อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 390 ใครบอกว่าอ๋องหมิงไม่หลงภรรยา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 390 ใครบอกว่าอ๋องหมิงไม่หลงภรรยา
โม่หุยเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่กลางตำหนัก ประคองหนานกงเยว่อยู่
หนานกงเยว่ร้องไห้กระหืดกระหอบ “หม่อมฉันทราบว่าเป็นสะใภ้คนโต ควรที่จะปรองดองกับพี่สะใภ้น้องสะใภ้ หม่อมฉันแต่งงานเข้ามาที่หนานจวิ้น ก็ไม่เคยทำผิดกับใครเลยจริงๆ”
“ครั้งนี้หม่อมฉันตั้งครรภ์จึงต้องมากยิ่งขึ้น แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น……”
นางซบไหล่ของโม่หุยเหยียน และร่ำไห้ไม่หยุด
“วันนี้เป็นวันเกิดของเสด็จแม่ เป็นวันที่มีความสุขของคนทั่วแดน”
“หม่อมฉันไม่อยากทำให้เสด็จแม่ต้องอารมณ์เสียเลย แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับลูกในท้องของหม่อมฉัน เด็กคนนี้เสด็จแม่กับท่านอ๋องเฝ้ารอมานานแล้ว หม่อมฉันรู้สึกน้อยใจจริงๆ!”
เมื่อพูดจบ นางก็ทำท่าทางจะคุกเข่าลง “หม่อมฉันขอร้องเสด็จพ่อเสด็จแม่ โปรดให้ความยุติธรรมกับหม่อมฉันด้วย!”
คำพูดนี้ดูเหมาะสมและใจกว้าง นางทั้งกล่าวหาหยุนหว่านหนิง และทำให้ความโกรธของเต๋อเฟยสงบลงด้วย
ยังบอกว่าเด็กในท้องสำคัญมาก ถึงแม้จะไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าเด็กในท้องของนางมีสายเลือดโดยตรงมากกว่าหยวนเป่า แต่ก็ทำให้โม่จงหรานพูดไม่ออกเช่นกัน!
หนานกงเยว่คนนี้ เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ!
หยุนหว่านหนิงโกรธจัด!
ทำกับนางได้!
แต่ถ้าแอบซ่อนความหมายแฝง ว่าหยวนเป่าสูงส่งสู้เด็กในท้องนางไม่ได้……
สายเลือดเดียวกันก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรเสียโม่หุยเหยียนก็เป็นบุตรคนโตของพระตำหนักกลาง บุตรขายของเขาจะมีเกียรติมากกว่าจริงๆ
แต่หยุนหว่านหนิงก็เป็นคนที่ให้ท้ายลูกของตนเอง!
เหตุใดบุตรชายของตนเองจะเทียบเด็กในท้องของหนานกงเยว่ไม่ได้? !
นังตอแหลหนานกงเยว่ กล้ามาต่อว่าหยวนเป่าต่อหน้านาง หยุนหว่านหนิงทนไม่ได้อีกต่อไป!
นางเดินเข้ามาในตำหนักอย่างเกรี้ยวโกรธ เหลือบมองพิจารณาหนานกงเยว่ ในน้ำเสียงมีการเหน็บแนมอย่างไม่ปิดบัง “ลูกในท้องของพี่สะใภ้ใหญ่มีค่ามากจริงๆ!”
“นี่คือจะบอกกับเสด็จพ่อเสด็จแม่ว่า นอกจากท่านอ๋องของพวกเจ้าแล้ว ท่านอ๋องท่านอื่นที่เหลือก็ไม่ได้สำคัญอะไรใช่หรือไม่?”
หนางกงเยว่โดนตอกหน้าหงาย
โม่จงหรานกับเต๋อเฟยก็ตกตะลึงเช่นกัน และรีบเงยหน้ามองไปที่หน้าประตูตำหนัก
ไม่ใช่สั่งให้ซูปิ่งซ่านขัดขวางหยุนหว่านหนิงเอาไว้หรอกหรือ? !
ซูปิ่งซ่านเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “ฝ่าบาท……”
“ช่างเถอะ!”
โม่จงหรานโบกๆ มือ ไม่ได้ตำหนิเขา
หยุนหว่านหนิงเหมือนกับว่าแฉออกมาจนหมดสิ้น กล่าวว่า “พี่สะใภ้ใหญ่เมื่อครู่นี้ไม่ใช่หมดสติ และถูกส่งไปพักผ่อนที่ตำหนักข้าหรอกหรือ?”
“เหตุใดจึงฟื้นเร็วเช่นนี้ล่ะ แสดงว่าเมื่อกี้นี้แสร้งหมดสติ เพื่อเจตนาตบตาเสด็จพ่อเสด็จแม่!”
“ตอนนี้ยังมาเสแสร้งแกล้งทำแบบนี้อีก ไม่ใช่คิดวางแผนจะทำร้ายข้าใช่หรือไม่? !”
ได้ยินเช่นนั้น หนานกงเยว่ก็ยิ่งรับมือไม่ได้
เดิมทีนางคิดว่า ภายใต้การจับจ้องของทุกคนหยุนหว่านหนิงจะไม่กล้าพูดอะไร
แต่ไม่คิดเลยว่านางจะปากคอเราะราย ฉีกหน้านางโดยตรง!
เมื่อเห็นว่าหนานกงเยว่พูดไม่ออก โม่หุยเหยียนก็รีบกอดนางไว้ในอ้อมกอด
เขาไม่กล้าพูดกับหยุนหว่านหนิง เพียงแต่มองข้ามนางไปที่โม่เยว่แทน “น้องเจ็ด! นี่มันอะไรกัน? เจ้าไม่อบรมภรรยาของเจ้าเลยหรือ?”
สายตาของทุกคนมองไปที่โม่เยว่
เห็นเขาค่อยๆ ลุกขึ้น เดินออกมาจากหลังโต๊ะ
เดิมทีทุกๆ คนคิดว่า โม่เยว่จะต่อว่าหยุนหว่านหนิงต่อหน้าทุกคน
ใครจะรู้ว่าเขายื่นแขนยาวออกไป นำหยุนหว่าหนิงมาปกป้องเอาไว้ด้านหลัง “เมื่อกี้ที่หนิงเอ๋อร์พูด ก็คือสิ่งที่ข้าอยากพูดเช่นกัน”
“พี่ใหญ่มีอะไร ก็พูดกับข้ามาตรงๆ เถอะ”
“พี่ใหญ่เป็นชายชาตรี ไม่ควรที่จะทำให้ผู้หญิงต้องลำบากใจนะ”
ทุกคน : “……”
สะเทือนจิตใจ!
สะเทือนจิตใจจริงๆ!
วันนี้คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็น ปกติแล้วอ๋องหมิงผู้เคร่งขรึมเย็นชายากที่จะเข้าใกล้ ภายใต้สายตาของทุกยังปกป้องพระชายาของตนเอง และยังแตกคอกับอ๋องฉู่อย่างโจ่งแจ้งด้วย!
ใครว่าอ๋องหมิงไม่หลงภรรยาล่ะ? !
เห็นได้ชัดว่าเขานำพระชายาหมิง มาประคบประหงมไว้ในอุ้งมือเลยไม่ใช่หรือ? !
โม่เยว่ออกหน้า โม่หุยเหยียนก็ตกตะลึง
เดิมทีหนานกงเยว่คิดว่า โม่เยว่ที่มีกิริยาท่าทางเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีอย่างนาง
มิหนำซ้ำ นางยังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาด้วย!
ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวทันทีว่า “อ๋องหมิง เจ้าต้องพูดอย่างมีเหตุผลสิ? เป็นเพราะว่าพระชายาหมิงที่มาวางยาพิษข้าก่อน หรือว่าข้าถูกเอาเปรียบก็บอกใครไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
ท่าทีของหนานหงเยว่เปลี่ยนไปเร็วมาก การเรียกขานหยุนหว่านหนิง จาก”หนิงเอ๋อร์”ก็เปลี่ยนเป็น”พระชายาหมิง”
“หนิงเอ๋อร์วางยาพิษเจ้าหรือ? ถ้าเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ ข้าจะวางยาพิษให้เจ้าเอง!”
โม่เยว่กวาดสายตามองนางอย่างเย็นชา
หนานกงเยว่จ้องมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ปกติแล้วถึงแม้โม่เยว่จะเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยพูด แต่ยังถือว่าเป็นมิตรกับพี่สะใภ้อย่างนาง
เพราะจุดนี้นางจึงสามารถตำหนิโม่เยว่ได้
ใครจะรู้ว่าจะถูกเขาโต้กลับ? !
เห็นโม่หุยเหยียนตกจะลึงอยู่ หนานกงเยว่ก็หยิกเขาหนึ่งที
โม่หุยเหยียนได้สติกลับมา กัดฟันและตะคอกโม่เยว่ “เจ้าเจ็ด เมื่อครู่นี้ใครพูดว่าชายชาตรีจะไม่ทำให้ผู้หญิงต้องลำบากใจล่ะ? แล้วนี่เจ้าทำอะไรอยู่?”
“ปกป้อง”
โม่เยว่พูดสั้นๆ แต่ได้ใจความ “ใครกล้ามารังแกผู้หญิงของข้า ผู้นั้นก็ควรจะได้รับผลที่ตามมา”
ความหมายแฝง ก็คือที่โม่หุยเหยียนโต้เถียงกับหยุนหว่านหนิง ก็คือชายชาตรีรังแกผู้หญิง
เขาต่อว่าหนานกงเยว่ ก็คือการปกป้อง ไม่นัยว่าเป็นการรังแกผู้หญิง!
สองมาตรฐานจริงๆ!
หยุนหว่านหนิงดีใจ คิอในใจว่าโม่เยว่น่ารักอย่างยิ่ง!
และตอนที่ปกป้องก็ยิ่งหล่ออย่างมาก!
โม่หุยเหยียนถูกทำให้พูดไม่ออก ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน จ้องมองโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงอย่างไม่ยินยอม
ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน โม่หุยเหยียนกับหนานกงเยว่ยุติลงด้วยหน้าซีดเผือด!
คนทั้งหลายไม่กล้าหายใจแรง รู้สึกว่างานเลี้ยงในวังวันนี้ไม่ได้เสียเปล่า……คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นการแสดงดีๆ เช่นนี้ มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
โม่ฮั่นอี่ว์ลุกขึ้นปรบมือ “น้องเจ็ด เป็นลูกผู้ชายจริงๆ!”
ด้วยเหตุนี้ ทุกๆ คนจึงมองไปที่โม่ฮั่นอี่ว์ ด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ
โจวหยิงหยิงรู้สึกอับอาย จึงรีบดึงโม่ฮั่นอี่ว์ให้นั่งลง
“เจ้าจะดึงข้าทำไม? ไม่ปรบมือด้วยกันกับข้าล่ะ? ดูสิเมื่อครู่นี้น้องเจ็ดหล่อเหลาแค่ไหน!”
โม่ฮั่นอี่ว์ยังไม่รู้ตัว ยังตำหนิโจวหยิงหยิงอีกด้วย
โม่จงหรานกวาดสายตามองอย่างเคร่งขรึม เขาจึงหุบปาก ก้มหน้าทานผลไม้ไป
“พอได้แล้ว!”
โม่จงหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าใหญ่ ลูกสะใภ้ เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน! ตอนนี้เป็นงานเลี้ยงในวัง อย่าทำให้เต๋อเฟยต้องอารมณ์เสีย”
“มีอะไร ก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้!”
เขาเจตนาจะให้โม่หุยเหยียนกับหนานกงเยว่มีทางลง
ใครจะรู้ว่าสองคนนี้ จะไร้ยางอาย
หนานกงเยว่ร้องไห้พูดว่า “เสด็จพ่อ จะเข้าใจผิดได้อย่างไร? นางกำนัลคนนั้นยอมรับกับปากตนเองเลยนะเพคะ!”
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันหรือ?
นางคิดในใจว่า นี่คือโม่จงหรานไกล่เกลี่ยมั่วๆ เห็ได้ชัดว่าปกป้องหยุนหว่านหนิง!
นางไม่ยอมหรอก!
ตำแหน่งของพระนัดดาองค์โตได้ถูกวางไว้ให้จวนอ๋องหมิงก่อนแล้ว หากคืนนี้ไม่สามารถลากนังสารเลวหยุนหว่านหนิงให้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันได้……เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
เห็นว่าหนานกงเยว่ไม่รู้จักวางตัว สีหน้าของโม่จงหรานก็ไม่สู้ดีนัก
“เช่นนั้นเจ้าคิดเช่นไร?”
เต๋อเฟยอุ้มหยวนเป่าอยู่ และไม่ได้คิดที่จะเอ่ยปาก
หากโม่จงหรานไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ดี และไม่สามารถปกป้องลูกสะใภ้อันเป็นที่รักของนางได้ ก็อย่าคิดที่จะเข้าตำหนักหย่งโซ่วของนางเป็นเวลาหนึ่งปี!
หนานกงเยว่รีบกล่าวอย่างร้อนรนใจ “เสด็จพ่อ เรื่องนี้ควรจะได้รับการตรวจสอบ! หากเป็นพระชายาหมิงลงมือกระทำจริง ก็ไม่สามารถปล่อยให้นางกระทำผิดต่อไปได้!”
หยุนหว่านหนิงมองหนานกงเยว่อย่างครุ่นคิด
ในเมื่อนางกล้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าเกมได้ถูกวางเอาไว้ก่อนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่รอนางเข้ามาด้านในเท่านั้น!
ถึงแม้ว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน……
ผลสุดท้าย แน่นอนว่าหยุนหว่านหนิงก็”เจตนาฆ่าทารกในครรภ์ของนางอยู่ดี”!
หนานกงเยว่มีแผนแยบยล แต่หยุนหว่านหนิงก็มีแผนตั้งรับเช่นกัน!
คิดจะให้นางติดกับดักของนางอย่างนั้นหรือ?
หนานกงเยว่ฝันไปเถอะ!
หยุนหว่านหนิงค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นมา……