อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 425 อยู่ใกล้ลูกชายแค่เอื้อม
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 425 อยู่ใกล้ลูกชายแค่เอื้อม
ก่อไฟขึ้นมา ชายร่างใหญ่ใช้ไม้เสียบไก่ย่างเมื่อวานนี้มาย่างให้กับเขา
บนน่องไก่ “ฉ่าๆๆ” มีน้ำมันไหลออกมา กลิ่นหอมโชยปะทะจมูก หยวนเป่าอดที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ “พ่อท่านได้กลิ่นหรือไม่ หอมจังเลย!”
เขาลุกยืนขึ้นมาปรบมือด้วยความดีใจ กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
ชายร่างใหญ่เงยหน้ามองดูเขาครู่หนึ่ง “นั่งลง!”
“เสื้อผ้าเปียกไปหมดแล้ว เพิ่งให้มันแห้ง”
กลิ่นหอมขนาดนี้ เขาไม่ได้กลิ่นสิแปลก!
กินไก่ย่างแล้ว ชายร่างใหญ่ก็จะพาเขาเดินทางต่อ หยวนเป่าลูบไปที่หนังท้อง “พ่อ เราพักผ่อนครู่หนึ่งค่อยเดินทางต่อเถอะ! ข้ากินอิ่มเกินไปหน่อย!
ขณะที่พูดก็หาวไปด้วย ท่าทางนั่นดูไม่เหมือนแกล้งทำ
ชายร่างใหญ่รู้สึกหมดคำพูดอย่างมาก
วันหน้าเขาจะไม่รับงานลักพาตัวเด็กน้อยอีกแล้ว!
เรื่องมาก แถมยังทุบตีด่าว่าไม่ได้ มิเช่นนั้นเด็กน้อยก็จะใช้สายตาน่าสงสารมองดูเขา……
ใครมันจะยังสามารถลงมือได้อีก? !
หยวนเป่านั่งอยู่ข้างกองไฟ แล้วก็จับก้อนหินที่อยู่ด้านข้างเริ่มวาดภาพขึ้นมาอีก วาดเสือน้อยท่าทางกำยำน่าเอ็นดูขึ้นมาตัวหนึ่ง เขายังยื่นให้กับชายร่างใหญ่ “พ่อท่านดูสิ!”
“เจ้าเสือน้อย! สวยไหม?”
เจ้าเสือน้อย?
ชายร่างใหญ่มองดูเขาเหมือนกับมองดูคนโง่ “นั่นเรียกว่าเสือ!”
หยวนเป่าก็เบ้ปากแล้ววางก้อนหินลง “มันคือเจ้าเสือน้อยชัดๆ”
เขาคว้าดินโคลนเปียกบนพื้นขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปในกองไฟ “การก่อไฟในป่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เราต้องดับไฟก่อน”
เห็นประกายไฟมอดหมดแล้ว เขาถึงได้จากไปพร้อมกับชายร่างใหญ่
เมื่อล่าช้าเช่นนี้ ก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว
ชายร่างใหญ่ไม่ได้สงสัยในตัวเขา พาหยวนเป่าจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาจากไปอย่างเร่งรีบเกินไป ไม่ได้สังเกตเห็นว่ากองไฟที่ถูกหยวนเป่าดับไปเมื่อครู่นี้ ควันกำลังลอยขึ้นมา……
ไม่เกินสิบห้านาที พลทหารของเมืองอี้ก็ไล่ตามมาแล้ว
พวกเขาถูกควันพวกนี้ดึงดูดมา
“ดูสิ! ไฟนี่เพิ่งจะดับลงไม่นาน พวกเขาต้องจากไปทางทิศทางนี้แน่นอน รีบไล่ตามไป!”
……
ในเวลาเดียวกันนี้ หยุนหว่านหนิงและพรรคพวกก็ไล่ตามมาถึงเมืองอี้แล้ว
ตลอดทางมานี้ พวกเขาล้วนติดตามมาจากเบาะแสของรูปวาดแบบง่ายที่หยวนเป่าทิ้งเอาไว้ ภายในช่องว่างของหยุนหว่านหนิง มีก้อนหินกองอยู่ยี่สิบกว่าก้อนแล้ว ข้างบนเป็นรูปวาดแบบง่ายแบบต่างๆ
เมื่อรู้ว่าอ๋องหมิงกับพระชายาหมิงมาถึงแล้ว หยางกว่างเซิงนายอำเภอของเมืองอี้รีบร้อนเข้ามาต้อนรับ
หลังจากน้อมทักทายด้วยความเคารพนบนอบแล้ว หยางกว่างเซิงก็รีบรายงาน “ท่านอ๋อง พระชายา ตามที่เจ้าของโรงเตี๊ยมซงซิงเล่ามา เมื่อวานเขาเห็นชายหญิงคู่หนึ่งพาเด็กคนหนึ่งมากินอาหารที่โรงเตี๊ยม”
“เขาสังเกตเห็นว่าทั้งสามคนค่อนข้างผิดปกติ จึงมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ”
“ข้าน้อยได้สั่งให้คนไล่ตามไปแล้ว คิดว่าไม่ช้าก็จะมีข่าวส่งมาแน่นอน”
ได้ยินคำพูด สีหน้าท่าทางของหยุนหว่านหนิงตกตะลึง “เมื่อวาน? !”
“ขอรับ เมื่อวาน”
หยางกว่างเซิงกล่าวตอบอย่างเคารพนบนอบ “เมื่อวานชายหญิงคู่นั้นพาเด็กเข้ามาในเมืองอี้ แต่เด็กคนนั้นหน้าตาไม่ได้เหมือนกับภาพเหมือนของพระนัดดาองค์โตเตี้ยนเซี่ย”
“ดังนั้นจึงไม่ได้ขวางเอาไว้”
“พวกเขามีลักษณะอย่างไร?”
โม่เยว่ถามเสียงเย็นชา
“ผู้ชายสูงประมาณหกฟุตกว่า ดูเป็นคนซื่อๆ แต่ร่างกายกำยำ ตามที่เจ้าของโรงเตี๊ยมซงซิงเล่ามา ชายร่างใหญ่คนนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก”
หยางกว่างเซิงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน บอกพวกเขาไปตามคำพูดเจ้าของโรงเตี๊ยม “หญิงนางนั้น……”
“อ่อนแอขี้ขลาด ทั้งสองคนดูเหมือนจะอยู่ในวัยสี่สิบกว่า! เด็กคนนั้นตัวสูงประมาณนี้”
เขายื่นมือออกไป ทำท่าทางอยู่ตรงบริเวณเอวของตัวเอง “ดูแล้วเด็กอายุสามสี่ขวบ แต่ความสูงดูเหมือนจะสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันเล็กน้อย”
ในใจของหยุนหว่านหนิงมีความหวังผุดขึ้นมา “พูดต่อไป!”
“แต่ว่าเด็กคนนั้นดูแล้วหน้าเหลืองซูบซีดเล็กน้อย! ไม่สะอาดสะอ้านมีสง่าเท่าพระนัดดาองค์โต!”
ขณะที่พูดไป หยางกว่างเซิงก็สั่งการให้พลทหารผู้ตรวจสอบที่ประตูเมืองเข้ามา ให้เขาอธิบายอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง
“ท่านอ๋อง พระชายา เด็กคนนั้นพูดจาฉะฉาน”
เบาะแสเพียงเล็กน้อยพลทหารก็ไม่กล้าให้ขาดตกไป อธิบายทุกอย่างอย่างละเอียด “บ่าวสอบถามชายร่างใหญ่คนนั้น ใครจะรู้ว่าเด็กคนนั้นจะชิงตอบขึ้นมาก่อน”
“เด็กบอกว่าพวกเขาหนีภัยพิบัติมาจากทางใต้สุด กำลังจะมุ่งหน้าไปขอพึ่งพาอาศัยญาติ!”
“ขณะที่เขาพูดไปยังกล่าวถามชายร่างใหญ่คนนั้นด้วย ถามว่าพวกเขาจะไปพึ่งพาใคร”
“ใช่แล้ว เด็กคนนั้นเรียกชายร่างใหญ่คนนั้นว่าพ่อด้วย! ชายร่างใหญ่บอกว่า พวกเขาจะมุ่งหน้าไปขอพึ่งพาอาศัยญาติที่เมืองเซียง!”
“ทางใต้สุด?”
หยุนหว่านหนิงหรี่สายตาลงเล็กน้อย “นั่นคือเมืองหลวงไม่ใช่หรือ? !”
สีหน้าของนางขรึมลงทันที จ้องมองพลทหารอย่างไม่ละสายตา “สำเนียงการพูดของเด็กคนนั้นคือสำเนียงเมืองหลวงใช่ไหม? !”
หยวนเป่าเติบโตในจวนอ๋องหมิงมาตั้งแต่เด็ก ย่อมพูดด้วยสำเนียงเมืองหลวงอยู่แล้ว
พลทหารชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาบางๆแล้ว “พระชายา เด็ก เด็กคนนั้นพูดเสียงคมชัด เป็นสำเนียงเมืองหลวงจริงๆ!”
“แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงกัดฟันแน่นแล้วถามต่อไป
สีหน้าของพลทหารซีดขาวมากยิ่งขึ้น เสียงต่ำลงมา “ดูเหมือน ดูเหมือนจะไม่ใช่สำเนียงเมืองหลวง……”
“บัดซบ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ โม่เยว่ก็คำรามด้วยความโกรธ ใช้เท้าเตะเข้าไปอย่างแรง!
พลทหารถูกลูกเตะนี้ เตะออกไปนอกประตูโดยตรง!
สำเนียงการพูดของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติแล้ว!
“คนหนึ่งคือสำเนียงเมืองหลวง อีกคนไม่ใช่สำเนียงเมืองหลวง อายุแตกต่างกันมาก แล้วจะเป็นพ่อลูกกันได้อย่างไร? ! คนไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างพวกเจ้า ทำงานกันอย่างไร? !”
หยวนเป่าพยายามอย่างเต็มที่ ทิ้งเบาะแสมากมาย และชัดเจนขนาดนี้ให้กับพวกเขาแล้ว
เดิมทีตรงหน้าประตูเมืองของเมืองอี้ ขอเพียงพลทหารพวกนี้ใส่ใจกว่านี้เล็กน้อย ก็จะสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติ ขวางชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้โดยตรง และช่วยหยวนเป่าเอาไว้!
แต่พวกเขาดันไม่พบอะไรเลย!
“เจ้าพวกไม่เอาไหน!”
โม่เยว่โมโหสุดขีด!
แค่คิดถึง หยวนเป่าถูกชายร่างใหญ่คนนั้นบังคับให้เรียก “พ่อ” ความโกรธที่อัดแน่นเต็มอกของเขาก็ระงับเอาไว้ไม่อยู่!
จนถึงตอนนี้ ไม่ง่ายกว่าที่ลูกชายจะยอมรับเขาเป็นพ่อ ยังไม่ทันได้เรียกให้อุ่นใจเลย ใครจะรู้ว่ากลับถูกโจรชั่วนั่นบังคับให้เรียก “พ่อ” ? !
เห็นโม่เยว่บันดาลโทสะ หยุนหว่านหนิงไม่ได้ขัดขวาง
เวลานี้ ถึงแม้โม่เยว่จะไม่ลงมือ นางก็จะลงมืออย่างแรงเช่นกัน!
พลทหารพวกนี้ ทำไมถึงโง่ได้ถึงขั้นนี้!
ใครจะรู้ว่า ในตอนที่หยวนเป่าคิดหาทุกวิถีทาง เสี่ยงที่จะทิ้งเบาะแสเอาไว้ ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าจะถูกชายร่างใหญ่จับได้ และถูกทุบตี……ในใจมีความคาดหวังขนาดไหน คาดหวังว่าพลทหารพวกนี้จะสามารถรู้สึกถึงความผิดปกติ แล้วช่วยเขาเอาไว้!
แต่คนโง่พวกนี้ดันไม่รู้อะไรเลย!
ตอนนั้น ในใจของลูกชายจะรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหน? !
ไม่ง่ายกว่าที่จะสามารถขอความช่วยเหลือได้ คำใบ้ของเขากลับไม่มีใครสังเกต
มันเหมือนกับความสิ้นหวัง ของการเปี่ยมไปด้วยความหวัง แล้วค่อยๆดับไปทีละนิด……
หัวใจของหยุนหว่านหนิงเหมือนถูกมีดกรีด!
นางปิดปากเอาไว้พยายามจะไม่ส่งเสียงออกมา น้ำตาหยดใหญ่ร่วงหล่นลงมาบนหลังมือ
หากเมื่อวานพวกเขาช่วยหยวนเป่าเอาไว้ วันนี้ครอบครัวสามคนของพวกเขาก็สามารถรวมตัวกันได้แล้ว อยู่ใกล้กับลูกชายแค่เอื้อม แต่กลับคลาดกันเพราะความประมาทเลินเล่อของพลทหาร!
จะให้หยุนหว่านหนิงไม่เจ็บปวดได้อย่างไร? !
“สมควรตาย! พวกเจ้าล้วนสมควรตาย!”
โม่เยว่โมโหสุดขีด หยางกว่างเซิงไม่แม้แต่จะหายใจแรงเช่นกัน
หยุนหว่านหนิงหันหลังออกไปจากศาลาว่าการอำเภอ แล้วไปที่โรงเตี๊ยมซงซิง
หรูอวี้ก็รีบตามไปทันที
ตลอดทางมานี้สภาวะของพระชายาผิดปกติมาก สองวันก่อนหน้านี้ก็กระอักเลือดเพราะร้อนใจที่เตี้ยนเซี่ยหายตัวไป หากพระชายาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก พวกเขาก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!
ในตอนที่เข้าไปในโรงเตี๊ยม เถ้าแก่กำลังทำบัญชีอยู่
เห็นลักษณะท่าทางของหยุนหว่านหนิงไม่ธรรมดา……
เขารีบร้อนออกมาจากหลังโต๊ะสำหรับรับจ่ายเงินแล้วมาต้อนรับด้วยตัวเอง “แม่นางท่านนี้ต้องการจะพักโรงเตี๊ยมหรือว่า……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ หยุนหว่านหนิงก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เขา “เถ้าแก่ ข้ามีเรื่องจะถามท่าน”
เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของนาง สายตาของเถ้าแก่เปลี่ยนไปทันที!