อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 5 โม่เยว่ได้รับบาดเจ็บ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 5 โม่เยว่ได้รับบาดเจ็บ
พวกเขาอยู่กันเองตามลำพัง เห็นได้ชัดว่าคนที่มานั้นมีเจตนาเอาชีวิตพวกเขา
ม่านตาของหยุนหว่านหนิงหดเล็กลง โม่เยว่ยื่นมือออกไป ปกป้องนางเอาไว้ด้านหลัง คนชุดดำได้ตรวจดูภายในห้องจากช่องว่างของหน้าต่าง ได้ยินเสียงลมหายใจขณะนอนหลับของหยุนเสี่ยวหยวนที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ก็คิดว่าหยุนหว่านหนิงนอนหลับไปแล้ว
เขาผลักประตูออกเบาๆ
ตอนนี้เอง หยุนหว่านหนิงได้ฝ่าความมืดไปจนถึงเตียงนอน กอดหยวนเป่าที่อยู่บนเตียงไว้แน่น
คนชุดดำเพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา โม่เยว่ก็ลงมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
แค่ชั่วพริบตา ทั้งสองเกิดการต่อสู้กันขึ้น
เกรงว่าจะทำให้หยวนเป่าตื่น โม่เยว่กระโดดออกไปข้างนอก คนชุดดำถูกดึงดูดออกไปด้วย
โม่เยว่ไร้อาวุธใช้แต่กำปั้น คนชุดดำมีอาวุธครบมือ
เมื่อคนชุดดำเห็นว่าคนที่เขาต้องสู้ด้วยคือโม่เยว่ สายตาก็มีแววตื่นตระหนกผุดขึ้นมาแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาถูกคลุมด้วยผ้าสีดำ เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ไม่ช้าก็ต้องตกเป็นรอง
เกรงว่าหากสู้กันต่อไป จะดึงความสนใจขององครักษ์ลับในจวนอ๋อง
คนชุดดำจึงหยุดการต่อสู้ หมุนตัวจากไป
โม่เยว่จะปล่อยเขาไปง่ายๆได้อย่างไร
เขายื่นมือคว้าข้อมือของคนชุดดำเอาไว้ ไหนเลยจะรู้ว่าพอร่างของคนชุดดำไหวเอน ก็หมุนตัวพุ่งตรงเข้าไปในเรือน
หยุนหว่านหนิงกับหยวนเป่าในมือไร้อาวุธ……โม่เยว่แววตาเย็นชาลง รีบเข้าไปขวางเอาไว้ทันที
มีดในมือของคนชุดดำ ฟันลงไปที่หัวไหล่ของโม่เยว่อย่างแรง
เลือดสดๆ ย้อมชุดผ้าไหมของเขาจนเปียกชุ่มในชั่วพริบตา ร่างกายของเขารู้สึกชาขึ้นมาทันที ล้มฟุบลงไปกับพื้นเสียงดังตุบ ข้างหูมีเสียงของหรูโม่ดังขึ้น “ท่านอ๋อง”
ฉวยโอกาสนี้ คนชุดดำโยนระเบิดควันออกมา และหนีออกไปจากเรือนชิงหยิ่งในชั่วพริบตา
หรูโม่อยู่ดูแลโม่เยว่ หรูยี่ไล่ตามคนร้ายไปทันที
ในห้อง หยุนหว่านหนิงกอดหยวนเป่าที่หลับสนิทไว้แน่น ได้ยินเสียงเรียกท่านอ๋องของหรูโม่ นางก็รู้แล้วว่า โม่เยว่น่าจะได้รับบาดเจ็บ
จิตสำนึกของนางกำลังขัดแย้งกัน
สุดท้ายก็วางหยวนเป่าลง จุดตะเกียง และเดินออกไป
หรูโม่ได้ประคองโม่เยว่เข้ามาข้างในแล้ว เขาสลบไปแล้ว
“พระชายา รบกวนท่านช่วยทำแผลให้ท่านอ๋องด้วย ข้าน้อยจะไปเชิญท่านหมอมา”
“ได้”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า รับตัวโม่เยว่มาจากมือหรูโม่
บาดแผลไม่ตื้นเลย เลือดยังคงไหลไม่หยุด ลึกจนมองเห็นกระดูก ถ้าหากคนชุดดำใช้แรงหนักขึ้นอีกนิด เกรงว่าอาจจะทำให้แขนข้างนี้ของโม่เยว่ขาดไปเลย
ที่เขาหมดสติไม่ฟื้นขึ้นมา นั่นก็เพราะบนมีดเล่มนั้นมีพิษร้ายแรงอยู่ด้วย
โม่เยว่ถูกพิษ
หากเป็นหญิงสาวทั่วไป เกรงว่าเมื่อเห็นฉากเลือดสาดเช่นนี้ คงจะตกใจจนเป็นลมไปแล้ว
แต่ว่าหยุนหว่านหนิง สีหน้ากลับนิ่งขรึม
ก่อนจะทะลุมิติมาที่นี่ ตระกูลหยุนเป็นหมอมาหลายรุ่น เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงทางการแพทย์
หยุนหว่านหนิงเติบโตมาในโรงพยาบาลตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ล้วนเป็นดอกเตอร์ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในเมือง
นางเห็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายมาเยอะแล้ว ไม่อยากจะเห็นภาพที่ทรมานใจอีก จึงไม่ได้ทำตามกฎของบรรพบุรุษที่ให้ทุกรุ่นในตระกูลเป็นหมอ หลังจากเรียนจบแล้วก็เข้าไปทำงานในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อกับแม่ทำการรักษาคนไข้ นางเองก็ได้อิทธิพลจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินอยู่ทุกวัน
ทุกคนในครอบครัวถ่ายทอดวิชาให้กับมือ นางรู้เรื่องการแพทย์ค่อนข้างดีทีเดียว
ตอนนี้ ต้องห้ามเลือดก่อน จากนั้นก็ถอนพิษ ทายา พันแผล
เลือดไหลออกมารุนแรงมาก ถ้าหากยังคงไหลต่อไปเกรงว่าโม่เยว่จะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป
หลายปีมานี้ นางก็เจอกับการลอบสังหารอยู่หลายครั้ง
แม้จะไม่รู้ว่าจะเป็นพวกเดียวกับ ชายชุดดำที่มาคืนนี้หรือไม่ แต่ในเรือนชิงหยิ่ง นางก็ได้เตรียมยาบางส่วนที่ใช้อยู่เป็นประจำเอาไว้แล้ว
นางใช้ผ้าพันแผล พันแขนของโม่เยว่ไว้แน่น
หลังจากห้ามเลือดได้แล้ว ก็ไปตักน้ำมาล้างทำความสะอาดแผลให้เขา
ใช้ไปสามสี่กะละมังติดต่อกัน จึงล้างบาดแผลจนสะอาด ขณะเดียวกันหรูโม่ก็กลับมาแล้ว
“ในวังปิดประตูแล้ว ตอนนี้ไม่มีหมออยู่เวรเลย”
เขาเคยคิดว่า จะไปหาท่านหมอที่จวนของพวกเขาโดยตรง ลากตัวหมอมาทำแผลให้ท่านอ๋องของพวกเขา แต่ถ้าทำเช่นนั้น พรุ่งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นจะแพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง
สำหรับท่านอ๋อง มันไม่ดีเลย
“ร้านยาข้างนอกต่างก็ปิดกันหมดแล้ว ท่านอ๋อง……”
หรูโม่เข้ามาในห้องอย่างร้อนใจ เพิ่งจะพูดได้ไม่กี่ประโยคก็เห็นหยุนหว่านหนิงกำลังทายาให้โม่เยว่
เขาชะงักไปชั่วครู่ “พระชายา นี่ท่าน”
“ทายา บนมีดเล่มนั้นมีพิษ”
หยุนหว่านหนิงเอ่ยสั้นๆได้ใจความ
เขารู้ความลำบากของหรูโม่
ตอนนี้ ตอนนี้ท่านอ๋องทั้งหลายในราชสำนักกำลังแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ถึงขั้นที่ตึงเครียดสุดขีดแล้ว ในสายตาคนภายนอก โม่เยว่ไม่คิดจะร่วมแย่งชิง ไม่หวังอยากจะได้ตำแหน่งรัชทายาท
แต่ว่า ความสัมพันธ์กับอ๋องทั้งหลาย ก็จืดจางมาก
ถ้าหากเรื่องคืนนี้ถูกแพร่ข่าวออกไป
คงจะนำมาซึ่งความยุ่งยากอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
“พระชายาถอนพิษได้ด้วยหรือ”
หรูโม่มองนางด้วยใจเป็นกังวลไม่เป็นสุข
ดูการทายาของนางแล้วค่อนข้างจะชำนาญทีเดียว แต่ในใจของหรูโม่ก็ยังคงมีความกังขาอยู่
นางคงไม่ฉวยโอกาสนี้ วางยาพิษท่านอ๋องกระมัง
เพราะว่า ท่านอ๋องกักบริเวณนางถึงสี่ปี ก่อนหน้านั้นยังทรมานนางอีกสารพัด……พระชายาเกลียดท่านอ๋อง ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
คืนนี้ จะฉวยโอกาสลงมือกับท่านอ๋องหรือเปล่านะ
มองออกถึงแววตาเคลือบแคลงของเขา หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็น “ในเมื่อไปเชิญหมอหลวงกับท่านหมอมาไม่ได้ ตอนนี้ก็คงได้แต่เชื่อใจข้า แม้ข้าจะเกลียดเขา แต่คืนนี้เขาก็ได้ช่วยชีวิตพวกข้าสองแม่ลูกเอาไว้ บุญคุณนี้ข้าใช้คืนให้แล้ว”
เพิ่งจะพันแผลให้โม่เยว่เสร็จ ด้านหลังก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้น “ท่านแม่……”
หยุนหว่านหนิงรีบหันไปมองทันที เห็นเพียงหยุนหว่านหนิงเดินออกมาด้วยทรงผมชี้ตั้งทั้งหัว
เห็นได้ชัดว่าเขายังตื่นไม่เต็มที่ พลางขยี้ตา พลางถามขึ้นด้วยเสียงง่วงงุนว่า “ทำไมท่านแม่ไม่ไปนอน”
“หยวนเป่า เจ้าตื่นแล้วหรือ”
หยุนหว่านหนิงรีบเช็ดมือให้สะอาด เดินไปข้างเตียงกอดเขาเอาไว้ “อากาศหนาว เดี๋ยวจะไม่สบาย นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบนอนเถอะ”
หรูโม่รับรู้แค่ว่า พระชายาในตอนนี้มีประกายแห่งความรักของแม่เปล่งออกมารอบตัว
ตอนที่นางคุยกับหยวนเป่า น้ำเสียงอ่อนโยนมาก
เปรียบกับท่าทีเย็นชาเมื่อครู่ ราวกับเป็นคนละคน
เมื่อเห็นว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย หยวนเป่าก็กะพริบตาปริบๆ
เขานอนอยู่ในอ้อมอกของหยุนหว่านหนิง มองหรูโม่อย่างอยากรู้และวิเคราะห์
จากนั้น สายตาก็มองไปที่ร่างของโม่เยว่
เขาฟุบอยู่บนโต๊ะ เพราะเสียเลือดมากเกินไปทำให้ใบหน้าขาวซีด ตอนนี้ยังคงสลบไม่ตื่น
หยวนเป่าขมวดคิ้ว ทำให้ใบหน้ากลมๆย่นเป็นก้อนเดียวกัน “ท่านแม่ ทำไมพี่ชายคนนี้จึงมาอยู่ที่นี่ เขาบาดเจ็บใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นว่าแขนของโม่เยว่ถูกพันเอาไว้ หยวนเป่าก็ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง “พี่ชายเป็นอะไร”
พี่ชาย
ได้ยินคำเรียกขานนี้ หยุนหว่านหนิงแทบจะกระอักเลือดออกมา
ช่างเถอะช่างเถอะ ลูกชายชอบ ก็ให้เรียกอย่างนี้แล้วกัน
ในเมื่อ ถ้าเรียกเช่นนี้นางก็จะดูอาวุโสกว่าโม่เยว่หนึ่งรุ่น
หยุนหว่านหนิงเก็บแผนการในใจของตนเองเอาไว้ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พี่ชายของเจ้าคนนี้ได้รับบาดเจ็บ แม่เพิ่งจะทำแผลให้เขาเสร็จ หยวนเป่าวางใจได้ พี่ชายคนนี้ไม่เป็นอะไร”
หรูโม่“……”
ทำไมจึงรู้สึกว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของพระชายาแปลกๆชอบกล
และสายตาที่มองไปยังท่านอ๋องของพวกเขา เหมือนจะแฝงไปด้วยแผนการบางอย่าง
คงไม่ใช่ พระชายายังไม่เปลี่ยนตัวเอง และกำลังจะใช้แผนการกับท่านอ๋องอีก
เขารีบแบกโม่เยว่ขึ้นมา ออกไปจากเรือนชิงหยิ่ง
……
ขณะที่โม่เยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
หลังจากได้รู้จากปากของหรูโม่ว่า เมื่อคืนหยุนหว่านหนิงเป็นคนถอนพิษให้เขาแล้ว ดวงตาของโม่เยว่ก็มีประกายที่อึมครึมวาบขึ้น “ข้าไม่เคยรู้มาก่อน ว่านางรู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ”
ทำกับข้าวเป็น ถอนพิษเป็น และยังกล้าลงมือทำร้ายเขาด้วย
ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่น้อยเลยทีเดียว
เหมือนกับว่า เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
สีหน้าของโม่เยว่มีแต่ความสงสัย อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “นาง คือหยุนหว่านหนิงจริงหรือ”