อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 86 หยุนหว่านหนิงโกรธโมโห
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 86 หยุนหว่านหนิงโกรธโมโห
ใครก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้หยุนหว่านหนิงจะไม่ไว้หน้าใครขนาดนี้
พูดว่าโบยก็โบย
เมื่อเช้าตอนอยู่ในวัง หยุนเจิ้นซงก็ถูกทำร้ายไปแล้วหนึ่งยก
ตอนนี้ ถึงทีนางเฉินแล้ว
ทหารรักษาพระองค์จับตัวนางขึ้นมาทันที พร้อมโบยตีตรงนั้นเลย….โบยตีไปแต่ละที เริ่มแรกนางเฉินยังสามารถก่นด่า ต่อมาก็กลายเป็นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
ตามด้วยการร้องขอการให้อภัย ร้องห่มร้องไห้อย่างเจ็บปวด
สุดท้าย โบยสามสิบทียังไม่เสร็จ นางก็สลบไปแล้ว
“พระชายา สลบไปแล้ว”
ทหารรักษาพระองค์เดินมารายงาน
หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไปในเรือนหยุนธิงธิงแล้ว พร้อมสั่งอย่างไม่ลังเลว่า “สลบไปแล้ว ใช้น้ำเย็นราด ตื่นมาแล้วก็โบยต่อ”
“ขอรับ”
ทหารรักษาพระองค์หันเดินออกไปแล้ว
หยุนเจิ้นซงกับหยุนธิงหลาน ก็ตกใจกลับความเฉียบขาดของนาง
ไม่มีใครกล้าช่วยพูดให้กับนางเฉิน กลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษไปด้วย
เพราะวันนี้ที่หยุนหว่านหนิงมายังจวนยิ่งกั๋วกง ไม่เพียงเพราะสถานะของพระชายาหมิง ข้างหลังยังมีฮ่องเต้
หากล่วงเกินนาง ก็กลัวว่าทางฮ่องเต้ จะไม่เป็นผลดี
หยุนหว่านหนิงมองดูหยุนธิงธิงที่ใบหน้าขาวซีด แล้วหันมาสั่งผู้ชันสูตรศพอย่างสงสารว่า “ธิงธิงเป็นผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องผ่าศพชันสูตร”
“ตรวจหายาพิษก่อน ข้าสงสัยว่า นางถูกวางยาพิษ”
“ขอรับ พระชายาหมิง”
ผู้ชันสูตรศพโน้มตัวเดินไปข้างหน้า
เขาหยิบเครื่องมือออกมาจากในกล่องเครื่องมือ เปิดปากหยุนธิงธิง เริ่มตรวจดูปากกับลำคอ
หยุนธิงหลานยืนอยู่ด้านข้างอย่างหวาดหวั่น เพราะตื่นเต้นรู้สึกผิด ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกนางบีบจนเปลี่ยนรูปแล้ว
นางคิดไม่ถึงเลยว่า หยุนหว่านหนิงจะพาผู้ชันสูตรศพมาชันสูตรศพ
หากตรวจรู้…..
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ข้างหูก็ได้ยินเสียงผู้ชันสูตรศพดังขึ้นว่า “พระชายาหมิง คุณหนูสามหยุนถูกวางยาพิษจริงๆ เป็นพิษรุนแรงถึงชีวิต”
เขาหยิบเข็มเงินขึ้นมา
ตรงปลายเข็มเงิน เห็นได้ชัดว่ามีพิษ
เมื่อกี้เข็มเงินของเขา แทงลงไปตรงปลายลิ้นของนาง
แล้วเข็มเงินก็เปลี่ยนเป็นสีดำทันที
หยุนธิงหลานขาอ่อนทั้งคู่ แทบล้มกองลงบนพื้น
แต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่า ใครเป็นคนวางยาพิษ หยุนธิงธิงถูกพิษได้อย่างไร
นางจะตื่นตูมไปก่อนไม่ได้
หยุนธิงหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมตนให้สงบ ถือผ้าเช็ดหน้ายืนอยู่ด้านข้างพร้อมพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “น้องสามผู้น่าสงสาร ใครกันที่อำมหิตขนาดนี้”
“ท่านพ่อ จะต้องสืบหาคนวางยาพิษให้ได้ เรียกร้องความยุติธรรมให้น้องสาม”
หยุนเจิ้นซงก็คิดไม่ถึง หยุนธิงธิงถูกคนวางยาพิษจนตายแล้ว
สีหน้าของเขาเขียวปัด โกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ใครกันที่โหดเหี้ยมเหิมเกริมขนาดนี้ กล้าวางยาพิษลูกสาวของข้าหยุนเจิ้นซง”
หยุนหว่านหนิงหันไปมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง
หากเป็นแบบนี้ แสดงว่าหยุนเจิ้นซงไม่รู้เรื่อง ที่เมื่อคืนหยุนธิงธิงถูกวางยาพิษ?
“เจ้าไม่รู้ว่านางถูกวางยาพิษ?”
นางยังคงถามออกมา
“เมื่อคืนข้าแค่ได้ยินว่า ธิงธิงปวดท้อง เดิมก็จะมาเยี่ยม แต่ฮูหยินบอกว่าแค่ปวดท้องไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อาจเป็นเพราะธิงธิงเป็นประจำเดือน”
ในฐานะพ่อคนหนึ่ง พูดถึงเรื่องนี้ของลูกสาวอย่างค่อนข้างลำบากใจ
หยุนเจิ้นซงไอขึ้นมาหนึ่งที ปกปิดสีหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก
“ดังนั้นข้าจึงเพียงสั่งคนใช้ เอาทังผอจื่อ(เป็นเครื่องอุ่นในสมัยโบราณจีน)ไปให้นาง”
“ไม่มีคนเอาทังผอจื่อมาให้คุณหนู”
จูเอ๋อร์เดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัว ยืนอยู่ด้านหลังหยุนหว่านหนิง พร้อมทั้งคุกเข่าต่อหน้าหยุนเจิ้นซง พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่าน เมื่อคืนไม่มีใครมาเยี่ยมคุณหนูเลย”
“ต่อมาก็มีหมอมา แต่ต่างก็บอกว่ารักษาคุณหนูไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมคุณหนูถึงปวดท้องอย่างทุกข์ทรมาน”
หยุนธิงหลานเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้า สายตาที่หันมามองจูเอ๋อร์ฉายแววเฉียบคม
“อะไรนะ?”
หยุนเจิ้นซงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาโกรธจนกำหมัดแน่ ตะโกนไปด้านนอกประตูว่า “เหล่าเฉิน เจ้าเข้ามา”
เหล่าเฉินเป็นพ่อบ้านในจวน
ตอนที่นางเฉินแต่งงานเข้ามา ได้พามาจากตระกูลเฉิน
“ข้าถามเจ้า เมื่อคืนข้าสั่งเจ้าเอาทังผอจื่อไปให้ธิงธิงไม่ใช่หรือ?”
เหล่าเฉินพูดตอบอย่างไม่กล้าสบตาว่า “นายท่าน ข้าเอาทังผอจื่อไปให้คุณหนูสามแล้ว จูเอ๋อร์พูดโกหก ซึ่งเป็นการใส่ร้ายนายท่าน”
“บ่าวเปล่านะคะ”
จูเอ๋อร์ร้องพูดขึ้นนมา
นางโกรธโมโหจนร่างกายสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่าน พระชายาหมิง เมื่อคืนพ่อบ้านเฉินไม่ได้มา”
“เจ้านังเด็กคนนี้พูดไปเรื่อย ข้าได้เอาทังผอจื่อมาให้คุณหนูสามแล้ว”
ทั้งสองคนถกเถียงกัน ต่างโทษว่าอีกฝ่ายเป็นคนพูดโกหก
หยุนเจิ้นซงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หยุนหว่านหนิงรู้ดี
เมื่อคืน นางอยู่ในห้องหยุนธิงธิง
นางอาเจียนเป็นเลือดจนสลบไป พวกนางเฉินล้วนไม่มีใครมาเยี่ยม อย่าว่าแต่ทังผอจื่อ….เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านคนนี้ พูดไปเรื่อย
นางยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “แบบนี้แสดงว่า ต้องมีคนหนึ่งที่พูดโกหก”
“อยากรู้ว่าใครพูดโกหกนั้น อยากหรือ?”
สายตาหยุนหว่านหนิงเยือกเย็น หางตาเหลือบมองหยุนธิงหลาน พร้อมพูดสั่งทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านนอกว่า “ทหาร ลากตัวจูเอ๋อร์กับพ่อบ้านเฉินออกไป”
“โบยคนละยี่สิบที”
“หากหนึ่งในพวกเขายังไม่ยอมพูดความจริง ก็โบยตีต่อไป จนกว่าจะยอมพูดความจริง”
จูเอ๋อร์กัดฟันแน่น จ้องมองดูเหล่าเฉินอย่างโกรธแค้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยยอมถูกโบย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้คุณหนู”
พูดเสร็จ นางก็เดินออกไปอย่างโกรธโมโห
เหล่าเฉินกลับลังเล ไปหลบอยู่ข้างหลังหยุนธิงหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหมิง ข้าน้อยอายุเยอะแล้ว ทนรับการถูกโบยตีได้อย่างไร?”
“เจ้ายังไม่ถึงห้าสิบเลย อายุเยอะแล้วหรือ?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “จูเอ๋อร์เป็นสาวน้อยเนื้อหนังเนียนนุ่ม ยังไม่พูดว่าอะไร เจ้ากลับไม่กล้า?”
“แสดงว่า เจ้าพูดโกหกหรือเปล่า?”
“ข้าน้อย…..”
เหล่าเฉินหลบสายตา พร้อมไม่รู้จะตอบยังไง
เห็นแบบนี้ หยุนธิงหลานรีบช่วยเขาพูดว่า “พี่สาวใหญ่…..พระชายาหมิง นี่ไม่เท่ากับเป็นการลงโทษบีบบังคับให้ยอมรับผิดหรือ?”
“ลงโทษบีบบังคับให้ยอมรับผิด ก็ไม่ใช่วิธีอย่างหนึ่งหรือ?”
หยุนหว่านหนิงกวาดสายตามองดูนางอย่างลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? น้องรองกลัวมีคนเผยพิรุธหรือ จึงไม่กล้าให้พ่อบ้านเฉินถูกโบยตี?”
“ข้า….ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด จะกลัวทำไม”
รอยยิ้มบนใบหน้าหยุนธิงหลาน แลดูค่อนข้างฝืน
เมื่อสังเกตดูดีๆ ผ้าเช็ดหน้าในมือของนางถูกบิดจนเติมไปรอยย่นแล้ว
“ในเมื่อไม่กลัว งั้นก็หุบปาก ข้าจะทำอะไร เจ้าไม่จำเป็นต้องมาสั่งสอน”
หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล เผด็จการอย่างสุดยอด
สำหรับหยุนธิงหลาน ฉินซื่อเสวียที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในคิดไม่ซื่อแบบนี้ นางมีวิธีรับมืออย่างมากมาย
หากไม่ใช้วิธีเลวๆแบบผู้หญิง ก็ฉีกหน้ากากความตอแหลของพวกนาง ให้พวกนางได้รู้ อะไรคือการฉีกหน้ากากคนตอแหล
สีหน้าของนางค่อยๆเยือกเย็นลง
“ธิงธิงเป็นน้องสามของข้า นางถูกคนวางยาพิษ ซึ่งข้าไม่มีทางยอมง่ายๆ”
หยุนหว่านหนิงตบโต๊ะ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “วันนี้ หากไม่มีใครก้าวออกมายอมรับผิด ข้าจะโบยตีทุกคนในจวนยิ่งกั๋วกง”
“ข้าไม่เชื่อว่า จะไม่มีใครยอมรับผิด”
ทุกคนในจวนยิ่งกั๋วกง ล้วนทุกโบยตี?
นี่ไม่เท่ากับว่า แม้แต่หยุนเจิ้นซงก็หนีไม่พ้น?
เห็นทีวันนี้ หยุนหว่านหนิงโกรธโมโหแล้วจริงๆ