อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 48 เจ้าถอดให้ข้า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 48 เจ้าถอดให้ข้า
ร่างของเขาหายไปในความมืด
หยุนหว่านหนิงถอนหายใจเสียงต่ำ กำลังจะหมุนตัวไป ก็พลันได้ยินเขาพูดคล้ายกระซิบ “ข้าไปทำธุระหน่อย”
เมื่อครู่เขาอธิบายให้เธอฟัง?
หยุนหว่านหนิงกระพริบตาปริบๆ อุ้มหยวนเป่ากลับเรือนชิงหยิ่งอย่างรวดเร็ว
ตอนโม่เยว่ออกไป หรูยี่และหรูโม่ก็ตามออกไป
เธอวางหยวนเป่าลงบนเตียง หยุนหว่านหนิงก็เดินเข้าไปในห้องครัว
ต่อให้ตอนนี้เรือนชิงหยิ่งมีคนรับใช้อยู่ งานพวกนี้ไม่จำเป็นต้องให้เธอทำเอง แต่เธอชินแล้ว ต้องลงมือทำอาหารให้หยวนเป่าทุกวัน
หรูเยียนตามเธอเข้าห้องครัวราวกับเงาตามตัว
เจ้านายและบ่าวสองคนแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน หลายเดือนมานี้ได้กลายเป็นความรู้ใจกันไปแล้ว
หยุนหว่านหนิงเตรียมอาหาร หรูเยียนจุดเตา
“เจ้านายเจ้าคืนนี้เป็นอะไรกันแน่?”
เธอเลือกผักไป ก็ถามหรูเยียนไป
การหยิบฟืนของหรูเยียนชะงักกึก เห็นนางตอบขมวดคิ้วว่า “ในเมื่อนายท่านไม่บอกพระชายา ข้าน้อยก็ไม่กล้าพูด รอนายท่านกลับมาก่อนแล้ว พระชายาถามนายท่านเองกับปากเถอะ”
หรูเยียนเป็นคนดื้อ!
หยุนหว่านหนิงเบ้ปาก “ถ้าข้าให้เขาพูดออกจากปากได้ ข้าจะต้องถามเจ้ารึ?”
นี่เป็นคำพูดจากใจจริง
แต่ว่าเห็นแต่ที่นางเป็นห่วงนายท่านของตน…
หรูเยียนเผยข่าวบางอย่างให้เธอ “ความสัมพันธ์ของอ๋องหยิงกับนายท่าน บัดนี้ได้ยกความบาดหมางออกมาอย่างเปิดเผยแล้ว”
“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ราชการตอนเช้าวันนี้อ๋องหยิงได้ถวายฎีกาฟ้องเรื่องนายท่านต่อหน้าฮ่องเต้”
“หือ?”
หยุนหว่านหนิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย “เขาฟ้องโม่เยว่ทำอะไร?”
“สตรีวังหลังไม่อาจยุ่งเรื่องข้อราชการ อ๋องหยิงฟ้องว่า พระชายาท่านล้ำเส้นแล้ว”
หรูเยียนบอกเสียงเรียบ
จุดนี้หยุนหว่านหนิงรู้ดี
สตรีวังหลังไม่อาจยุ่งเรื่องข้อราชการ
สตรีในเรือนหลังก็เหมือนกัน
อาจเพราะโม่หุยเฟิงรู้ว่า เบื้องหลังโม่เยว่มีหยุนหว่านหนิงคอยวางแผนให้ ถ้าแผนที่นางคิดไม่มีอะไร โม่หุยเฟิงต้องเยาะหยันเหยียดหยามแน่
แต่พอมีแผนการของหยุนหว่านหนิง….
ค่ายเสินจีของโม่เยว่ บัดนี้ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ เขายิ่งได้รับความวางใจจากฮ่องเต้มากขึ้น
แบบนี้ โม่หุยเฟิงรู้สึกว่า เขายิ่งอันตรายกับตนมากขึ้น
ดังนั้นวันนี้เลยอาศัยเรื่องนี้ฟ้องโม่เยว่หนักๆหนึ่งเล่ม
สายตาหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนเล็กน้อย “แล้วเสด็จพ่อลงโทษท่านอ๋องแล้ว?”
“อืม ดุด่าต่อว่าต่อหน้าข้าราชบริพารหนึ่งยก”
หรูเยียนพูดอย่างเรียบง่าย แต่สีหน้าหยุนหว่านหนิงกลับไม่สู้ดีนัก คนรักหน้าตาขนาดนั้นอย่างโม่เยว่ โม่จงหรานกลับต่อว่าต่อหน้าทุกคน…
“งั้นท่านอ๋องเอาคืนอ๋องหยิงไหม?”
เธอรู้ว่า โม่เยว่เป็นคนมีแค้นต้องชำระ
ตอนนักฆ่าบุกเรือนชิงหยิ่งครั้งก่อน สืบได้ว่าเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหยิง โม่เยว่ก็แย่งค่ายเสินจีมาเลย แถมยังริบอาวุธของค่ายห้ากองพล จัดการลงโทษทหารหลายคนของค่ายห้ากองพล เท่ากับเป็นการตบหน้าโม่หุยเฟิงอย่างแรง
ครั้งนี้การที่ฟ้องโม่เยว่หนึ่งเล่มของโม่หุยเฟิง ดูจะเกี่ยวข้องกับเงินหนึ่งพันตำลึงทองนั่น
สรุปแล้ว เขาไม่อยากยอมแพ้
“ท่านอ๋องริบกระบี่ประจำตัวอ๋องหยิงต่อหน้าข้าราชบริพารทั้งหมด”
หรูเยียนตอบหน้านิ่ง
“พรืด”
หยุนหว่านหนิงยิ้มเสียงต่ำออกมา “ดูเป็นเรื่องที่เขาทำได้!”
ดังนั้นนักฆ่าในคืนนี้ เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นโม่หุยเฟิงส่งมารึ?
เหมือนโดนโม่เยว่ตบหน้าเข้าให้อีกรอบ และยังตบอย่างสมเหตุสมผล…. เขาดูแลค่ายเสินจี มีอำนาจในการริบกระบี่ประจำตัวของโม่หุยเฟิงจริงๆ ดังนั้นอีกฝ่ายเลยร้อนใจเดือดดาล
“งั้นคืนนี้โม่เยว่ไปคิดบัญชีกับโม่หุยเฟิง?”
คิดถึงคำพูดนั้นก่อนออกไปของเขา “ไม่ว่าได้ยินความเคลื่อนไหวอะไรข้างนอก ก็ห้ามออกมาเด็ดขาด” หยุนหว่านหนิงเงยหน้ามองหรูเยียน “หรือว่าโม่หุยเฟิงมาคิดบัญชีกับเขาแทน?”
หรูเยียนไม่ได้พูดอะไร
แต่หยุนหว่านหนิงรู้ว่า เธอเดาถูกแล้ว
ไม่คิดว่า โม่หุยเฟิงจะใจกล้าขนาดนี้ กล้าลอบฆ่าโม่เยว่อย่างเปิดเผย และยังมาหาเรื่องถึงที่!
“โม่หุยเฟิงเจ้าเล่ห์เพทุบาย….”
หัวใจของเธอเหมือนลอยคว้างกลางอากาศ
ปกติถึงโม่เยว่จะเย็นชา แต่ก็ยังมีศีลธรรม โม่หุยเฟิงน่ะไม่แน่
คนที่แม้แต่ศีลธรรมยังไม่มี เท่ากับคนเดนตาย!
เห็นนางเป็นห่วงโม่เยว่จริงๆ น้ำเสียงหรูเยียนอ่อนโยนลงมาหน่อย “พระชายามิต้องกังวลไปดอก นายท่านของเรามิใช่คนที่รังแกได้ง่ายๆ”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้พูดอะไร
มีหรูโม่และหรูยี่อยู่ข้างกาย คิดว่าโม่เยว่คงไม่เป็นอะไรหรอก
ในเมื่อเขากำชับเธอว่าอย่าออกไป เธอก็จะทำเป็นไม่รู้อะไรแล้วกัน
ในค่ำคืนมืดมิดนี้ จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงเขาด้วย
โม่เยว่เองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็น เธอทำอาหารเย็นเรียบร้อย รอเขากลับมากินแล้วกัน
ขนาดตัวหยุนหว่านหนิงเองยังไม่รู้สึกว่า เธอคิดถึงคำว่า “รอเขากลับมา” สี่คำนี้อย่างเป็นธรรมชาติไม่มีลังเลเลยสักนิด
เหมือนกับว่า เป็นภรรยาที่ทำอาหารเรียบร้อย อยู่บ้านรอสามีกลับมาทาน
อาจเพราะหลายเดือนมานี้ โม่เยว่มาขอข้าวกินที่เรือนชิงหยิ่งเป็นประจำจนเคยชินแล้วล่ะมั้ง
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว จากนั้นเด็ดผักชีฝรั่งหลายก้าน
โม่เยว่ชอบกินบร็อคโคลี่ เธอก็เลยเตรียมทำบร็อคโคลี่ผัดน้ำแดง
ทุกอย่างล้วนทำผัดน้ำแดงได้!
หลังจากทำอาหารเรียบร้อย ให้หยวนเป่าตื่นมากินแล้ว เขาก็หลับไปอีก แต่โม่เยว่ยังไม่กลับมาหยุนหว่านหนิงไม่สบายใจ เลยเอากับข้าวมาอุ่นในหม้อรอ
หรูเยียนอยู่ดูแลหยวนเป่า เธอยืนถือเสื้อผ้า นั่งรอหลังประตูใหญ่
ค่ำคืนเย็นจัด มือที่ถือตะเกียงของเธอออกจะซีดเล็กน้อย
จะว่าไปแล้วโม่เยว่เจอเรื่องนี้ “ตัวต้นเหตุ” คือเธอ
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม โม่เยว่ที่ “ไม่มีทางเกิดเรื่อง” ตามที่หยุนหว่านหนิงคิดกลับมาแล้ว
แขนเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด เลือดสดยังไหลริน กลิ่นคาวเลือดบนตัวคละคลุ้ง ตอนเข้าประตูมา หรูโม่และหรูยี่ช่วยพยุงเขาเข้ามา ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนัก
เห็นด้านหลังประตูมีคนนั่งถือตะเกียงรออยู่
เขาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นถามเสียงต่ำว่า “เจ้านั่งทำอะไรที่นี่?”
เขายังคิดว่าเป็นคนรับใช้เฝ้าประตู
หยุนหว่านหนิงรีบลุกขึ้น “ท่านเป็นอะไรน่ะ? ได้รับบาดเจ็บรึเปล่า?”
“มิเป็นไร”
เขายืนตัวตรงอย่างเงียบเชียบ ทำเชิงให้หรูโม่กับหรูยี่ไป
“ท่านได้รับบาดเจ็บรึ?”
หยุนหว่านหนิงถือตะเกียงเดินเข้าใกล้
เขาอยู่ในชุดสีดำแดง ในค่ำคืนมืดมิดนี้ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บ ก็มองรอยเลือดบนเสื้อผ้าไม่ออก
แต่กลิ่นคาวเลือดนั่น อยู่ไกลยังได้กลิ่นเลย
เขาไม่ได้พูดอะไร หยุนหว่านหนิงถามอีกอย่างใจเย็น “บาดเจ็บตรงไหน?”
น้ำเสียงมีความมั่นใจ มั่นใจว่าเขาได้รับบาดเจ็บแน่
“ข้ามิได้…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนนางย้อนกลับไปว่า “หลังมือท่านยังมีเลือดไหล ท่านได้รับบาดเจ็บแล้ว!”
ถ้าเป็นเลือดคนอื่น ไม่มีทางไหลไม่หยุด
ในเวลานี้เอง บนพื้นมีกองเลือดย่อมๆอยู่กองหนึ่ง เลือดนั่นยังไหลลงเรื่อยๆไม่หยุด
ไม่รอเขาเปิดปาก หยุนหว่านหนิงก็ลากมือเขาเดินไปทางเรือนชิงหยิ่ง “ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังกัดฟันทนอยู่ โม่เยว่ ข้านับถือว่าท่านเป็นลูกผู้ชายจริง!”
โม่เยว่ปรายตามองนาง ไม่พูดอะไร
หยุนหว่านหนิงลากเขาเข้าไปในเรือนชิงหยิ่ง
“ถอด”
เธอหันหลังให้เขา เตรียมเหล้าและยารักษาบาดแผลไปพลาง ออกคำสั่งไปพลาง
ใครจะรู้พอเตรียมของเสร็จ กลับเห็นเขายืนที่เดิมไม่ขยับเลย
พอสบกับสายตาทุ่มลึกของเขา หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วบอก “ท่านไม่ถอด ข้าจะทำแผลให้ท่านยังไง?”
“ข้าได้รับบาดเจ็บแล้ว”
โม่เยว่ยกมือขึ้น “เจ้าถอดให้ข้า”