อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 8 ลูกใคร
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 8 ลูกใคร
หยุนหว่านหนิงถูกนำตัวไปนอนราบกับเก้าอี้ยาวอย่างรวดเร็ว แม่นมไม่พูดพร่ำทำเพลง โบยลงไปทันที เจ็บจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากนาง
เสียงป้าบๆดังขึ้นห้าหกครั้ง โม่เยว่ถูกหรูยี่ประคองออกมาดูข้างนอก
เขาเห็นเหงื่อเต็มใบหน้า สีหน้าขาวซีดของหยุนหว่านหนิง ในใจก็รู้สึกทนไม่ได้
กำลังจะเปิดปากพูด กลับได้ยินเต๋อเฟยพูดด้วยเสียงดุร้ายว่า “หยุนหว่านหนิง ข้าอดทนกับเจ้ามานานมากแล้ว หลายปีมานี้ เจ้าทำเรื่องสกปรกโสมมอะไรไว้บ้าง เจ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ”
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า ซื่อเสวียจะแต่งงานกับอ๋องหยิงได้อย่างไร”
แค่คิดขึ้นมา ว่าในบรรดาท่านอ๋องทั้งหลายในตอนนี้ โม่หุยเฟิงนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด……
เต๋อเฟยก็ยิ่งรู้สึกแค้นใจจนกัดฟัน
ฉินซื่อเสวียแต่งงานกับโม่หุยเฟิงยังไม่ถึงสี่ปี ก็ให้กำเนิดลูกสาวสองคนแล้ว
คนของจวนเสนาบดี ก็ให้การสนับสนุนอ๋องหยิงสุดกำลัง แม้แต่ท่านอ๋องที่อยู่ในราชวงศ์ยังไม่กล้าพูดจาเสียงดังกับโม่หุยเฟิงเลย
โม่หุยเฟิงนั่นเป็นลูกของฮองเฮา
ทุกวัน ฮองเฮาจะคอยโอ้อวดหลานสาวที่น่ารักของนาง ต่อหน้านางสนมทั้งหลาย นางสนมต่างก็ได้แต่มองด้วยสายตาร้อนผ่าว
แล้วดูหยุนหว่านหนิง
แม้ว่าจะใช้วิธีสกปรกเพื่อแต่งงานกับโม่เยว่ได้สำเร็จ แต่สี่ปีมานี้อย่าว่าแต่เรื่องการให้กำเนิดลูกสักคนเลย แม้แต่วี่แววที่ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันก็ไม่เคยเห็นเลย……เรื่องนี้ทำให้เต๋อเฟย รู้สึกโมโหยิ่งนัก
“เจ้ารู้หรือไม่ เป็นเพราะเรื่องเลวร้ายที่เจ้าทำเมื่อสี่ปีก่อน จนถึงตอนนี้เฟยเฟยยังไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คน”
เต๋อเฟยโมโหจนสองตาแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทาไปหมด “ถ้าหากไม่ใช่เพราะไทเฮาคอยปกป้องเจ้าเอาไว้ ข้าคงจะถลกหนังเจ้าตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้เจ้าแต่งเข้ามาในจวนอ๋องหมิง”
“เจ้ารู้หรือไม่ ยิ่งกั๋วกงได้มาพบข้าตั้งแต่แรกแล้ว เขาบอกว่าสิ่งเลวร้ายที่เจ้าทำก็ให้เจ้าชดใช้ด้วยตนเอง”
“แม้ข้าจะฆ่าเจ้า เขาก็ไม่อาจโทษข้าได้”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว หัวใจของหยุนหว่านหนิงรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมา
เดิมทีนางคิดว่า หลายปีมานี้ จวนยิ่งกั๋วกงน่าจะส่งคนมาเยี่ยมนางบ้าง
เพียงแต่โม่เยว่ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ฉะนั้นนางจึงไม่ได้เจอหน้าคนของจวนยิ่งกั๋วกงเลย
แต่ตอนนี้ได้ยินเต๋อเฟยพูดเช่นนี้แล้ว นางจึงกระจ่างขึ้นมา
ที่แท้ สำหรับจวนยิ่งกั๋วกงแล้ว นางก็แค่หมากตัวหนึ่งที่จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ เพื่อที่ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น จวนยิ่งกั๋วกงไม่เคยจะสนใจนางเลยแม้แต่น้อย
นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงต่ำออกมา
“เจ้าหัวเราะอะไร”
เต๋อเฟยถลึงตาให้นาง
ถูกโบยจนน่าสมเพชขนาดนี้แล้ว นางยังหัวเราะออกมาได้
โม่เยว่จ้องมองหยุนหว่านหนิงเขม็งพอจะเดาได้ว่าทำไมนางจึงได้หัวเราะออกมาอย่างเศร้าสร้อยเช่นนี้
หัวเราะอะไร
นางรู้สึกเสียดายแทนเจ้าของร่างเดิมนี้
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า พยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวด และยังคงพูดต่อไปว่า “ลูกแค่กำลังหัวเราะ ที่แท้ ที่แท้ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าไม่เคยรู้อะไรเลย”
ยังคงคิดมาตลอดว่า อย่างน้อยคนของจวนยิ่งกั๋วกงก็ยังคงใส่ใจนางอยู่
ไหนเลยจะรู้ว่า คำพูดของเต๋อเฟยในค่ำคืนนี้ และได้ซ้ำเติมให้นางรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
คืนนี้ เต๋อเฟยได้แต่หาสาเหตุมาอ้าง เพื่อจะได้ลงโทษนางอย่างหนัก
หลายปีมานี้ นางได้แต่เก็บกดความเกลียดชังไว้ในใจ คืนนี้มีโอกาสได้ลงมือกับนางแล้ว
“ข้ารู้ ว่าเสด็จแม่เกลียดชังข้า ท่านอ๋องก็เกลียดข้า องค์หญิงเก้าก็เกลียดข้า ทุกคนต่างก็เกลียดข้า ……แต่ว่า ถ้าหากเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง ข้าจะไม่เลือก……”
แต่งงานกับโม่เยว่
ยังไม่ทันได้พูดจบ ข้างนอกก็มีเสียงดังขึ้น “ท่านแม่”
เสียงนี้ ยังคงแฝงด้วยความน่าเอ็นดู
หยวนเป่าตามมาแล้ว
หยุนหว่านหนิงหัวใจกระตุก เงยหน้ามองไปทางโม่เยว่ ส่ายหน้าอย่างขอความช่วยเหลือ
นางกำลังวิงวอนโม่เยว่ อย่าให้หยวนเป่าเห็นภาพเหล่านี้
โม่เยว่ขมวดคิ้ว ยังคงลังเลใจอยู่
ตอนนี้ ถ้าหากให้หยุนหว่านหนิงลุกขึ้นมา ที่นี่ก็จัดการไม่ทันอยู่ดี หยวนเป่าเป็นเด็กฉลาดมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว
ในใจของหยวนเป่าก็ยังคงลังเลอยู่
แต่สองขากลับก้าวลงบันไดหินไปโดยไม่รู้ตัว เดินไปยังนอกลานบ้าน
เขาไปที่นอกประตู ขวางหยวนเป่าเอาไว้ “เจ้าก้อนแป้ง เจ้ามาได้อย่างไร”
“พี่ชาย ท่านเห็นท่านแม่ข้าหรือไม่ นางอยู่ที่ไหน ข้าตามหานางมานานแล้ว”
หยวนเป่าคว้ามือของโม่เยว่มาจับไว้ทันที ดวงตาดำใหญ่ดำขลับ จ้องมองโม่เยว่เขม็ง “พี่ชายพาข้าไปตามหาท่านแม่ได้หรือไม่”
เมื่อเห็นดวงตาของเขาคู่นี้ ดวงใจของโม่เยว่จนแทบจะละลายแล้ว
เขาพยักหน้า จูงมือหยวนเป่าเดินออกไปข้างนอก “ได้ ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านแม่”
ได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสองคนเดินออกไปไกลแล้ว หยุนหว่านหนิงจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา หมอบอยู่บนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง
เต๋อเฟยขมวดคิ้ว
เมื่อครู่ เป็นเสียงเด็กอย่างนั้นหรือ
ในจวนอ๋อง มีเด็กมาจากที่ไหนกัน
นางได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อครู่เด็กคนนั้นเรียกหาท่านแม่ สายตาของเต๋อเฟยจ้องมองไปที่ศีรษะของหยุนหว่านหนิงอย่างไม่วางตา ในสายตามีแววเย็นยะเยือก
“หยุนหว่านหนิง เด็กคนนั้นเป็นลูกใคร”
“ลูกข้าเอง”
นางยอมรับอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ลูกเจ้าหรือ”
เต๋อเฟยยิ้มเย็น “เจ้าตัวคนเดียวจะสามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างไร เจ้าบอกมาตามความจริงดีกว่า ว่าพ่อของลูกคือใคร”
ถ้าหากเด็กคนนั้นเป็นลูกของเยว่เอ๋อร์ เกรงว่าหยุนหว่านหนิงคงไม่ถูกกักบริเวณถึงสี่ปี
แต่ถ้าหากไม่ใช่ลูกของเยว่เอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์ไหนเลยจะยอมให้หยุนหว่านหนิงคลอดเด็กคนนี้ออกมา
เมื่อครู่มองดูสายตาของหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ที่สื่อสารกัน ในใจของเต๋อเฟยค่อยๆเกิดความสงสัยขึ้นมา “เยว่เอ๋อร์ก็รู้หรือว่ามีเด็กคนนี้อยู่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
เมื่อมองเห็นว่าในสายตานาง มีแววตื่นเต้นที่ยากจะสังเกตเห็นได้ผุดขึ้นมา
หยุนหว่านหนิงรีบหัวเราะกลบเกลื่อน
พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าหยวนเป่าเป็นลูกใคร แต่นางจะไม่บอกพวกเขาเด็ดขาด
“เสด็จแม่จะตีจะลงโทษก็ทำเถอะเพคะ ส่วนเรื่องพ่อของเด็ก ได้โปรดอภัยที่ลูกไม่สามารถบอกได้”
นางต้องการจะให้เต๋อเฟยกับโม่เยว่รู้สึกซะบ้าง หลานหรือลูก ของพวกเขาอยู่ตรงหน้า แต่กลับรู้สึกเหมือนไม่รู้จักกันเลย
สี่ปีมานี้ นางทุกข์ทรมานแค่ไหน พวกเขาเคยรู้บ้างหรือไม่
ในราชวงศ์เต็มไปด้วยแผนการและความระแวง
หยุนหว่านหนิงเข้าใจดี ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่ยินดีที่จะให้หยวนเป่ามีชีวิตที่ดีเช่นนี้ในภายหน้าแน่
เห็นนางไม่ยอมพูด เบื้องหน้าของ เต๋อเฟยรู้สึกจะมืดมนลง เกือบจะเป็นลมไปแล้ว
“เจ้าไม่บอก หยุนหว่านหนิง ข้าขอเตือนเจ้า เจ้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในสถานะอะไร ถ้าหากเด็กคนนั้นไม่มีสายเลือดของพวกข้า และหากถูกคนภายนอกรู้เข้าแล้วเอาไป……อย่าว่าแต่เจ้าจะปกป้องเขาไม่ได้เลย แม้แต่พวกข้าทั้งหมดก็ต้องลำบากไปด้วย”
เวลานี้ ในใจของเต๋อเฟยยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย
นางกัดฟันถามขึ้นว่า “ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เด็กคนนั้นเป็นลูกใครกันแน่”
แต่หยุนหว่านหนิงได้หลับตาทั้งสองข้างลงแล้ว ราวกับสลบไปแล้ว
ตอนนี้ ได้ถูกโบยยี่สิบไม้จนครบแล้ว
แม่นมเดินเข้าไปดู ส่ายหน้ากับเต๋อเฟย “พระสนม พระชายาเป็นสลบไปแล้ว”
“อะไรนะ สลบไปแล้วหรือ”
เต๋อเฟยแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
นางยังไม่ทันสั่งให้คนหามหยุนหว่านหนิงขึ้นมา ฉับพลันนั้นก็ก้าวเท้าตามออกไปข้างนอก แทบจะอดใจไม่ไหวที่อยากจะเห็น ว่าโม่เยว่พาหยวนเป่าไปไหน และเขาเป็นลูกใครกันแน่
ตอนนี้ในราชวงศ์ มีเพียงอ๋องฉู่โม่หุยเหยียน อ๋องหยิงโม่หุยเฟิงสองพี่น้องเท่านั้นที่มีลูก
ทั้งสองพี่น้องนี้ล้วนเป็นบุตรของฮองเฮา โม่หุยเหยียนมีลูกสาวหนึ่งคน โม่หุยเฟิงมีลูกสาวสองคน
หลานสาวสามคน ได้ทำให้ฮองเฮามีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
แม้แต่ฮ่องเต้ ก็รักจวิ้นจู่น้อยทั้งสามไม่น้อยทีเดียว
นอกจากนี้แล้ว ในราชวงศ์ยังไม่มีพระนัดดาองค์โต
ถ้าหากเด็กคนนั้นเป็นลูกของเยว่เอ๋อร์ ก็จะเป็นพระนัดองค์โต มีสถานะที่สูงส่งหาใดเทียบได้