อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 70 แหย่รังแตน
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 70 แหย่รังแตน
ถ้วยน้ำชาเข้ามาอย่างคุกคาม รวดเร็ว ไร้ความปรานี และแม่นยำ
ฝาถ้วยชาพ่นไอร้อนออกมา เห็นได้ว่ายังมีน้ำชาอยู่ และน้ำชายังไม่เย็นลง
หากถูกขว้างใส แม้ว่าดั้งจมูกจะไม่หัก บนหน้าที่ถูกชนเกิดรอยแผลเป็น แล้วใบหน้าก็ถูกน้ำชาลวก!
ดูแล้ว เต๋อเฟยไม่เพียงแค่อารมณ์ไม่ดีได้ง่ายดายมาก
ราวกับ วางแผนฆ่านาง!
ในใจหยุนหว่านหนิงตกตะลึง รีบฉวยโอกาสก้มหน้าจัดกระโปรงให้ตรง แล้วหลบถ้วยชานี้ให้ทันท่วงที
ถ้วยน้ำชาถูกขว้างใส่บนร่างของนาง นางกำนัลตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังไม่อาจโชคดีหลบพ้นไปได้
ได้ยินแต่เสียง “เพล้ง” คางนางในตัวน้อยถูกถ้วยชาใบนั้นชนใส่
ทันใดนั้น เลือดก็ไหลออกมา ผสมกับน้ำชาแล้วหยดลงไป แรงโจมตีขนาดใหญ่ ทำให้นางในตัวน้อยที่กำลังเดินขึ้นบันไดไหลลื่น แล้วล้มลงกับพื้นทันที
ต่อมา เกิดเป็นเสียงที่ดังชัดเจน
ถ้วยชาตกลงพื้น แตกกระจาย
น้ำชากระเซ็น ถ้วยลายครามแตกยับเยิน!
สีหน้าหยุนหว่านหนิงที่หันไปมองอย่างตกใจ เดิมคิดว่านางในตัวน้อยผู้นี้น่าสงสารเสียจริง ทำให้นางกลายเป็นแพะรับบาปแทน
แต่ลองใคร่ครวญแล้ว ที่นี่มีนางกำนัลตัวน้อยที่ไหนกัน
เห็นชัดว่า เป็นสาวใช้นอกวังผู้หนึ่ง!
สาวใช้นี่ เป็นจื่อซูที่อยู่ข้างกายฉินซื่อเสวีย
ในมือนางถือชามน้ำแกง แล้วตอนนี้ชามน้ำแกงก็ตกลงพื้นด้วย ทำให้น้ำแกงไก่หกไปทั่ว กลิ่นหอมโชยแตะจมูก จนแม้แต่หยุนหว่านหนิงก็อดไม่ได้ที่จะสูดดม
น่าเสียดายน้ำแกงไก่เลิศรสชามนั้น!
หลี่หมัวมัวใช้เวลานานกว่าจะได้สติ ก็ร้อง “ตายแล้ว” แล้วประคองจื่อซูด้านหน้า
“แม่นางจื่อซูไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เต๋อเฟยได้ยินเอะอะโวยวายด้านนอก จึงออกมาตรวจสอบด้วยตนเอง
ยังไม่เห็นจื่อซูนางก็ตะคอกใส่หยุนหว่านหนิงด้วยความโกรธ “หยุนหว่านหนิง!ข้าอบรมสั่งสอนเจ้า เจ้ากลับกล้าหลบซ่อน!”
“เสด็จแม่ ลูกสะใภ้ถูกปรักปรำ”
เห็นนางโกรธ หยุนหว่านหนิงก็รีบอธิบายอย่าง “มีชั้นเชิง” “ลูกสะใภ้ไม่ทราบว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อครู่นี้กระโปรงลูกสะใภ้มีรอยยับ ลูกสะใภ้คิดว่าเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยมาพบเสด็จแม่เป็นการไม่ให้เกียรติเสด็จแม่ดังนั้น ตอนนั้นลูกสะใภ้จึงโน้มตัวไปจัดการ โดยไม่รู้ว่าเสด็จแม่หยิบถ้วยน้ำชาขว้างใส่ลูกสะใภ้”
ใบหน้านางเศร้าสร้อย อยากพูดแต่ก็หยุดลง “หาก……”
“หากรู้แต่แรกว่าเสด็จแม่จะหยิบถ้วยน้ำชาขว้างใส่ลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้ไม่กล้าหลบหนีเด็ดขาด ย่อมต้องยืนอย่างตรงๆ แน่นอนเพคะ”
“ให้เสด็จแม่เล็งไปที่หน้าผากของลูกสะใภ้แล้วขว้างเข้ามาโดยตรงเลยเพคะ”
หยุนหว่านหนิงผู้นี้ สมองถูกประตูหนีบหรือไม่
ตอนนี้ต่อหน้านาง ถึงกับเชื่อฟังเช่นนี้?!
ยังจะยืนอย่างตรงๆ ให้นางเล็งขว้าง……ได้ยินอย่างนี้ ทำไมถึงไม่สบอารมณ์นักนะ!
เต๋อเฟยตัวแข็ง แล้วพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เสียงร้องเจ็บปวดของจื่อซูดึงให้กลับมาจากความคิดของนาง รีบหันหน้าไปมอง “โอ้ นี่ จื่อซูไม่ใช่หรือ เจ้ามาได้อย่างไร อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรงใช่หรือไม่”
คางถูกชนแตกเป็นแผลยาว มีเลือดไหลออกมา
ดูน่าขนลุก ยังไม่ร้ายแรงหรือ……
จื่อซูสบถในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกไป
นางจับคาง แล้วปล่อยให้เลือดไหลออกจากหว่างนิ้ว “เหนียงเหนียงบ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ!”
“พระชายาพวกเราต้มน้ำแกงไก่ เมื่อครู่เพิ่งส่งไปให้องค์หญิงเก้า แล้วยังสั่งให้บ่าว นำไปถวายเหนียงเหนียงด้วย! แต่ตอนนี้……”
จื่อซูมองน้ำแกงไก่ที่อยู่เต็มพื้น ใบหน้าทุกข์ทรมาน
“พระชายาพวกเจ้าใส่ใจแล้ว!”
เต๋อเฟยยิ้มอย่างพอใจ
เหลือบตามองหยุนหว่านหนิงยืนอยู่ตรงเดิมเหมือนตอไม้ มือทั้งสองข้างว่างเปล่า……
ในใจก็ สะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที
ลูกสะใภ้จริง ๆ ของนาง มาหานางแม้แต่ขนไก่สักเส้นก็ไม่มี!
การเปรียบเทียบดังกล่าว ทำให้ใคร่รักฉินซื่อเสวียยิ่งมากขึ้น
นางถอนหายใจเบา ๆ ส่ายหัว “เพียงแต่ช่างน่าเสียดาย! เจ้ากลับไปก่อน ข้ารู้ว่าพระชายาพวกเจ้าใส่ใจ ข้ารับน้ำใจไว้แล้ว”
“กลับไปจัดการบาดแผลเถอะ”
“เพคะ เหนียงเหนียง”
จื่อซูหยิบชามน้ำแกงมา จับคางแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว
เต๋อเฟยหันกายมา มองทางหยุนหว่านหนิงที่ยืนชมงิ้วอยู่ด้านข้าง “เจ้าเข้ามากับข้า!”
นางกัดฟัน ตวาดเสียงต่ำ
“เพคะ เสด็จแม่”
หยุนหว่านหนิงเดินตามนางเข้าประตูอย่างเชื่อฟัง
เต๋อเฟยนั่งลง ตวาดตาเขม็ง “คุกเข่าลง!”
“เพคะ เสด็จแม่”
หยุนหว่านหนิงคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง ตัวตรงคุกเข่า แผ่นหลังยืดตรง ก้มศีรษะเชื่อฟังด้วยใบหน้าเชื่อฟัง ไม่มีท่าทีขัดขืนสักนิด
ตอนนั้นเอง ทำให้เต๋อเฟยสงสัยอย่างไม่อยากเชื่อ
นังคนชั้นต่ำนี่ กำลังประจบอะไรอีก
วันนี้ถึงได้เชื่อฟังเช่นนี้!
เมื่อเห็นท่าทางนางยอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืน เต๋อเฟยเฝ้าระแวดระวัง สีหน้าไม่เปลี่ยน “หยุนหว่านหนิง เจ้ากำลังเล่นหลอกตาอะไรกับข้า”
เล่นหลอกตา?!
ฟ้าดินเป็นพยาน!
วันนี้นาง เชื่อฟังมากแล้ว!
หยุนหว่านหนิงช้อนตาขึ้นมา สีหน้าน้อยอกน้อยใจ “ลูกสะใภ้ไม่เข้าใจว่าเสด็จแม่กำลังพูดถึงอะไร”
“เจ้าไม่เข้าใจรึ!”
เต๋อเฟยตะคอกอย่างเย็นชา ใช้มือที่ใส่ปลอกเล็บฟ้อนยาว ตบลงไปที่โต๊ะอย่างรุนแรง
ถ้วยชาบนโต๊ะเกือบจะตกส่งเสียง “โครมคราม” หลี่หมัวมัวรีบประคองถ้วยน้ำชาให้มั่นคง เพราะนางดื่มสุราของหยุนหว่านหนิง นางจึงขยิบตาให้นางอย่างรวดเร็ว
ส่งสัญญาณให้นางอย่าทำให้เต๋อเฟยโกรธ ปิดปากให้แน่นแล้วน้อมรับ
ดังนั้น หยุนหว่านหนิงจึงก้มศีรษะลงอีกครั้ง
“หากเจ้าไม่เข้าใจ วันนี้ข้า จะทำให้เจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้เอง!”
เต๋อเฟยมองนางอย่างโกรธเคือง “ไม่กี่วันก่อนข้าอยู่งานเลี้ยงวันเกิดข้า เจ้าล้วนทำเรื่องอะไรกันอยู่!”
“ลูกสะใภ้ผู้อื่น ล้วนคิดถึงแม่สามี แล้วเจ้าล่ะ ไม่เพียงไม่คิดถึงข้าสักนิด กลับตั้งใจสร้างปัญหา ให้ข้าไม่มีหน้าไปพบผู้อื่น!”
“เจ้าก็รู้ เรื่องคืนวันนั้นถูกฮองเฮาจับจุดอ่อนเอาไว้ กล่าวว่าข้าไม่อาจสั่งสอนลูกสะใภ้ได้”
“แล้วยังกล่าวว่าเจ้าทำให้ราชวงศ์เสียหน้า ทำให้ข้าถูกฮองเฮาตำหนิหนึ่งชั่วยามเต็ม!”
เมื่อเต๋อเฟยเปิดปากก็ราวกับปืนกล เริ่มกราดยิง “ปังปังปัง”
หยุนหว่านหนิงก้มศีรษะลงและ “ตั้งใจฟัง” ด้วยความเคารพ แต่ที่จริงแล้วในใจจินตนาการถึงฉากที่ฮองเฮาจ้าวตำหนิเต๋อเฟย
ตอนนี้ เต๋อเฟยเลยมาตำหนินางเหมือนฮองเฮาจ้าวตำหนิเต๋อเฟยไช่ไหม
เมื่อนึกถึงว่าเต๋อเฟยผู้เคร่งขรึมตรงหน้านาง ถูกฮองเฮาจ้าวอบรมเหมือนสั่งสอนลูกเต่า ฉากนั้นทั้งตลกและขบขันมาก… ดังนั้น เกิดฉากน่าสลดนี้ขึ้น
ขณะนั้นหยุนหว่านหนิงไม่อาจหยุดยั้งได้ แล้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาคิกคัก!
ตอนนั้นเอง ก็แหย่รังแตนเข้าให้แล้ว!
เต๋อเฟยเห็นหยุนหว่านหนิงไม่มีความสำนึกผิดแม้แต่น้อย แล้วนางยังหัวเราะขึ้นมาอย่างโง่เขลา
ชั่วขณะนั้น เห็นสีหน้าน่าเกลียดเด่นชัดมาก
นางกำมือทั้งสองข้างแน่น กัดฟันเป็นเวลานานก่อนที่จะถามด้วยความโกรธว่า “หยุนหว่านหนิง! เจ้าหัวเราะอะไร! สิ่งที่ข้าพูด มีตรงไหนน่าตลกกัน!”
หยุนหว่านหนิงถึงได้สติกลับคืนมา
แย่แล้ว!
เมื่อครู่นาง หัวเราะออกมาต่อเต๋อเฟยจริงหรือ!
“เสด็จแม่ไม่ใช่นะเพคะ ลูกสะใภ้เพียงคิดถึง คิดถึง……”
“คิดถึงอะไร!”
เต๋อเฟยโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว แล้วยืนขึ้นด้วยความโกรธ “หยุนหว่านหนิง เจ้ายังมีเสด็จแม่อย่างข้าอยู่ในสายตาเจ้าหรือไม่!”
“มีเพคะ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างจริงใจ
มีจึงเป็นเรื่องแปลก
เต๋อเฟยยังไม่ให้ความสำคัญกับนางที่เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ เลย ทำไมนางต้องให้ความสำคัญกับแม่สามีอย่างนางด้วยเล่า
กี่ครั้งแล้วที่นางพยายามเอาใจแต่กลับเพิกเฉยต่อนางกัน
น้ำหยดลงหินทุกวันก็ยังไม่ยอมกร่อน……
หยุนหว่านหนิงหน้ามุ่ย
เห็นนางยังกล้าทำหน้ามุ่ย ชัดเลยว่าพูดฝืนใจ เต๋อเฟยยิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม “เจ้าช่างกล้านัก! ก่อนหน้านี้ ข้าส่งคนไปหลายจวนอ๋องคราให้พาเจ้าเข้าวัง”
“ล้วนถูกเยว่เอ๋อร์รั้งไว้! วันนี้เยว่เอ๋อร์ไม่อยู่ ข้าจะดูว่าใครยังจะปกป้องเจ้าได้กัน!”
สายตาเต๋อเฟยเย็นชา “เด็ก ๆ มาสั่งสอนพระชายาหมิงไร้มารยาทผู้นี้ให้ข้าที!”
แต่หยุนหว่านหนิงกลับทำหน้าระแวง
เต๋อเฟยต้องการให้นางเข้าวังหลายครา กลับถูกโม่เยว่รั้งเอาไว้?!