อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 42 เขากลับเชื่อใจเธอ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 42 เขากลับเชื่อใจเธอ
นางยังพาคนมาอีก?
โม่เฟยเฟยปรายตามองนางด้วยความสงสัย แต่เพราะโม่เยว่อยู่ด้วย นางก็ไม่อาจเข้าไปด่ากราดหยุนหว่านหนิงได้อีก ได้แต่ขมวดคิ้วมองด้านนอก
ไม่นาน หรูยี่ก็พาโหยวเอ้อที่ถูกมัดตัวเป็นนักโทษ
ถ้าเป็นหยุนหว่านหนิงคนเดียว จะพาโหยวเอ้อมาที่นี่ตัวเป็นๆ….
โดยเฉพาะยังพาเข้าวังมาอย่างถูกมัดตัวเป็นนักโทษ ดูจะทำได้ยากสักหน่อย
แต่โชคดีที่มีโม่เยว่ เลยพาเข้ามาตำหนักเว่ยหยางได้อย่างเงียบกริบ
หลังจากเห็นหน้าตาโหยวเอ้อชัดเจน โม่เฟยเฟยสีหน้าซีดเผือดทันที
นางจำได้ หวนย้อนคิดถึงคืนนั้นที่น่ากลัวเมื่อสี่ปีก่อน ใบหน้าดุร้ายนั่นของโหยวเอ้อ สี่ปีมานี้คอยหมุนวนในหัวสมองนาง โม่เฟยเฟยสั่นสะท้านไปทั้งร่างทันที!
จากนั้นนางลุกขึ้นยืนอย่างรู้สึกไม่ปลอดภัย และเข้าไปหลบหลังโม่เยว่
ดูท่าทางนั่นคือ ตกใจหนักมากจริงๆ
มิน่าล่ะถึงเคียดแค้นหยุนหว่านหนิงขนาดนี้!
หลายวันนี้ที่นางทำเกินกว่าเหตุกับเธอ หยุนหว่านหนิงไม่ถือสาละ ตรงกันข้ามกลับมองนางอย่างสงสาร
“หยุนหว่านหนิง เจ้าคิดจะทำอะไร?! เจ้านำคนผู้นี้เข้าวังมาทำอะไร?! หรือว่า สี่ปีก่อนให้ร้ายข้าไม่สำเร็จ วันนี้อยากให้ร้ายข้าอีกรึ?!”
โม่เฟยเฟยตัวสั่นเทาอยู่หลังโม่เยว่
นางตะโกนออกไปข้างนอกเสียงแหลม “ใครก็ได้! ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”
“พวกเจ้าตายกันหมดแล้วรึ? ยังไม่รีบมาลากเจ้าคนถ่อยนี่ออกไปตีให้ตายอีก?!”
โหยวเอ้อเองก็ตกใจมาก
เขาโดนหยุนหว่านหนิงจับขังห้องเก็บฟืนอยู่หลายวัน และไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย
วันนี้พึ่งจะได้เจอแสงตะวัน ก็โดนหรูยี่ซัดฝ่ามือใส่จนสลบไป
ฟื้นมาอีกที ก็มาอยู่ที่ตำหนักเว่ยหยางแล้ว องค์หญิงเก้ากรี๊ดร้องบอกให้เอาเขาไปตีให้ตาย…
โหยวเอ้อตกใจแทบฉี่ราด รีบขอร้องอ้อนวอน
“เฟยเฟย อย่ากลัวไปเลย ข้าอยู่นี่”
โม่เยว่รีบปลอบประโลมโม่เฟยเฟย “เรื่องเมื่อสี่ปีก่อน มีเงื่อนงำ”
“ในเมื่อเจ้าจำเขาได้ ก็ฟังเขาพูดความจริงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนซะ”
มีเขาอยู่ โม่เฟยเฟยเลยพอสงบใจลงได้
เพียงแต่ นางยังตัวสั่นเทา
หยุนหว่านหนิงรีบขึ้นหน้า กำลังจะยื่นมือไปตบไหล่นาง ได้เลยจะรู้ว่าโม่เฟยเฟยทำราวกับไฟฟ้าช็อตก็ไม่ปาน เธอหดมือกลับทันที นางมองเธอเขม็งอย่างหวาดระแวง “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”
น่ากลัวว่า เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ในใจนางแล้ว
หยุนหว่านหนิงทั้งรู้สึกผิด ทั้งสงสาร
“องค์หญิงเก้า แผนการโง่ๆเมื่อสี่ปีก่อน ข้าผิดเองจริงๆ! ข้าขอโทษ” เธอพูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ท่านตบตีข้าก็ดี ด่าข้าก็ได้! แต่ข้าไม่อยากให้ท่านเข้าใจข้าผิด ดังนั้นท่านฟังข้าพูดให้จบก่อนค่อยว่ากัน”
ระหว่างพูด เธอหมุนตัวหันไปจ้องโหยวเอ้อเขม็ง “เล่าสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าแก่องค์หญิงเก้าอย่างละเอียด!”
“หากปกปิดแม้แต่นิดเดียว ข้าจะจับเจ้าสับเป็นเนื้อสับ!”
สายตามาดร้ายทำให้โหยวเอ้ออดคิดถึงท่าทางน่ากลัวของนางยามถือมีดสั้นในเรือนชิงหยิ่งวันนั้น
โหยวเอ้อนอนขดตัวอยู่บนพื้น เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
“องค์หญิงเก้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายาหมิง!”
เขาเงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “ตอนนั้นพระชายาหมิงกำชับหนักหนา ให้พวกเราพี่น้องแค่ทำให้องค์หญิงเก้าตกใจกลัวเท่านั้น ห้ามทำร้ายท่านแม้แต่นิด”
“เป็น เป็นพระชายาหยิงที่ข่มขู่พวกเราว่า ต้องทำลายความบริสุทธิ์ของท่านให้ได้”
“ยังบอกอีกว่า เรื่องนี้นางจะจัดการให้พวกเราเอง ถึงเวลานั้นก็ไม่มีอะไรปลอดภัยแน่นอน”
พูดจบ เขาก็ร้องไห้โฮออกมา “องค์หญิงเก้า ละเว้นข้าน้อยด้วยเถอะ ข้าน้อยแค่คิดผิดไปชั่ววูบ…..”
ความจริงของเรื่องนี้เป็นอะไรที่โม่เฟยเฟยคาดไม่ถึงจริงๆ
ตัวการที่แท้จริงกลับเป็นฉินซื่อเสวีย?
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
พี่สะใภ้สามหน้าตางดงาม ชาติตระกูลดี อ่อนโยนจิตใจดี ดีกับนางยิ่งนัก
หลายปีมานี้ ในใจของโม่เฟยเฟยแล้ว ฉินซื่อเสวียเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคำว่า “พี่สะใภ้”ที่สุด ดังนั้นต่อมา ต่อให้ฉินซื่อเสวียแต่งงานกับโม่หุยเฟิง ต่อให้โม่เฟยเฟยไม่ยอมพบใครทั้งนั้น
ขอเพียงฉินซื่อเสวียมา นางก็จะรับรองด้วยตนเอง
นางกับเต๋อเฟย ต่างถือว่าฉินซื่อเสวียเป็นเมียของโม่เยว่….
วันนี้คำพูดของโหยวเอ้อประหนึ่งสายฟ้าฟาดใส่กลางใจสำหรับโม่เฟยเฟย!
คนดีอย่างนั้นอย่างฉินซื่อเสวีย จะทำอย่างนี้ได้อย่างไร?!
โม่เฟยเฟยไม่อยากจะเชื่อเลย
นางส่ายหัวอย่างแรง “ไม่จริง ไม่จริง! จะเป็นไปได้อย่างไร?! พี่สะใภ้สามดีกับข้าขนาดนั้น นางเป็นคนที่ข้าเชื่อใจที่สุดเสมอมา จะทำร้ายข้าได้อย่างไร?!”
“ต้องเป็นเจ้าแน่!”
นางหมุนตัวกลับมา ชี้หน้าหยุนหว่านหนิงด้วยความโกรธ “เจ้า! เจ้าทำร้ายข้า และยังจะทำร้ายพี่สะใภ้สามด้วย!”
“เจ้าทำเรื่องชั่วร้าย แล้วยังจะปรักปรำให้ร้ายพี่สะใภ้สาม! เป็นเจ้าที่เสี้ยมสอนถ่อยผู้นี้พูดอย่างนี้ ต้องเป็นเจ้าแน่!”
เล็บแหลมยาวของนาง ใกล้จะข่วนถึงหน้าหยุนหว่านหนิงอยู่แล้ว
โม่เยว่จับมือนางไว้ได้ทัน และดึงหยุนหว่านหนิงมาหลบหลังตน “เฟยเฟย เจ้าใจเย็นก่อน!”
“ข้าจะใจเย็นได้อย่างไร?! เสด็จพี่ ท่านจะปกป้องนางรึ? ท่านอย่าลืมนนะว่า เป็นสตรีผู้นี้ที่ทำจนท่านต้องถอนหมั้นกับฉินซื่อเสวีย นางทำร้ายพี่สะใภ้สาม เล่นเล่ห์กลกับท่าน และยังทำร้ายข้า!” โม่เฟยเฟยแผดเสียงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “นางเป็นคนชั่วร้ายประดุจอสรพิษ!”
“ทำไมท่านต้องปกป้องนางด้วย?!”
เผชิญหน้าการเค้นถามของนาง โม่เยว่ขมวดคิ้วแน่น “ข้ายืนอยู่ข้างความจริง”
หากมิใช่วันนั้นเขาได้ยินหยุนหว่านหนิงเค้นถาม วันนี้ก็คงจะคิดว่า หยุนหว่านหนิงจงใจเสี้ยมสอนโหยวเอ้อให้พูดอย่างนี้ เพื่อปรักปรำให้ร้ายฉินซื่อเสวีย เหมือนกับโม่เฟยเฟย
แต่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาเชื่อว่าหยุนหว่านหนิงบริสุทธิ์
ไม่คิดว่าโม่เยว่จะเชื่อเธอ หยุนหว่านหนิงชะงักค้างไปครู่หนึ่ง
พอได้สติกลับมา เธอรีบอธิบายต่อ “องค์หญิงเก้า ที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง! หากท่านไม่เชื่อก็ไปเชิญพระชายาหยิงเข้าวังมาถามตอบตัวต่อตัวกับข้าได้!”
“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่า พี่สะใภ้สามถูกพี่ชายสามกักบริเวณ ถึงได้พูดอย่างนี้!”
โม่เฟยเฟยยังไม่ยอมเชื่อเธอ “หยุนหว่านหนิง เจ้าเก่งนี่! นับวันเจ้ายิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆละ!”
“ข้าไม่รู้เลยว่า เจ้าทำอย่างไรให้พี่ชายเจ็ดเชื่อคำพูดบ้าๆของเจ้า แต่สำหรับข้า ข้าไม่เชื่อเจ้าแม้แต่คำเดียว!”
โหยวเอ้อพูดเสียงสะท้านว่า “องค์หญิงเก้า นี่คือความจริง”
“ตอนนั้นพระชายาหยิงบอกให้พวกเราซัดทอดว่า เป็นพระชายาหมิงบงการ! เหล่าพี่น้องของข้าน้อยล้วนโดนนางฆ่าปิดปากหมดแล้ว! เพราะกลัวพวกเราจะปูดเรื่องนี้ออกไป”
“ข้าน้อยโชคดีหนีรอดมาได้ หลบซ่อนตัวอยู่หลายปี หากองค์หญิงเก้าไม่เชื่อ ข้าน้อยสามารถหาพยานได้!”
ตอนนั้นที่โม่เฟยเฟยโดนวางแผนทำร้าย ยังมีนางกำนัลอีกหนึ่งคนเห็นเหตุการณ์กับตาทั้งหมด
โหยวเอ้อกัดฟันพูดเสียงสั่น ละล่ำละลักบอกรูปพรรณของนางกำนัลคนนั้นออกมา “ข้าน้อยจำชื่อมิใคร่ได้แล้ว เพียงแต่ยังจำได้ว่า ชื่อนางมีคำว่าหยก ทำงานรับใช้ตำหนักไท่เหอ!”
ตำหนักไท่เหอ เป็นสถานที่ที่จัดงานเลี้ยงในวัง
มีสองเบาะแสนี้ จะหาตัวนางกำนัลคนนั้นก็ง่ายมาก
เพียงแต่ใครก็ไม่คาดคิดว่า หลังจากพบตัวนางกำนัลคนนั้นแล้ว จะเจอปัญหายุ่งยากอันใหม่!