อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 420 กล้าหนี ต้องหักขา
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 420 กล้าหนี ต้องหักขา
“คนอย่างข้า ไม่พูดเป็นครั้งที่สองหรอก”
เสวียนซันเซียนเซิงจับจ้องตานางเขม็ง และพูดซ้ำอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจังว่า “ลูกศิษย์ที่ว่าง่ายของข้า จื่ออวี๋เกิดเรื่องแล้วเจ้ารู้ไหม?”
“ทำไมรึ?”
หยุนหว่านหนิงไม่รู้แน่นอนอยู่แล้ว!
นางรู้แค่ว่า ซ่งจื่ออวี๋บาดเจ็บสาหัสเพราะไปขอยามาให้นางก่อนหน้านี้
แต่หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย!”
“เขาเป็นอะไรรึ? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
หยุนหว่านหนิงเริ่มร้อนใจ
ถ้าซ่งจื่ออวี๋เกิดเรื่องขึ้นเพราะนาง…นางต้องไม่สบายใจไปทั้งชาติแน่!
พอเห็นนางถามอย่างร้อนใจ เสวียนซันเซียนเซิงกลับไม่สนใจจะพูดกับนางแล้ว เขาโบกมืออย่างเกียจคร้านว่า “ช่างเถอะช่างเถอะ เจ้าไปเถอะ”
“รีบไปตามหาลูกชายเจ้าซะ!”
เสวียนซันเซียนเซิงลุกขึ้นยืน กำชับนางอย่างจริงจังว่า “คนที่จับลูกชายเจ้าไป”
“ทิศทางไม่แน่นอน ดังนั้นเจ้าก็อย่ายึดติดกับทิศตะวันออกเฉียงใต้เลย”
“ท่านรู้จุดประสงค์ของเขาไหม?”
หยุนหว่านหนิงกำชายเสื้อแน่นอย่างตื่นเต้น
“เจ้าไปหาเถอะ! ข้าพูดไม่ได้แล้ว ลิขิตสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย…ถ้าข้าพูดมากไป สวรรค์จะผ่าข้าอีก ข้ายังอยู่ไม่พอเลย!”
เขามือไขว้หลังเดินไปกระท่อม
หยุนหว่านหนิงมองตามแผ่นหลังเขา คิ้วขมวดมุ่น
ลิขิตสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย?
เรื่องนี้มันเป็นลิขิตสวรรค์ตรงไหน?!
ตาแก่นี่จงใจไม่บอกนาง!
ฟังน้ำเสียงของเขา เขาเหมือนเคยโดนสวรรค์ฟ้าผ่าใส่มาก่อน….หยุนหว่านหนิงเคยได้ยินซ่งจื่ออวี๋พูดถึงว่า การที่สามารถรู้อนาคตไม่ใช่เรื่องดี
ชะตาชีวิตคนล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว
การรู้อนาคตล่วงหน้าจนทำให้ชะตาชีวิตเปลี่ยนไป เท่ากับฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์
ดังนั้นสวรรคค์เลยลงโทษ
นางไม่ตอแยเสวียนซันเซียนเซิงต่อ
ต่อให้เป็นห่วงซ่งจื่ออวี๋ ก็รอจนหาหยวนเป่าเจอค่อยว่ากันแล้วกัน
หยุนหว่านหนิงรีบลงเขาไป
ร่างนางพึ่งหายไป เสวียนซันเซียนเซิงก็โผล่หน้าออกมาจากกระท่อม “นังหนู ทำอะไรแปลกๆอีกแล้ว ดูไม่ชอบมาพากลเลย”
ถึงสีหน้าหนุนหว่านหนิงจะดูดี แต่ทำให้คนรู้สึกแปลกๆ
เหมือนประหนึ่งหุ่นกระบอก!
เขาถอนหายใจเนิบช้า “ช่างมันแล้วกัน ช่างเป็นความโชคร้ายของข้าจริงๆ!”
“อย่าถึงเวลาหาหยวนเป่าไม่เจอ คนแม่ก็เกิดเรื่องเสียก่อนล่ะ!”
พอเห็นสีหน้าหยุนหว่านหนิงดูไม่ชอบมาพากล เสวียนซันเซียนเซิงไม่วางใจ เลยติดตามไปด้วยร่างกายเบาดุจนกนางแอ่น
….
เสวียนซันเซียนเซิงคาดเดาไม่ผิดเลย ตอนนี้สภาพหยวนเป่าดีมาก
เสื้อผ้าหรูหราราคาแพงบนตัวเขานั้นโดนเปลี่ยนออกไปนานแล้ว ตอนนี้ใส่ชุดชุดยาวตัวน้อยที่ธรรมดายิ่งนัก ชุดยาวขาดวิ่น และไม่พอดีตัวเท่าไหร่
รองเท้าที่เท้ายังขาดเป็นรู
บนหน้าเขาก็ทาน้ำมันไว้หนึ่งชั้น หยวนเป่าไม่รู้ว่าเป็นน้ำมันอะไร แต่ทำให้ผิวดูเหลืองๆ
ผิวที่เดิมขาวเนียนโดนปกปิดไว้หมดแล้ว
ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผ้ารัดเกล้าผมที่หยุนหว่านหนิงใช้หวีให้เขาอย่างเรียบร้อย โดนทิ้งไปนานแล้ว
คราวนี้ ก็เอาผ้าขาดๆมามัดผมที่ยุ่งเหยิงแทน
สภาพนี้ ใครเลยจะจำได้ว่าเขาเป็นพระนัดดาองค์โตที่สูงส่งไร้ใครเทียม?!
ข้างกายเขามีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
ชายหญิงคู่นั้นใส่ชุดธรรมดา หน้าตาก็ธรรมดา
แต่ต่อให้เป็นชุดธรรมดาแค่ไหน ก็ไม่อาจปิดบังท่อนแขนที่กำยำของชายผู้นั้นไว้ได้หมด บนใบหน้าซื่อแข็งแรงนั่น มีประกายคมวาบผ่านในแววตาเป็นระยะ
เขาระแวดระวังตัวมาก จูงมือหยวนเป่าไว้แน่นตลอด
เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร!
ตัวเขาใหญ่ ดังนั้นเรียกเขาว่าชายร่างใหญ่แล้วกัน!
หญิงผู้นั้นหวาดกลัวชายร่างใหญ่มาก ก้มหน้าเดินตามหลังพวกเขาอย่างว่าง่าย
ทั้งบ้านสามคน เหมือนพึ่งลี้ภัยมา
หยวนเป่าไม่ได้ต่อต้าน เดินตามเขามาระยะหนึ่งอย่างว่าง่าย ถึงค่อยเขย่ามือเขา “ข้าคอแห้งแล้ว หิวมากด้วย!”
เขาเงยหน้าขึ้น มองชายร่างใหญ่อย่างน่าสงสาร
ต่อให้เสื้อผ้าขาดวิ่น ใบหน้าถูกทาจนเละเทะ แต่ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้น ทำให้คนอดมองเขาหลายครั้งไม่ได้
ต่อให้เสื้อผ้าซ่อมซ่อขาดวิ่นก็ยากที่จะปกปิดราศีไว้ได้
หยวนเป่าเชื่อฟังว่าง่ายมาตลอดทาง
ชายร่างใหญ่ก้มหัวมองเขา ทำท่าทางดุร้ายออกมา “หิวอีกแล้ว? เจ้าเป็นหมูหรือไง?!”
“แม่ข้าบอกว่า ข้ากำลังโต! ดังนั้นข้าเลยหิวเร็ว”
หยวนเป่ากะพริบตาปริบๆ “อีกอย่างข้าเดินมานานแล้ว เท้าแตกหมดแล้ว! ข้าเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ!”
ระหว่างพูด เขายกขาขวาให้อีกฝ่ายดู “ท่านดู….”
ชายร่างใหญ่เอียงตัวมอง นิ้วเท้าของเขาแดงไปหมดจริงๆ ข้อเท้าก็แตกด้วย
หญิงผู้นั้นอดสงสารไม่ได้ พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ยังไงก็เป็นเด็กอายุสามสี่ขวบ! เดินมาหลายสิบลี้แล้ว เขาต้องเหนื่อยแน่”
“ถ้าไง พักผ่อนสักหน่อยดีไหม?”
“ถามเจ้ารึ?”
ชายร่างใหญ่ถลึงตาใส่นางอย่างดุร้าย ทำเอาหญิงนางนั้นถอยหลังไปหลายก้าว และมองเขาอย่างหวาดระแวง
“เจ้าหิวแล้วจริงๆ?”
เขาหันถามหยวนเป่าอีก
หยวนเป่าพยักหน้า
คราวนี้ชายร่างใหญ่ถึงแกะถุงน้ำที่เอวยื่นให้เขา “กินน้ำรองท้องไปก่อนแล้วกัน! เสบียงกินหมดแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงเมืองข้างหน้าแล้ว”
“พอเข้าเมือง ค่อยหาของกิน”
หยวนเป่าเองก็ไม่ได้ต่อต้าน รับถุงน้ำมาดื่มลงท้องอึกๆ
ท่านแม่เคยบอกว่า ถ้าอยู่ในสถานการณ์คับขัน
อันดับแรกต้องรักษากำลังกายให้เพียงพอก่อน ห้ามทิ้งความคิดที่จะอยู่รอดเด็ดขาด
ศักดิ์ศรีอะไรปล่อยวางไว้อีกด้านหนึ่งก่อน รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด!
พอดื่มน้ำเสร็จ เขาปาดน้ำที่ริมฝีปากออก และคืนถุงน้ำให้กับชายร่างใหญ่ “ขอบคุณท่านอา!”
“ท่านอาอะไร! ข้าเป็นพ่อเจ้า!”
ชายร่างใหญ่ถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้าย “อีกครู่เข้าเมือง ถ้าเจ้ากล้าเรียกผิดครั้งเดียว ข้าจะหักขาเจ้าซะ! เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจแล้ว ท่านพ่อ”
หยวนเป่าหดคอย่น
ถ้าเสด็จพ่อรู้เข้าว่า ชายร่างใหญ่นี่อาจจะโดนทรมานจนอยู่ไม่สู้ตายกระมัง?
ชายร่างใหญ่รับถุงน้ำกลับไปเก็บเข้าที่ และจูงมือหยวนเป่าเดินทางต่อ และไม่ได้สังเกตว่า เมื่อครู่ตอนเขาเช็ดมุมปาก ก็ปาดน้ำมันสีเหลืองที่ปากออกไปส่วนหนึ่ง
ภายใต้น้ำมันเหลือง ผิวขาวดุจหยก
หยวนเป่าก้มหน้าเดินไปหลายก้าวก็บอกอีกว่า “ข้าจะฉี่”
ชายร่างใหญ่ “อะไรกันหนักหนาเจ้าเนี่ย!”
“เมื่อกี้กินน้ำมากไปหน่อย!”
หยวนเป่าบุ้ยปากบอก “ใครให้ท่านไม่เตรียมเสบียงให้มากพอ ข้าเลยต้องกินน้ำแก้หิวแทน!”
ชายร่างใหญ่กุมหัวอย่างหงุดหงิด “นี่โทษข้าอีกหรอ?! ฉี่! ตอนนี้ให้เจ้าฉี่ ถ้าเจ้าฉี่ไม่ออก ข้าจะจับเจ้า…”
กำลังด่าอยู่ ก็มีคนเดินเข้าใกล้
ชายร่างใหญ่รีบหุบปาก ชี้ไปมั่วซั่ว “ไม่ฉี่ข้างทาง ก็ไปฉี่ในพงหญ้าโน่น”
เขาเข้าใกล้หยวนเป่า พลางกระซิบข้างหูข่มขู่ว่า “ถ้าเจ้ากล้าหนี ข้าจะหักขาเจ้าซะ”
หยวนเป่าเดินเข้าไปด้านหลังพงหญ้าข้างทางอย่างเงียบเชียบ
ท่านแม่เคยบอกว่า ต้องเก็บความเป็นส่วนตัวของตนไว้ให้ดี
ต่อให้เป็นเด็ก จะฉี่ก็ห้ามให้คนเห็น!
ตอนออกจากหลังพงหญ้า หยวนเป่าสองตาเป็นประกาย คว้าก้อนหินข้างทางโยนใส่ไม่ไกลนัก “มีกระต่ายตัวหนึ่ง! ไอ้หยาไม่โดน!”
เสียงร้องยินดีของเขาดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้หันกลับมามองดู
ชายร่างใหญ่ร้อนใจนัก คว้าหมับเขาแล้วไป “ไอ้หนู ร้องเอะอะอะไร?! ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว รีบไปเร็ว!”
หยวนเป่าโดนลากไป หญิงผู้นั้นก็ก้มหัวเดินตาม
ใครก็ไม่สังเกตเห็นว่า ก้อนหินที่หยวนเป่าทุบไปนั้นมีลักษณะประหลาด….