อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 79 น้องสาม แทงใจดำ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 79 น้องสาม แทงใจดำ!
หยุนธิงธิงเป็นน้องสาวของหยุนธิงหลาน
ทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกันทางหน้าตามากนัก แต่นิสัยใจคอของสองพี่น้องกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หยุนธิงหลานเก่งกาจในการเสแสร้งและชอบหลอกล่อ จนคนอื่นๆ ล้วนถูกนางหลอกลวงจนสนิทใจ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง หยุนหว่านหนิงนางยังคงเป็นดอกไม้ผู้บอบบาง
แต่ท่าทางของหยุนธิงหลานนั้นเยือกเย็นกว่าที่เห็น
นางเหลือบมองไปยังหยุนหว่านหนิง
“พี่ใหญ่”
นางโค้งกายเคารพ น้ำเสียงของนางดูมิสู้ดีนัก “คิดมิถึงว่าพี่ใหญ่จากบ้านมาเพียงสองสามปีแล้วจะจำข้ามิได้”
“ช่างสมกับเป็นผู้ที่อยู่ในจวนอ๋องหมิงจริงเชียว”
แม่นางผู้นี้กล้าทำให้นางโกรธหรือ?
หยุนหว่านหนิงชะงักลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหรูเยียนเตรียมถกแขนเสื้อขึ้นจะจัดการใครบางคนแล้ว จึงได้กำชับนางว่า “หรูเยียน ไปเตรียมชาร้อนมา”
นับตั้งแต่ที่นางช่วยหรูเยียนเอาไว้ ก็ได้ปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพมิน้อย
และมิชอบที่จะเห็นใครดูหมิ่นหยุนหว่านหนิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเช่นหยุนธิงธิงที่กล้าเยาะเย้ยนางต่อหน้าเช่นนี้
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าประตูตรงไป “น้องสามเข้ามาสนทนากันด้านในเถิด”
หยุนธิงธิงมองไปที่เรือนชิงหยิ่ง แล้วนั่งลงตรงข้ามนาง “ได้ยินว่าท่านพี่ได้รับความชื่นชมและทะนุถนอมจากอ๋องหมิงมิน้อย เดิมทีข้าก็มิเชื่อ”
“เหตุใดเจ้าจึงมิเชื่อ?”
จู่ๆ หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกสงสัยว่าแม่หนูคนนี้จะตอบนางเช่นไร
“เนื่องจากพี่ เดิมทีก็มิได้รับความนิยมจากใครนัก”
ใบหน้าของหยุนธิงธิงกล่าวออกมาอย่างมิลังเล
หยุนหว่านหนิง “……”
แทงใจดำ!
แม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นี้ก็รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมานางมิได้เป็นที่นิยมชื่นชอบ เห็นได้ชัดว่าหยุนหว่านหนิงในอดีตนั้นมิต่างอันใดกับหนูในตลาดที่ทุกคนพบเห็นก็ล้วนกับต้องพากันตบตี
“เวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างได้”
หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นเบาๆ
“อืม”
หยุนธิงธิงพยักหน้าเห็นด้วยที่หายาก “ก่อนหน้านี้ข้าก็มิชอบพี่”
“แต่ในวันนี้เมื่อข้าเห็นพี่อีกครั้ง กลับมิรู้สึกรังเกียจเหมือนแต่เมื่อก่อน”
นี่นับว่าเป็นคำชมหรือไม่?
ใครกันแน่ที่เป็นพี่สาวและใครกันแน่ที่เป็นน้องสาว?
แม่หนูคนนี้มิรู้จักที่ต่ำที่สูง
“ท่านพ่อกล่าวว่า พี่มิเพียงแต่ได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหมิง ทั้งยังได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ด้วย ข้ามิเชื่อ”
มิรอให้นางกล่าวอะไรออกมา หยุนธิงธิงก็ได้เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ก่อนหน้านี้พี่ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย อ๋องหมิงจะชื่นชอบและโปรดปรานพี่ได้อย่างไร นอกจากว่าเขาตาบอด”
หยุนหว่านหนิงรู้สึกว่าครั้งนี้หัวใจของนางแทบจะแตกสลาย
นางตัวแสบคนนี้คิดอะไรก็เอ่ยไปตามนั้น
“ท่านพ่อกล่าวว่าถ้าข้ามิเชื่อให้เดินทางมาดูด้วยตนเอง”
หยุนธิงธิงจึงได้เดินทางมาเพื่อประการฉะนี้ “ข้าจึงคิดว่าจะมาเชิญพี่ไปร่วมงานที่ข้าบรรลุนิติภาวะและวันเกิดของข้าด้วย”
“ยิ่งกั๋วกงให้เจ้ามาสินะ?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หยุนธิงธิงเห็นนางเรียกหยุนเจิ้นซงเป็นชื่อเต็มออกมา แต่มิได้เรียกว่าท่านพ่อก็ชะงักลงครู่หนึ่ง แต่มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
“ใช่” บรรทัดใหม่
หยุนหว่านหนิงหัวเราะขึ้น
เกรงว่าเจ้าหนูนี่คงยังมิรู้ว่าตนถูกหยุนเจิ้นซงหลอกใช้เข้าเสียแล้ว
หยุนธิงธิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบเบาๆ แล้วกระซิบว่า “อ๋องหมิงโปรดปรานพี่จริงหรือ?”
“เอ๊ะ แม่หนูนี่ถามทำไมนักหนา?”
หยุนหว่านหนิงชำเลืองมองนาง
นางจำได้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ที่นางอยู่ในจวนกั๋วกง หยุนธิงธิงยังเล็กนัก
แต่ว่านางมิชื่นชอบ หยุนธิงหลานและมิชอบนางเท่าไรนัก
ในความทรงจำนั้น แม่หนูคนนี้มิค่อยพึ่งพาเฉินซื่อเท่าไรนัก มักจะติดอยู่กับบ่าวรับใช้และแม่นมมากกว่า นางเอ่ยเป็นประจำว่า “ข้ามิชอบพี่ใหญ่ มิชอบพี่รอง มิชอบทุกคนที่อยู่ในจวนนี้!”
ตั้งแต่เล็กนางก็ดูเบื่อโลกไปหมด
นางมิแยแสกับทุกคนรอบข้าง
ด้วยเหตุนี้เองหยุนหว่านหนิงจึงมิได้สนใจน้องสาวคนเล็กนี้เท่าไหร่นัก
“ข้าอายุสิบห้าแล้ว มิใช่แม่หนูอีกต่อไป”
หยุนธิงธิงรู้สึกมิพอใจอย่างเห็นได้ชัด
นางวางถ้วยน้ำชาลงแล้วกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “ข้าได้ยินท่านพ่อท่านแม่ปิดประตูคุยกันอย่างลับๆ แม้พี่จะแต่งงานออกไปแล้ว แต่ก็ยังนับว่าอยู่เรือลำเดียวกันกับจวนกั๋วกง”
“พี่ยังแซ่หยุน และยังคงเป็นคนของตระกูลหยุน”
“แล้วอย่างไรเล่า?”
หยุนหว่านหนิงมองดูนางด้วยทางสนใจ
“ท่านพ่อยังกล่าวอีกว่าหากพี่ได้รับความรักจากอ๋องหมิงจริง และยังได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ เช่นนั้นจะให้ท่านแม่นำของขวัญมาหาพี่และเสริมความสัมพันธ์กัน”
หยุนธิงธิงกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา นางมิได้รู้สึกละอายใจที่เป็นผู้ไปแอบฟังเรื่องราวของคนอื่นแม้แต่น้อย
นางบ่นออกมาเบาๆ แววตานั้นดูถูกเหยียดหยาม “ข้ามิอาจทนฟังคำพูดน่ารังเกียจแบบนั้นได้”
“แม้ข้าจะมิค่อยชอบพี่นัก แต่สี่ปีมานี้ที่พี่ถูกกักกัน ท่านพ่อท่านแม่ก็มิเคยเดินทางมาหาพี่เลย อีกทั้งมักกำชับข้ากับพี่รองว่าให้ตัดขาดความสัมพันธ์กับพี่”
“แต่บัดนี้พี่ได้รับความโปรดปรานและดูจะมีค่าให้พวกเขาใช้”
ประโยคนี้ทำให้หยุนหว่านหนิงตกใจเล็กน้อย
คิดมิถึงว่าแม่หนูจะเอ่ยเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ นางมองหยุนธิงธิงที่จุดใหม่
“ประโยคนี้ใครเป็นคนบอกกับเจ้า?”
“ต้องให้ใครมาบอกอีกหรือ ข้ามิมีสมองคิดหรืออย่างไร?!”
หยุนธิงธิงมองนางด้วยท่าทางอันดูถูก “ข้ามิได้เหมือนพี่ ตอนอายุสิบห้าทำได้เพียงเดินตามตูดอ๋องหมิงต้อยๆ และมัวแต่คิดว่าทำอย่างไรจึงจะแต่งงานกับเขาได้”
หยุนหว่านหนิง “……”
ยัยเด็กคนนี้มาตอกย้ำทำให้นางอับอายกว่าเดิมหรือไร?
“แม่ข้ามักจะบอกว่า การแต่งงานของคุณหนูในจวนยิ่งกั๋วกงจะทำตามใจตนเองมิได้”
นางรู้สึกท้อใจเล็กน้อย “การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญเพียงใด มันเกี่ยวข้องกับความสุขของเราตลอดชีวิต หากเรื่องเช่นนี้ยังมิอาจควบคุมชีวิตตนเองได้ แล้วจะไปทำอะไร?”
ใบหน้าของนางดูหดหู่
ท่าทีมิเหมือนกับหญิงสาวในวัยของนาง มันลึกล้ำกว่า
หยุนหว่านหนิงพิจารณาอย่างรอบคอบถึงเจ้าของร่างนี้ตอนอายุสิบห้า
เนื่องจากแม่ของนางจากไปตั้งแต่วัยเยาว์ หยุนเจิ้นซงมักจะรักหยุนธิงหลานส่วนนางเฉินก็มักจะทำร้ายร่างกายนาง
ตอนที่นางอายุสิบห้าปีเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ
แม้แต่หยุนธิงธิงก็ยังรู้ว่านางมิเป็นที่นิยมเพียงไร
“บัดนี้เจ้าชื่นชอบข้าแล้วหรือ?”
จู่ๆ หยุนหว่านหนิงก็เอ่ยถามคำถามนี้ขึ้น
ดูเหมือนหยุนธิงธิงมิคิดว่านางจะเอ่ยถามเช่นนี้ จึงชะงักลงครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “มิได้ชอบ แต่ก็มิได้รังเกียจ แต่หากจะเทียบกับพี่รองแล้ว ข้าดูจะชอบพี่มากกว่า”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างมีชัย
หยุนธิงธิงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหยุนธิงหลาน
แต่นางกลับชื่นชอบตนเองมากกว่า
นั่นหมายความว่าหยุนธิงหลานน่ารังเกียจกว่านางอย่างงั้นสินะ?
“ก่อนหน้านี้พี่รองถูกวางยามิใช่หรือ มีข่าวลือว่าเป็นพระชายาอ๋องหยิงลงมือ”
หยุนธิงธิงขมวดคิ้ว “แต่ต่อมาข้าแอบได้ยินพี่รองกระซิบบอกท่านแม่ว่า แท้จริงแล้วนางเป็นคนวางยาตนเองเพื่อทำให้พระชายาอ๋องหยิงต้องถูกกักบริเวณ”
“พี่ใหญ่ พี่ว่าต้องจิตใจโหดเหี้ยมเพียงใดจึงวางยาพิษตนเองได้?”
คำถามนี้แม้แต่หยุนหว่านหนิงเองก็มิอาจตอบได้
“บัดนี้ข้าอยู่ในจวนด้วยความหวาดกลัว และมิกล้าอยู่กับพี่รองเพียงลำพัง”
หากว่าวันใดหยุนธิงหลานมิชื่นชอบนางขึ้นมาแล้วเอายาพิษใส่ให้นางกินเล่า……
ท่านพ่อท่านแม่ชื่นชอบพี่รองมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และนางเป็นดอกไม้ที่มิมีใครรัก
หยุนธิงธิงทำท่าทางยุ่งเหยิง ราวกับกำลังขบคิดถึงเรื่องยาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ที่จริงแล้ว ข้าเดินทางมาในวันนี้เพื่อพบพี่เพราะมีเรื่องที่จะร้องขอ”