อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 388 กระตุ้นให้นางเจตนาฆ่าตัวตาย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 388 กระตุ้นให้นางเจตนาฆ่าตัวตาย
อุทยานหลวง
เมื่อคนรับใช้ถอนตัวออกไป ฉินเยว่หลิ่วก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ “พี่หญิง ข้ารู้นะว่าเจ้ายังได้สติอยู่”
คนรับใช้นำฉินซื่อเสวียมาวางไว้บนม้านั่งหินของอุทยานหลวง เห็นนางฟุบอยู่บนโต๊ะหิน นางจึงนั่งลงที่โต๊ะหินตรงหน้า “เจ้าปิดบังคนอื่นได้ แต่ปิดบังข้าไม่ได้หรอก”
“บางที แม้กระทั่งคนอื่นก็ไม่สามารถปิดบังได้”
ฉินซื่อเสวียตัวแข็งทื่อ และค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองนาง “น้องหญิง ท้ายที่สุดแล้วเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“หลังจากที่เจ้ากลับมาจากเมืองฮุย ก็เคียดแค้นข้าอย่างมาก และหลายปีมานี้ก็ไม่เคยอยู่ร่วมกันกับข้าอย่างดีๆ เลย”
นางจ้องมองฉินเยว่หลิ่ว “เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องแท้ๆ หรือว่าเจ้าจะเห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้องของตนเอง?”
ฉินเยว่หลิ่วไม่พูดอะไร จ้องมองนางอย่างเงียบๆ
สายตานั้นเย็นชาน่าสะพรึงกลัว ฉินซื่อเสวียเห็นก็รู้สึกน่ากลัว นางอดกล่าวไม่ได้ว่า “เจ้ามาขัดขวางข้าในเวลานี้ มีเรื่องอะไรหรือ?”
นางต้องการแสร้งทำเป็นหมดสติไม่ฟื้น และรีบกลับไปที่จวนอ๋องสาม!
“ใบหน้านี้ของพี่หญิงช่างน่าเสียดายจริงๆ!”
ฉินเยว่หลิ่วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ในเมืองหลวงใครเลยจะไม่รู้ว่า พี่หญิงเกิดมาหน้าตางดงาม?”
แตกต่างจากความนุ่มนวลและงดงามของฉินซื่อเสวีย ใบหน้าของฉินเยว่หลิ่วเต็มไปด้วยความกล้าหาญ
นางประคองใบหน้า มองไปยังฉินซื่อเสวียราวกับว่าจะยิ้มไม่ยิ้ม “เพียงแต่หลังจากคืนนี้ไป ใบหน้านี้ของพี่หญิงเกรงว่าจะต้องขายขี้หน้าไปทั่วทั้งเมืองหลวง ข้าสลดใจแทนเจ้าจริงๆ เลย”
ฉินซื่อเสวียสีหน้าซีดเผือด “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ก่อนหน้านี้พี่หญิงบอกว่าพระชายาหมิงไม่ได้ออกไข่ไว้ไม่ใช่หรือ?”
ฉินซื่อเสวียส่ายหัวเบาๆ ยิ้มและกล่าวว่า “ไหนเลยจะรู้ว่าไม่เพียงแต่ออกไข่เท่านั้น ไข่ที่ออกไว้ยังเป็นไข่ทองคำอีกด้วย! นั่นก็คือพระนัดดาองค์โตที่มีเกียรติสูงสุดไม่เป็นสองรองใคร!”
“ข้ารู้สึกเสียดายแทนพี่หญิงจริงๆ แต่งงานกับท่านอ๋องสามมาตั้งนานขนาดนี้ ก็ให้กำเนิดได้เพียงบุตรสาวสองคนเท่านั้น……”
พูดจบ นางก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “เพียงแต่พี่หญิงก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ”
“เจ้ายังมีบุตรสาวสองคนไม่ใช่หรือ?”
คำพูดนี้ ไม่ต่างอะไรกับการทิ่มแทงฉินซื่อเสวียให้เจ็บปวด!
นางมีบุตรสาวสองคนจริงๆ
แต่บุตรสาวสองคนนี้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเป็นเกราะป้องกันของนางเลย!
ไม่เหมือนกับหยุนหว่านหนิง ที่มีไม้ตายพระนัดดาองค์โตนี้อยู่ในมือ!
“ที่ข้าตามมา ก็เพื่อมาปลอบใจพี่หญิง! ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต แต่ก็ได้ให้กำเนิดบุตรสาวสองคน หากนับจำนวนคนเราก็เหนือกว่าพระชายาหมิงอยู่แล้ว”
เมื่อฟังจบ ฉินเยว่หลิ่วเหมือนว่าจะปลอบใจนางจริงๆ
ฉินซื่อเสวียจ้องมองนางอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
คำพูดปลอบใจนี้ ฟังดูแปลกๆ อย่างไรไม่รู้?
“ตอนนี้จวนอ๋องหมิงมีพระนัดดาองค์โตนำหน้าไปก่อน เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก! รอให้ท่านอ๋องสามกลับมา เจ้าก็รีบชิงให้กำเนิดพระนัดดาคนที่สองเสีย! ถึงแม้ว่าจะมีเกียรติสูงส่งเทียบไม่ได้กับพระนัดดาองค์โต แต่ก็เป็นพระนัดดาเช่นกันไม่ใช่หรือ?”
ฉินเยว่หลิ่วกล่าวต่ออีกว่า “เพียงแต่ตอนนี้ ทางด้านพระชายาฉู่นั้น……”
นางหัวเราะ “ช่างเถอะ เพียงแต่ท่านอ๋องสามถูกส่งไปเฝ้าเขาซีเซียง ก็ไม่รู้ว่าจะกลับเมืองหลวงมาเมื่อไหร่”
“อาจจะเป็นสิบปีแปดปี……”
ฉินเยว่หลิ่วถอนหายใจเบาๆ “อีกทั้งข้าได้ยินมาว่าพระชายารองหยุนก็ตามไปที่เขาซีเซียงด้วย”
“ไม่แน่ว่าพวกเขากลับมาเมืองหลวง อาจจะพาเด็กกลุ่มหนึ่งมาด้วย! ถึงเวลานั้นข้าก็ต้องแสดงความยินดีกับพี่หญิงด้วย ที่ได้เป็นแม่ของลูกหลายๆ คนเช่นนี้”
ฉินซื่อเสวีย : “……”
ในที่สุดนางก็เข้าใจ ว่าฉินเยว่หลิ่วมาที่นี่เพื่อปลอบใจหรือไม่? !
เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อโรยเกลือบนบาดแผลของนาง!
รู้ว่านางเจ็บตรงไหน ก็เลือกที่จะลงมือตรงนั้น และเหยียบย่ำบาดแผลของนางอย่างโหดเหี้ยม!
“หุบปาก!”
นางกำสองมือแน่น และกัดฟันแน่น เนื่องจากเกี่ยวกับแก้มของนาง หลังจากถูกตบก็ปูดบวมทั้งเจ็บปวดทั้งแสบคัน นางจ้องมองฉินเยว่หลิ่วอย่างเหี้ยมโหด
“พี่หญิงจะโกรธทำไมล่ะ? ข้าเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น”
ฉินเยว่หลิ่วส่ายหัวและยิ้มเบาๆ “ช่างเถอะ! ในเมื่อพี่หญิงโกรธเคือง และไม่ต้องการคำปลอบใจของข้า”
“คืนนี้ก็ถือซะว่าข้าคิดไปเองคนเดียวเท่านั้น!”
พูดจบนางก็ลุกขึ้น “พี่หญิง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จื่อซูจะออกจากเซินซิงซีนะ? หากพี่หญิงไม่มีคนปรนนิบัติรับใช้ ข้าจะส่งคนสักสองสามคนไปปรนนิบัติเจ้าดีหรือไม่?”
“เจ้า……”
ฉินซื่อเสวียโกรธมาก แต่พูดไม่ออกสักคำ!
ดีเลวอย่างไรนางก็เป็นพระชายาสาม จะถูกลดบทบาทลงจนใช้งานสาวใช้ในจวนอ๋องไม่ได้ จนนางจะต้องส่งคนมาปรนนิบัติรับใช้สักสองสามคนเลยหรือ? !
“พี่หญิงไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร เหตุใดจะต้องโมโหด้วยล่ะ……หากข้าเป็นพี่หญิง ก่อเรื่องวุ่นวายจนน่าตลกขบขันเช่นนี้ ก็คงเอาหัวกระแทกตายไปแล้ว”
ฉินเยว่หลิ่วหัวเราะเบาๆ และหันกลับเดินจากไป
ประโยคสุดท้าย น้ำเสียงที่ออกมาเบามาก เบาจะเหมือนสายลม มีเพียงฉินซื่อเสวียเท่านั้นที่ได้ยิน
เห็นภาพด้านหลังของฉินซื่อเสวียที่เดินจากไป ฉินซื่อเสวียก็โกรธจนขาดสติ!
หน้าอกของนางแปรปรวนอย่างแรง ท้ายที่สุดก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร คาดไม่ถึงว่าจะเอาหัวกระแทกโต๊ะหินจริงๆ!
ได้ยินเสียงดัง”ปัง” คนรับใช้ที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงดังจึงรีบเข้ามา และได้เห็นฉินซื่อเสวียนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น มีเลือดไหลนองอยู่บนโต๊ะหิน……
ครั้งนี้ ฉินซื่อเสวียหมดสติไปจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้คนรับใช้จึงรีบไปรายงานที่ตำหนักไท่เหอทันที
เหลียงเสี่ยวกงกงกราบทูลต่อโม่จงหรานกับเต๋อเฟยอย่างกระหืดกระหอบ “ฝ่าบาท เหนียงเหนียง พระชายาสามไม่ทราบว่าเป็นอะไร พยายามฆ่าตัวตายอยู่ที่อุทยานหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“บอกว่าเอาหัวกระแทกโต๊ะหิน หมดสติไปสักพักหนึ่งแล้ว!”
“อะไรนะ? !”
เต๋อเฟยลุกขึ้นยืนก่อน และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “เห็นเลือดหรือไม่? !”
วันนี้เป็นวันเกิดของนาง ในวันแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ ฉินซื่อเสวียกล้าทำเรื่องโชคร้ายออกมาได้อย่างไร? !
เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธเคืองของนาง เหลียงเสี่ยวกงกงก็พยักหน้าอย่างระมัดระวัง
เต๋อเฟยโกรธจนเจ็บหน้าอก “บังอาจ บังอาจจริงๆ! วันนี้เป็นวันอะไรกันทำไมนางถึงกล้าทำอย่างนี้? !”
เห็นเต๋อเฟยโกรธ หยวนเป้ารีบทำให้นางสงบลง “เสด็จย่าเต๋อเฟยอย่าโกรธเลย วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน ท่านต้องมีความสุขจึงจะถูกต้องนะ!”
หากเป็นคนอื่น เกรงว่าเต๋อเฟยจะต้องถลึงตากลับไปเสียแล้ว
มีความสุขหรือ?
นางไม่ถูกทำให้โกรธจนตายก็ดีแล้ว ยังจะมีความสุขได้อีกหรือ? !
แต่คนที่พูดนั้นคือหยวนเป่า เห็นมือเล็กๆ ของเขาค่อยๆ ตบหลังของนาง ความโกรธในใจของเต๋อเฟยก็มลายหายไป “เสด็จย่า ไม่โกรธ ไม่โกรธแล้ว!”
นางโอบกอดหยวนเป่าอย่างหวงแหน และชายตามองไปที่โม่จงหราน
นี่หมายความว่าให้โม่จงหรานจัดการเรื่องนี้ทันที มิเช่นนั้นจะไม่เป็นผลดี!
โม่จงหรานหัวเราะเบาๆ “คนตายแล้วหรือยัง?”
ทุกคน : “……”
คำถามนี้ของฮ่องเต้ เถรตรงเกินไปหรือเปล่า?
คนจำนวนไม่น้อยหันไปมองฉินตงหลิน เขาอับอายจนเอาหน้าซุกลงไปที่ข้อพับแขน แทบอย่กจะหารอยตะเข็บบนพื้นเพื่อแทรกเข้าไป!
เหลียงเสี่ยงกงกงก็ตกตะลึงเล็กน้อย แต่ยังตอบกลับอย่างซื่อตรง “ทูลฝ่าบาท ยังพ่ะย่ะค่ะ! เพียงแค่เสียเลือดมาก หมอหลวงกำลังดูแลอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อหมอหลวงดูแลแล้ว ยังจะมารายงานอะไรอีก?”
โม่จงหรานโบกมืออย่างรำคาญ “ไปๆๆ หามออกไปจากวัง! อย่าให้ทำลายงานเลี้ยงวังได้”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เหลียงเสี่ยวกงกงรับคำสั่งและออกไป
เพิ่งจะออกไปถึงหน้าประตู กลับได้ยินโม่จงหรานกล่าวว่า “ช้าก่อน!”
เหลียงกงกงรีบหันกลับมา และรอเขาออกคำสั่งด้วยความเคารพนบนอบ
ฉับพลันก็ได้ยินโม่จงหรานกล่าวว่า “หว่านหนิง เจ้าไป’อบรมสั่งสอน’สะใภ้สามสักหน่อยสิ!”