อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 81 หยุนธิงธิงถูกพิษ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 81 หยุนธิงธิงถูกพิษ
เพิ่งส่งหยุนธิงธิงกลับไป หยุนหว่านหนิงก็ให้หรูเยียน เอาข้อมูลพวกคุณชายในเมืองหลวงที่เป็นโสดส่งไปยังเรือนชิงหยิ่ง
พวกคุณชายพวกนี้ ล้วนเป็นลูกหลานขุนนางตระกูลสูงศักดิ์
ไม่เพียงสถานะคู่ควรกับหยุนธิงธิง อายุก็ต้องเหมาะสมด้วย
หรูเยียนถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจว่า “อีกตั้งหลายวัน คุณหนูสามหยุนถึงจะครบวัยแต่งงานไม่ใช่หรือ? ”
ทำไมถึงรีบเริ่มมองหาคู่ครองให้นางแล้ว?
“ข้าเลือกให้ดีก่อนหนึ่งรอบ ถึงตอนนั้นค่อยให้น้องสามเลือกเองอีกทีก็พอ ถึงเวลานั้นจะได้ไม่วุ่นวาย”
หยุนหว่านหนิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ยิ่งไปกว่านั้น”
“หยุนธิงหลานจิตใจอำมหิต ไม่แน่ว่าสักวันคงจะลงมือกับน้องสามแล้ว”
นางดูถูกผู้หญิงคนนี้เกินไป
ที่แท้เมื่อสามปีก่อน นางกับโม่หุยเฟิงกก็คบหากันแล้ว?
เมื่อสามปีก่อน หยุนธิงหลานอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดเลย
กลับหนีออกไปเสียแล้ว…
วิ่งหนีจนขาขาดจริงๆ
คิดถึงเรื่องที่หยุนธิงธิงเล่าให้นางฟัง หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “สำหรับน้องสาม จวนยิ่งกั๋วกงเปรียบเหมือนกองเพลิง รีบออกมาจากกองเพลิง ถือเป็นเรื่องดี”
ใครจะไปรู้ว่าในคืนวันนั้น ก็เกิดเรื่องกับหยุนธิงธิงแล้ว
ตอนที่ได้รับข่าว หยุนหว่านหนิงหลับไปเป็นตื่นแล้ว ไก่ขันข้างนอกสามครั้ง
เสียงหรูเยียนดังอยู่ด้านนอกว่า “พระชายา เกิดเรื่องแล้ว”
หยุนหว่านหนิงตื่นตัวตอนกลางคืน
เมื่อได้ยินเสียงหรูเยียน ก็ก้มมองดูหยวนเป่าที่หลับอยู่ในอ้อมแขนก่อน
แสงดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หยวนเป่าหลับสนิท คว้าจับมือนางไว้อย่างวางใจ หยุนหว่านหนิงค่อยคลายแขนของเขาอย่างระมัดระวัง สวมเสื้อคลุมแล้วรีบเดินออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดเรื่องกับคุณหนูสามหยุนแล้ว”
หรูเยียนพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ได้ยินว่าตอนนี้กำลังปวดท้องอย่างทุกข์ทรมาน จนนอนกลิ้งอยู่บนพื้น”
ปวดท้องอย่างทุกข์ทรมาน?
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “มีหมอไปตรวจแล้วหรือยัง?”
“ตรวจดูแล้ว ใครก็ไม่รู้สาเหตุ พูดเพียงว่าคุณหนูสามหยุนทานอาหารเป็นพิษ”
น่าแปลก
หยุนหว่านหนิงคิดถึงหยุนธิงหลานเป็นอันดับแรก…..ต้องเป็นนางแน่ วางยาพิษหยุนธิงธิง
นางหันไปมองหยวนเป่าแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไปบอกท่านอ๋อง บอกว่าพวกเราจะออกไปยังจวนยิ่งกั๋วกงตอนนี้ เจ้าให้เขากลับมาอยู่กับหยวนเป่า”
หรูเยียนอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา ตอนนี้ดึกมากแล้ว”
ท่านอ๋องคงหลับสนิทแล้ว?
เวลานี้นางจะกล้าไปปลุกท่านอ๋องได้อย่างไร?
“ท่านอ๋องจะฆ่าบ่าวแน่”
เห็นนางไม่กล้า หยุนหว่านหนิงส่ายหัวอย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ารีบไปเถอะ หากเขาโกรธโมโห เจ้าก็บอกว่าหยวนเป่าตื่นมาตอนกลางคืน อยากให้เขามาหา”
ได้ยินแบบนี้ สายตาหรูเยียนเป็นประกาย
พระชายาฉลาดจริงๆ
รู้ว่าท่านอ๋องรักใคร่หยวนเป่าเหมือนลูกแท้ๆ จึงนั้นจึงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อให้ท่านอ๋องมาหา
ต่อไปหากพระชายาอยากได้ความรักจากท่านอ๋อง วิธีนี้ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้….
“ใช่ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”
หรูเยียนหันเดินหายไปในความมืด
หยุนหว่านหนิงจัดการเก็บกวาดอย่างง่ายๆ แล้วจูบเบาๆบนหน้าผากหยวนเป่า
เดิมคิดว่า ต่อให้โม่เยว่จะมาก็คงอีกนาน ที่ไหนได้นางยังไม่ได้ออกไป เขาก็เข้ามาในเรือนชิงหยิ่งแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “หยวนเป่าตื่นหรือยัง?”
เขาไม่ได้ถามว่า ทำไมนางถึงจะออกไปกลางดึก
หากเป็นปกติ จะต้องพูดเหน็บแนมว่านางออกไปแอบทำอะไรมิดีมิร้ายกลางดึก….
“ยังเลย กำลังหลับสนิท เจ้าเสียงเบาหน่อยอย่าทำให้เขาตื่น”
หยุนหว่านหนิงตักเตือนอย่างเป็นห่วง
“ต้องให้เจ้าพูดด้วยหรือ?”
โม่เยว่พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา แล้วก็เดินเข้าห้องไปพร้อมปิดประตู
การกระทำนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับเข้าห้องนอนของตนเอง
หยุนหว่านหนิงออกไปอย่างวางใจ
เมื่อมาถึงจวนยิ่งกั๋วกง ในจวนมืดมิด ไม่ได้ยินเสียงวุ่นวายอะไรเลย มีเพียงเรือนของหยุนธิงธิง ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดดังแว่วมา
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว
ยังไงหยุนธิงธิงก็เป็นคุณหนูสามของจวน
คืนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ คนในจวนล้วนเหมือนอย่างคนตาย
ไม่มีใครมาเยี่ยมดูเลยหรือ?
แต่ละเรือนล้วนดับไฟแล้ว เงียบสงัดอย่างเห็นได้ชัดว่านอนหลับกันแล้ว
นางเดินเข้าไปในเรือนหยุนธิงธิง แล้วก็เห็นเพียงสาวใช้จูเอ๋อร์ เฝ้าอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าร้อนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู คุณหนูเป็นยังไงบ้าง?”
เพราะตื่นตระหนกตกใจ จูเอ๋อร์ร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้ว
“เจ็บ เจ็บปวดมาก”
หยุนธิงธิงนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ความเจ็บปวดทำให้นางนอนคดตัวเป็นวงกลม
สีหน้าขาวซีด เหงื่อไหลท่วมตัว เสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด
“คุณหนู ดื่มน้ำหน่อยไหม?”
จูเอ๋อร์ก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้เพียงคิดหาทุกวิธี อยากให้หยุนธิงธิงสบายขึ้นกว่านี้
ทันใดนั้นก็เห็นหยุนธิงธิงกลิ้งมาถึงขอบเตียง เกาะอยู่ข้างเตียงแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างรุนแรง จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา
“อ้าก…..”
จูเอ๋อร์ตกใจ พร้อมถามขึ้นว่า “คุณหนู คุณหนูไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลังจากกระอักเลือดออกมาแล้ว หยุนธิงธิงค่อยดีขึ้นมาหน่อย
นางค่อยๆนอนลงบนเตียง เหมือนปลาตายตัวหนึ่งที่ขยับไม่ได้ พูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินว่า “จูเอ๋อร์ ข้ารู้สึกเหมือนใกล้จะตายแล้ว”
ในเวลานี้ หน้าประตูมีเสียงดังขึ้นว่า “พูดอะไรไปเรื่อย?”
จูเอ๋อร์หันไปมอง เห็นหยุนหว่านหนิงเดินเข้ามาพร้อมประกายดาว
ไม่เคยเห็นนางมานานหลายปี จูเอ๋อร์จึงจำนางไม่ได้ในทันที
จนหยุนหว่านหนิงเดินมาใกล้ หยุนธิงธิงค่อยน้ำตาไหล คว้าจับมือของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาวใหญ่”
“พี่สาวใหญ่ ข้าใกล้ตายแล้ว มีเพียงเจ้าที่ยอมมาดูข้า มาส่งข้าเป็นครั้งสุดท้าย”
“ข้ามองเห็น ยมทูตมารับข้าไปแล้ว”
“อย่าพูดไปเรื่อย”
หยุนหว่านหนิงไม่พูดอะไรมาก ยื่นมือไปแตะหน้าผากของหยุนธิงธิง ซึ่งร้อนอย่างมาก จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นไข้ จึงเห็นภาพลวงตา ต้องหาวิธีลดไข้ก่อน”
ยมทูตที่นางเห็น น่าจะเป็นภาพลวงตา
จูเอ๋อร์ยืนร้องไห้อยู่ด้านข้าง เพิ่งรู้ว่านางคือพระชายาหมิง
“พระชายาหมิง ขอร้องท่านช่วยคุณหนูด้วย”
“ข้าก็มาแล้วไง?”
หยุนหว่านหนิงหันไปมองนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเอาน้ำร้อนมาให้ข้าหนึ่งกะละมัง”
จูเอ๋อร์รีบออกไป
นางตรวจชีพจรให้กับหยุนธิงธิงอย่างละเอียด พบว่าถูกวางยาพิษ ซึ่งพิษรุนแรงมาก แต่ถูกพิษไม่ลึก หากชักช้าอีกสักสองชั่วโมง หยุนธิงธิงอาจจะไม่รอดแล้ว
ในช่องว่างของหยุนหว่านหนิง ได้เตรียมยาถอนพิษไว้ให้แล้ว
หลังจากนางให้หยุนธิงธิงทานลงไป ค่อยพูดขึ้นมาว่า “ทานยาทอนพิษแล้ว ภายในหนึ่งชั่วโมงห้ามทานยาอย่างอื่น”
“ต้องผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ค่อยให้เจ้าทานยาลดไข้ได้”
“แต่ถึงตอนนี้เจ้าจะเป็นไข้ ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ ข้าทำได้เพียงลดไข้ให้เจ้าโดยวิธีทางกายภาพ”
ทุกประโยคที่นางพูด หยุนธิงธิงล้วนฟังไม่เข้าใจ
จูเอ๋อร์ตักน้ำร้อนเข้ามา หยุนหว่านหนิงเช็ดตัวให้หยุนธิงธิงด้วยตนเอง เปลี่ยนสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด แล้วใช้ผ้าประคบไว้บนหน้าผากของนาง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง
หยุนธิงธิงครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ความเจ็บปวดไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นแล้ว
เพราะตัวร้อน ใบหน้าจึงแดงระเรื่อ
หยุนหว่านหนิงนั่งอยู่ข้างเตียงดูแลนางด้วยตนเอง จับมือของนางไว้พร้อมถามด้วยเสียงเบาว่า “น้องสาม บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ตอนอยู่ที่จวนอ๋องหมิง นางยังดีๆอยู่เลย
พอกลับมาถึงจวนยิ่งกั๋วกง กลับเกิดเรื่อง?