อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 49 ข้าเป็นชายทั้งแท่ง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 49 ข้าเป็นชายทั้งแท่ง
“เจ้าคงไม่คิดจะอาศัยโอกาสทำมิดีมิร้ายข้าหรอกนะ?”
หยุนหว่านหนิงคลางแคลงใจ “เจ้าแน่ใจว่า หลังจากข้าถอดเสื้อให้เจ้าแล้ว จะไม่ต้องรับผิดชอบเจ้า?”
โม่เยว่ “… เจ้าคิดมากไปแล้ว”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ลังเลอีก เธอยกมือขึ้นปลดสายรัดเอวเขา และปลดคอเสื้อ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวสะอาด
เสื้อคลุมตัวนอกเป็นสีดำแดง มองไม่เห็นรอยเลือดในความมืด
แต่พอเสื้อคลุมตัวนอกตัวนอกถอดออก เสื้อตัวในสีขาวเหมือนโดนย้อมด้วยสีเลือดก็ไม่ปาน
มิน่าล่ะ กลิ่นคาวเลือดถึงคละคลุ้งขนาดนั้น
พอเห็นสีแดงสดนั่น หยุนหว่านหนิงสายตากระตุก
“ทำไม? สงสารข้ารึ?”
มือหยุนหว่านหนิงไม่อยู่นิ่ง ปากของโม่เยว่ก็ไม่อยู่นิ่ง
“ยังมีแรงล้อเล่น แสดงว่าท่านอ๋องไม่เจ็บ และก็บาดเจ็บไม่หนัก”
หยุนหว่านหนิงลงน้ำหนักที่มือมากหน่อย โม่เยว่เจ็บจนขมวดคิ้ว เขากัดฟันกรอด กลืนเสียงเจ็บปวดลงคอไป
สตรีผู้นี้หัวเราะเยาะเขา!
หยุนหว่านหนิงปรายตามองเขา
เจ็บจนเหงื่อเต็มหน้า แต่ยังกัดฟันกรอดไม่ส่งเสียง
ได้ ถือว่าเจ้าอดทนเก่ง!
เธอผ่อนปรนแรงน้อยลง หลังจากถอดเสื้อตัวใน ถึงเห็นบาดแผลลึกที่ไหล่ข้างนั้น
ลึกจนเห็นกระดูก!
นี่มันบาดเจ็บมากกว่าที่โดนนักฆ่าลอบแทงครั้งก่อนมากแล้ว!
หยุนหว่านหนิงตกใจมาก “ทำไมบาดเจ็บหนักขนาดนี้? ถ้าบาดแผลเอียงอีกหน่อย แขนข้างนี้ของท่านน่ากลัวจะถูกฟันลงมาเสียแล้ว”
“แผลแค่นี้จะเป็นไรไป? แผลพี่สามหนักกว่าข้าอีก”
น้ำเสียงโม่เยว่ฟังแล้วดูสบายๆ
แต่เบื้องหลังความสบายๆนั่นคือไอสังหารคุกรุ่น
“ห้ามเลือดก่อน”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ตอบคำ แต่รีบจัดการทำแผลให้เขา
โชคดีที่ช่องว่างของห้วงเวลาช่วย ทุกครั้งที่เธอต้องการยาอะไร ช่องว่างของห้วงเวลาจะมีปฏิกิริยาทันที
ถึงโม่เยว่จะไม่ได้บอกเธอตรงๆว่า คืนนี้เขาไปทำอะไร แต่เมื่อครู่คำที่เขาบอกว่า “พี่สามเจ็บหนักกว่าข้าเยอะ” ถือเป็นการตอบตามจริงแล้ว
หยุนหว่านหนิงรู้ว่า คืนนี้โม่เยว่แตกหักกับโม่หุยเฟิงแล้วจริงๆ
แม้แต่ความสัมพันธ์อันดีตามมารยาทก็ไม่คิดจะรักษาอีก
หลังจากห้ามเลือดให้เขา และพันแผลเรียบร้อย หยุนหว่านหนิงสั่งให้หรูเยียนไปเรือนทิงจู๋เอาเสื้อผ้าสะอาดมา
เหล่าคนรับใช้ในจวนอ๋อง…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีแม่นมจางเป็นหัวโจก แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือกรมข่าวลือ
ทุกคนไม่รู้เรื่องที่คืนนี้โม่เยว่ได้รับบาดเจ็บ
แต่ได้ยินว่า ทางเรือนชิงหยิ่งส่งคนมาเอาเสื้อผ้าสะอาดของท่านอ๋อง แวบแรกจึงคิดไปว่า คืนนี้ท่านอ่องกับพระชายาได้ผ่าน “สมรภูมิ”มาหนึ่งครั้ง
พริบตาเดียว ข่าวลือก็กระจายไปทั่วจวนอ๋อง
ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน พระชายากลับมาได้รับการโปรดปรานแล้วจริงๆ!
ไม่!
พระชายายังไม่เคยได้รับการโปรดปรานมาก่อน นี่เป็นสัญญาณของการได้รับโปรดปราน!
ดูท่าวันหน้า จะต้องระมัดระวัง และเคารพนบนอบยิ่งต่อพระชายาผู้นี้ละ
คำพูดเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดในใจเท่านั้น ใครก็ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าหรอก
หยุนหว่านหนิงยังไม่รู้ว่า ตอนนี้พวกเขากลายเป็นข่าวฮอตฮิตไปแล้ว
เธอทำความสะอาดบาดแผลให้โม่เยว่ เห็นริมฝีปากเขาซีดเผือด เลยบอก “คืนนี้ท่านเสียเลือดมาก ต่อไปต้องพักฟื้นระยะหนึ่ง”
“ท่านบาดเจ็บไม่น้อย ต้องไปขอลาพักกับเสด็จพ่อหรือไม่?”
“ขอลาพัก?”
โม่เยว่เย้ยหยัน “ข้ามิใช่ดอกไม้ประดับในแจกัน บาดแผลเล็กน้อยแค่นี้เหตุใดต้องขอลาพักด้วย?”
น่าขันนัก!
ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องทำตัวให้น่าจดจำต่อหน้าเสด็จพ่อ ขอลาพักอะไร?!
หากเสด็จพ่อพบว่าเขาไปออกราชการทั้งๆที่เจ็บป่วย แต่พี่สามกลับนอนป่วยหนักบนเตียง
ถึงเวลานั้น….
โม่เยว่ยิ้มเย็น “ข้าเป็นชายทั้งแท่ง”
“งั้นรึ? ชายทั้งแท่ง?”
น้ำเสียงหยุนหว่านหนิงมีแววเยาะหยัน ตบไหล่ซ้ายเขาเบาๆด้วยมือขวา โดนแผลเข้าพอดี
โม่เยว่“ชายทั้งแท่ง”ผลุงตัวขึ้นจากเก้าอี้ เจ็บจนเปลี่ยนสีหน้า
“หยุนหว่านหนิง เจ้าอยากตายรึ?!”
“ไอ้หยา ขออภัยด้วยท่านอ๋อง ข้าตบผิดที่”
หยุนหว่านหนิงสีหน้าไร้เดียงสา “ข้าก็แค่อยากจะให้กำลังใจให้ท่านอ๋องเท่านั้นเอง!”
เห็นท่าทางราวกับจะกินคนของเขา เธอค่อยๆแอบย่องหนี “อาหารยังอุ่นอยู่ในห้องครัวนะ ข้าจะไปยกมาให้ท่าน ท่านรอสักครู่เถอะ”
เอาเถอะ
เห็นแก่ที่นางทำอาหารให้เขา อภัยให้นางละ!
โม่เยว่แค่นเสียงเย็น รอนางยกอาหารมา
สี่ปีมานี้เขาหลบหลีกไม่พบหน้านาง และไม่รู้จักนางเลย
แต่สี่ปีให้หลัง อยู่ด้วยกันสั้นๆแค่ไม่กี่เดือน เขากลับพบว่า…. หยุนหว่านหนิงเป็นสตรีที่น่าอัศจรรย์มากคนหนึ่ง
ใช่ อัศจรรย์
ต่างว่ากันว่า นางโง่เขลา ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เขากลับพบว่า นางไม่เพียงมิได้โง่เขลา กลับละเอียดอ่อนด้วย สมองนั้นพลิกแพลงว่องไวยิ่งกว่าคนมากมายเสียอีก
ต่างว่ากันว่า นางมีเพียงรูปโฉม แต่ไร้การอบรม แต่เขาพบว่า นางไม่เพียงมีรูปโฉม กฎระเบียบมารยาทอะไรดูจะเหนือกว่าฉินซื่อเสวียเสียอีก
ต่างว่ากันว่านางไม่รู้หนังสือ แต่นางกลับความรู้กว้างขวาง และยังรอบรู้ไปหมดเสียอีก
ต่างว่ากันว่า นางมิมีอะไรดีเลย ใครจะรู้ว่า นางไม่เพียงทำอาหารเก่งยิ่ง ยังมีฝีมือการแพทย์สูงส่งยิ่ง
สตรีผู้นี้ เขามองนางไม่ออกจริงๆ
ประกายแสงบนตัวนาง มีสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงมากมายนัก
เหมือนกับน้ำตาลก้อนหนึ่ง ต้องให้เขาค่อยๆลอกกระดาษห่อด้านนอกทีละชั้นๆ เพื่อค้นพบเนื้อใน
ต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะลอกเสื้อผ้านางออกทีละชั้น…ไม่ใช่ ลอกเปลือกนอกที่เสแสร้งของนางออก ดูว่านางยังมีสิ่งใดที่เขาไม่รู้อีก!
จะจับใจผู้ชายคนหนึ่ง ต้องจับกระเพาะเขาไว้ก่อน
“หยุนหว่านหนิงต้องรู้หลักการเรื่องนี้แน่”
โม่เยว่แอบคิดในใจ
สี่ปีก่อนไม่ได้หัวใจเขา สงบนิ่งไปสี่ปีแต่กลับใช้ฝีมือการทำอาหาร ทำให้โม่เยว่มองนางอย่างชื่นชมไปเลย
“หรือว่าสี่ปีมานี้ นางคอยพยายามฝึกฝนการทำอาหาร?”
โม่เยว่เลิกคิ้ว มือลูบคางคาดเดา
ไม่เช่นนั้น เหตุใดอาหารที่นางทำ มีรสชาติพิเศษยิ่งนัก ขนาดพ่อครัวในวังหลวงยังทำรสชาติอย่างนี้ รวมถึงรูปแบบหลากหลายอย่างนั้นออกมาไม่ได้เลย?
หลังจากได้ไปทานข้าวที่เรือนชิงหยิ่งครั้งแรก เขาก็คิดถึงฝีมือการทำอาหารของหยุนหว่านหนิงมาตลอด
เขาเป็นเสาหลักของบ้าน
ย่อมไม่มีทางเปิดเผยออกมาแม้แต่นิด สตรีผู้นี้จะได้ไม่อาศัยเหตุนี้โอหังเหิมเกริม
แต่พ่อครัวของจวนอ๋องเปลี่ยนแล้วหลายรอบ ใครก็ไม่อาจทำรสชาติของหยุนหว่านหนิงออกมาได้
มองดูนางยกอาหารเข้ามา โม่เยว่เก็บความคาดเดาในใจ ลุกนั่งตรง
“ท่านเสียเลือดมากเกินไป อาหารนับจากนี้ ให้ห้องครัวทำตับหมูหรือน้ำแกงถั่วแดงให้ท่านมากหน่อย ไม่เพียงแค่กินยา ยังต้องรักษาด้วยอาหารอีก จะได้หายดีได้เร็วขึ้น”
เธอวางอาหารลง และกำชับอย่างละเอียด
“ข้าจะต้องให้เจ้ากำชับทำอะไร?”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นชายาของข้า เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ควรรับผิดชอบรึ?”
หยุนหว่านหนิง “….”
พี่ชาย เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?
พวกเราก็แค่สามีภรรยาในนามนะ!
สัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาสองคน อาศัยเงินทองรักษาสัมพันธ์ไว้ ทั้งสองคนรู้ดีแก่ใจ ตอนนี้ดันมาบอกสามีภรรยาอะไร นี่ไม่ใช่มาใช้หลักการบีบบังคับเธอหรอกนะ?
“คืนนี้ท่านอ๋องมิได้บาดเจ็บที่มือ แต่บาดเจ็บที่สมองกระมัง?”
หยุนหว่านหนิงกระพริบตาปริบๆ “เมื่อครู่ท่านว่ากระไรนะ? ข้าเป็นชายาของท่าน?”
“พวกเราแยกห้องกันมาตลอด ไม่มีความรักความผูกพันกันสักนิด ก็แค่สามีภรรยาในนาม ท่านถือสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า?”
พอได้ยินคำนี้ โม่เยว่รู้สึกว่า อาหารเบื้องหน้าไม่อร่อยละ
เขาวางตะเกียบลงอย่างแรง ใบหน้าหล่อเหลาทะมึนมืดมน “แยกห้องกัน? สามีภรรยาในนาม?”
“หยุนหว่านหนิง นี่เจ้ากำลังเตือนข้าว่า ละเลยเจ้า?!”
พึ่งพูดจบ เขาก็สั่งการไปข้างนอกเสียงสูงว่า “หรูเยียน ไปนำชุดนอนและหมอนของข้ามา คืนนี้ข้าจะค้างที่เรือนชิงหยิ่ง!”