ท้ายที่สุดได้พังทลายลงแล้ว
ในฝูงชน ไม่มีใครพบเห็นว่าฉินเยว่หลิ่วก็จากไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน
หลังจากที่ฉินซื่อเสวียถูกหามออกไป เห็นทุกๆ คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง โม่จงหรานก็จูงมือเต๋อเฟยกับหยวนเป่าขึ้นไปยังตำแหน่งสูง และประกาศเสียงดังว่า “นี่ ก็คือพระนัดดาองค์โตของข้า!”
“เป็นบุตรชายของอ๋องหมิงและพระชายาหมิง!”
“ต่อไปใครก็ตามที่กล้ามาสงสัยในตัวตนของพระนัดดาองค์โต ข้าจะไม่ให้อภัยใครทั้งนั้น!”
การลงโทษฉินซื่อเสวียในคืนนี้ จึงเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!
ทำให้คนทั้งหลายรู้ว่า หยวนเป่าเป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถยุแหย่ได้!
เพื่อที่หยวนเป่าจะได้ตั้งมั่นยืนหยัดต่อไปในอนาคต จะต้องบุกเบิกเปิดเส้นทาง และปกป้องคุ้มกัน!
ทุกคนรู้จักวางตัว ต่างทยอยกันตอบรับ และคำนับให้หยวนเป่า “คารวะพระนัดดาองค์โต!”
เมื่อเห็นผู้คนมากมายที่คำนับให้เขา หยวนเป่าก็มองหยุนหว่านหนิงโดยจิตใต้สำนึก……นางน้ำตาคลอเบ้า สองมือปิดปากไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา
นางพยักหน้าเบาๆ แววตาให้กำลังใจ
หยวนเป่าจึงยิ้ม จากนั้นจึงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ลุกขึ้น!”
ถึงแม้ว่าอายุจะยังน้อย แต่พลังนั้นมากพอ!
แม้กระทั่งโม่จงหรานที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างประหลาดใจ ตามมาด้วยความภาคภูมิใจจากใจจริง
นี่ คือหลานชายสุดที่รักของเขา!
โม่เยว่ก็ยิ้มอย่างปลื้มใจเช่นกัน
เด็กดี!
เขาไม่เคยขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นด้วยซ้ำ เด็กคนนี้ยืนได้อย่างมั่นคง และเป็นเด็กดีของเสด็จพ่ออย่างแท้จริง!
ในเวลานี้ เหลียงเสี่ยวกงกงวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”