อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 422 พระชายาหมิงให้กำเนิดเด็กช่างพูดใช่ไหม
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 422 พระชายาหมิงให้กำเนิดเด็กช่างพูดใช่ไหม
ตลอดทางที่ลักพาตัวหยวนเป่าออกมาจากเมืองหลวง ถึงแม้เจ้าเด็กเปรตคนนี้จะเป็นเด็กดีมาก แต่ชายร่างใหญ่รู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาเต็มไปด้วยแผนร้าย
เจ้าเด็กน้อยคนนี้ มีอุบายไม่น้อยแน่นอน!
ดังนั้นชายร่างใหญ่ไม่กล้าลดการระมัดระวังตัวที่มีต่อเขา
แต่หยวนเป่าดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เพียงแค่ดึงแขนเสื้อของชายร่างใหญ่เอาไว้ กล่าวขึ้นมาอย่างน่าสงสาร “พ่อ ข้าหิวจนหน้าอกติดกับแผ่นหลังแล้ว!”
“กินๆๆ พาเจ้าไปกินแล้วกัน!”
ชายร่างใหญ่จ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “อยากกินอะไร?”
“ข้าอยากกินไก่ย่าง เป็ดย่าง ขาหมูตุ๋นซีอิ๊ว ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน แล้วก็ไส้หมู!”
หยวนเป่านับนิ้วมือ
ชายร่างใหญ่: “……เจ้าแม่งจะกินให้ข้าจนเลยหรือยังไง? ยังจะกินไส้หมูอีก ใครบอกกับเจ้าว่าของสิ่งนั้นมันกินได้กัน? นั่นคือส่วนที่หมูใส่อุจจาระนะ!”
น่าขยะแขยงจริงๆ!
หยวนเป่าย่นจมูก “ท่านแม่ของข้าบอกว่าไส้หมูสามารถกินได้!”
“ท่านแม่ของข้ายังเคยทำให้ข้าด้วย สามารถตุ๋นซีอิ๊ว สามารถตุ๋นน้ำแดง สามารถตุ๋นด้วยการนึ่ง ยังสามารถ……”
เขาพูดพล่ามไม่หยุดราวกับตาแก่น้อย ยังคงนับนิ้วมือต่อไป
หลังจากนับหมดแล้ว ก็พึมพำขึ้นมาอีก “ท่านแม่ของข้าบอกว่า ข้าอยู่ในวัยกำลังเติบโต จำเป็นต้องกินอาหารมีประโยชน์! อีกอย่าง ข้าเคยชินกับกินอาหารอันโอชะ ท่านจะให้ข้ากินอาหารประเภทธัญพืชทุกวันไม่ได้ใช่ไหม?”
“ถึงแม้ว่าท่านจะพาข้าไปถึงที่หมาย คนอื่นเขาเห็นข้ารูปร่างซูบผอม อิดโรยเหลือทน ก็ไม่เชื่อว่าข้าคือพระ……”
คำพูดยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกชายร่างใหญ่ปิดปากเอาไว้แล้ว “เจ้าอยากตายหรือ? !”
เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า
เห็นไม่มีใครสนใจมองพวกเขา ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ตะโกนออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย”
หยวนเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง กะพริบตาเป็นการแสดงออกว่าเขาไม่พูดแล้ว ชายร่างใหญ่ถึงได้ปล่อยมือออก
“เพราะฉะนั้นท่านต้องให้ข้ากินของอร่อย มิเช่นนั้นข้าจะไม่กิน ข้าจะอดอาหาร ข้าจะทำให้ตัวเองหิวจนตาย”
หยวนเป่าพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วก็ปิดปากตัวเองเอาไว้ กะพริบดวงตามองดูเขาอย่างไร้เดียงสา
ชายร่างใหญ่ถูกเขาพูดอยู่ตลอดจนในหัวดังหึ่งๆๆ
เขาโบกไม้โบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ “ไปๆๆ พาเจ้าไปกินของอร่อยก็ได้ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว!”
หยวนเป่าถึงได้ถูกเขาจูงไปด้วยรอยยิ้ม
เขาเลือกโรงเตี๊ยมที่แพงที่สุดของเมืองอี้ ทันทีที่เข้าประตูมาก็เรียกเถ้าแก่มาสั่งอาหาร ยังสั่งอาหารไปมากมาย ถึงแม้จะไม่ใช่อาหารแนะนำของโรงเตี้ยม แต่ทั้งหมดก็มีมูลค่าไม่น้อย
เถ้าแก่อดที่จะมองพวกเขาครู่หนึ่งไม่ได้
มองดูพวกเขาทั้งสามคนหาโต๊ะนั่งลงได้แล้ว เถ้าแก่พึมพำเสียงเบา “คนอะไรน่ะ?”
“มองดูเหมือนชาวบ้านลี้ภัย ยังสั่งแต่อาหารดีๆ มีปัญญากินหรือ?”
เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับลูกคิด “ลูกค้าทุกท่าน ข้าขอคำนวณให้พวกท่านก่อน อาหารที่พวกท่านสั่งเมื่อครู่นี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่”
“ยังไม่ได้กินก็จะคิดเงินแล้วหรือ?”
ชายร่างใหญ่ไม่พอใจ “ยกอาหารมาก่อน! ไม่เห็นหรือว่าเราหิวกันมากแล้ว? !”
เถ้าแก่อดที่จะมองดูเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งบนร่างกายของพวกเขาไม่ได้ ถึงได้สังเกตเห็นสีผิวตรงมุมปากที่แตกต่างออกไปของหยวนเป่า สายตาของเขาเป็นประกายวับครู่หนึ่ง
“ลูกค้า ชี้แจงเอาไว้ล่วงหน้า โรงเตี๊ยมของเราไม่ทำการกุศล”
“ตาเฒ่าคนนี้นี่ เจ้ากำลังดูถูกเราอยู่หรือ? !”
ชายร่างใหญ่อารมณ์ร้อนขึ้นมา!
เขาท่องอยู่ในยุทธภพอย่างอิสระมาครึ่งชีวิต ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับเขามาก่อนเลย!
เห็นว่าเขาจะลงมือ หยวนเป่าก็คว้าตัวเขาเอาไว้ “พ่อ มีอะไรก็พูดกันดีๆสิ! ท่านลุงเถ้าแก่ท่านนี้อาจจะเห็นว่าเราเหมือนกับชาวบ้านลี้ภัย ดังนั้นจึงกลัวว่าเราจะไม่มีเงินจ่าย นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
“เดิมทีท่าทางของเราก็ทุลักทุเลมากอยู่แล้ว!”
ชายร่างใหญ่ถึงได้สงบสติอารมณ์ลงมาเล็กน้อย
เขาฮึเสียงเย็นชา ควักเงินออกมาจากในกระเป๋าหนึ่งแท่ง วางเอาไว้บนโต๊ะอย่างแรง “เบิกตาของเจ้าแล้วมองให้ชัดเจน นายท่านเช่นข้ามีแต่เงินทั้งนั้น!”
“เงินนี้ พอจ่ายค่าอาหารที่สั่งไปเมื่อครู่นี้หรือเปล่า? !”
ชายร่างใหญ่กล่าวถามอย่างเด็ดขาดทรงพลัง
เถ้าแก่ตะลึงงัน
เขาหยิบเงินขึ้นมากัดคำหนึ่ง ถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา “พอแล้วพอแล้ว ทุกท่านโปรดรอสักครู่ อาหารจะมาในไม่ช้า!”
เถ้าแก่หันหลังจากไป
ชายร่างใหญ่มองดูหยวนเป่าอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่เคยต้องโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อน? ทำไมเจ้าต้องขวางข้าเอาไว้ด้วย? !”
“พ่อ นี่คือความผิดของท่านแล้ว! ตอนนี้เรากำลังหนีภัยพิบัติอยู่นะ! คนอื่นเขาสงสัยก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่หรือ? ถ้าหากท่านลงมือ ก็คือการจงใจทำให้คนเกิดความสงสัยไม่ใช่หรือ?”
หยวนเป่าดูเหมือนเด็กหนุ่มท่าทางสุขุมจัดการเรื่องต่างๆอย่างช่ำชอง สั่งสอนชายร่างใหญ่อย่างจริงจังและอดทนราวกับผู้เฒ่าผู้แก่
ชายร่างใหญ่: “……”
ความสามารถในการยอมรับของเจ้าเด็กเปรตคนนี้ค่อนข้างเร็วจริงๆ!
เขาเสพติดการแสดงแล้วใช่ไหมเนี่ย?
นึกว่าพวกเขากำลังหนีภัยพิบัติอยู่จริงหรือ?
นึกว่าพวกเขาคือพ่อลูกกันจริงหรือ? !
เจ้าเด็กเปรตคนนี้ กำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่กันแน่…….
เถ้าแก่ยกติ่มซำมาให้ก่อน หยวนเป่าคว้าขึ้นมา! ยัดติ่มซำเข้าไปในปาก ขณะที่กินยังวิจารณ์ติ่มซำจานนี้ไปด้วย “ไม่อร่อย ระดับความแรงของไฟไม่ถึงที่”
“น้ำตาลมากเกินไป นิ่มไม่เพียงพอ”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา มองดูเขาเป็นครั้งคราว สายตาแปลกประหลาด
เถ้าแก่ก็มองดูหยวนเป่าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เด็กคนนี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย!
เขาเอามือเท้าคาง ทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิด
มองดูเหมือนเขาหนีภัยพิบัติออกมา แต่ลักษณะท่าทางทั่วทั้งร่างกายก็แตกต่างกับชายร่างใหญ่และคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง อีกอย่างอายุน้อยๆ เหมือนเคยเห็นอะไรมากมายมาก่อน
ไม่เพียงแต่กินอาหารที่ดีที่สุด แต่ยังสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองอีกด้วย……
“มองอะไร? !”
ชายร่างใหญ่หันหลังไป เห็นเถ้าแก่ยังยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ไม่เคยเห็นคนกินติ่มซำหรือ? ไสหัวไป!”
เถ้าแก่รู้ว่าชายร่างใหญ่ไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ง่ายๆ แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี รีบร้อนจากไปอย่างเชื่อฟัง
ดูแลจัดการโรงเตี๊ยม ทุกวันต้องต้อนรับผู้คนหลากหลายประเภท
เขาฝึกฝนจนมีตาทิพย์สามารถรู้ทุกเรื่อง สามารถแยกแยะได้ว่าใครสามารถยั่วยุได้ ใครไม่สามารถยั่วยุได้
ชายร่างใหญ่ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ง่ายๆ……
แต่ว่าพวกเขาสามคน ก็ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง
จะว่าชายร่างใหญ่คนนั้นกับหญิงนางนั้นเป็นสามีภรรยากัน แต่ดูรูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองคนก็ไม่เข้ากันเลย คนหนึ่งหยาบคาย อีกคนขี้ขลาด และทั้งคู่ดูแล้วก็น่าจะมีอายุสามสี่สิบแล้วมั้ง?
แต่เด็กน้อยที่อยู่ข้างกาย ดูแล้วอายุก็แค่ประมาณสี่ขวบเท่านั้น
ท่าทางที่เฉลียวฉลาดซุกซนของเขา ก็สร้างความขัดแย้งกับพวกเขาทั้งสองคนอย่างชัดเจน
นี่……มันดูแปลกมาก
เถ้าแก่ยืนอยู่หลังโต๊ะสำหรับรับจ่ายเงิน เอามือเท้าคางแล้วครุ่นคิดต่อไป
ไม่ช้า อาหารก็ถูกยกขึ้นมา
หยวนเป่าคว้าน่องไก่ขึ้นมาแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่กินไปก็เริ่มขึ้นมาอีกแล้ว “น่องไก่นี่ยังไม่ได้รสชาติเลย! กินแล้วได้กลิ่นเหมือนอาหารเหลือเลย!”
“อร่อยสู้ที่ท่านแม่ของข้าทำไม่ได้!”
ชายร่างใหญ่สุดจะทนแล้ว!
ตลอดทางมานี้ หยวนเป่าอ้าปากก็พูดว่า “ท่านแม่ของข้าท่านแม่ของข้า” อยู่ตลอด
ปากเล็กๆนั่นไม่เคยหยุดมาก่อน!
“กินอาหารก็ไม่สามารถอุดปากของเจ้าได้!”
เขาแย่งเอาน่องไก่ไป “รังเกียจว่ากลิ่นอาหารเหลือแรง เจ้าก็ไม่ต้องกินแล้ว!”
ที่พระชายาหมิงให้กำเนิดไม่ใช่พระนัดดาองค์โต นี่คือให้กำเนิดเด็กช่างพูดใช่ไหม? !
ก็ไม่รู้ว่า ในเวลาปกติอ๋องหมิงกับพระชายาหมิง ทนเจ้าเด็กช่างพูดคนนี้ได้อย่างไร……ชายร่างใหญ่รู้สึกเพียงว่าทันทีที่หยวนเป่าเอ่ยปาก มันเหมือนกับยุงนับไม่ถ้วนบินไปบินมาส่งเสียงหวี่ๆๆอยู่ข้างหู
หยวนเป่าเบะปากเล็กๆ “ท่านไม่ให้ข้ากิน ข้าก็จะทำให้ตัวเองอดตาย!”
ชายร่างใหญ่: “……”
คำข่มขู่ที่ “น่ากลัว” นี่มาอีกแล้ว!
เขาอยากตีคนแล้ว!
พวกเขาสองคนใครเป็นคนลักพาตัว ใครเป็นคนถูกลักพาตัวกันแน่? !
เถ้าแก่ที่สังเกตมองพวกเขาอยู่ตลอด เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจเงียบๆแล้ว
อาศัยตอนที่พวกเขาไม่สังเกต เขาแอบออกไปจากโรงเตี้ยมเงียบๆ……