อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่ 89 ลูกแท้ๆของเจ้าหรือเปล่า
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 89 ลูกแท้ๆของเจ้าหรือเปล่า
หลังจากนางเฉินถูกโบยตีจนครบจำนวน ก็สลบไปแล้ว
หลังจากถูกน้ำเย็นราดจนฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถูกโยนมาตรงหน้าหยุนหว่านหนิงเหมือนอย่างสุนัขที่ตายแล้ว
เวลานี้ นางเหิมเกริมไม่ได้อีกแล้ว
“นางเฉิน ข้ามีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง”
เห็นนางเฉินฟุบอยู่บนพื้น หายใจออกมากกว่าหายใจเข้า หยุนหว่านหนิงถามขึ้นว่า “หยุนธิงหลานหยุนธิงธิง เป็นลูกสาวของเจ้าจริงหรือ?”
ถึงแม้นางจะใกล้ตายแล้ว แต่ก็ยังมีสติอยู่
“คำพูดของพระชายาหมิงมีความหมายจริงๆ พวกนางไม่ใช่ลูกสาวของข้า แล้วจะเป็นลูกสาวของเจ้าหรือ?”
เพิ่งพูดเสร็จ ทหารรักษาพระองค์คนหนึ่ง ก็เดินมาจะสั่งสอนนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “กล้าไม่ให้เกียรติพระชายา….”
แต่หยุนหว่านหนิงห้ามไว้
“เห็นทีเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เรื่องนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังข้า หากข้าอยากสืบรู้ความจริง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
นางก้มหน้ามองดูนางเฉินแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่าเจ้า คงรอไม่ถึงเวลานั้นแล้ว”
“เมื่อกี้หยุนธิงหลานยอมให้การทุกอย่างแล้วว่า เจ้าเป็นคนสั่งให้นางวางยาพิษธิงธิง เพื่อฆ่าปิดปาก”
สีหน้าหยุนธิงหลานเปลี่ยนไป กำลังคิดจะปฏิเสธ แต่ก็มองเห็นสายตาเยือกเย็นของหยุนหว่านหนิง
จับพลัดจับผลูกระทำลงไปโดยไม่รู้ตัว คำพูดที่มาถึงปากถูกนางกลืนกลับไป
เรื่องนี้หากให้นางเฉินมารับโทษจริงๆ….
นางก็จะไม่เป็นไรแล้ว?
เมื่อกี้ตอนที่เข้ามา นางเฉินก็มองเห็นแล้ว หยุนธิงหลานคุกเข่าอยู่ข้างเตียง ในใจนางก็พอเดารู้แล้ว เรื่องนี้คงสืบได้ความอย่างชัดเจนแล้ว
แต่ยังไงก็คิดไม่ถึงว่า หยุนธิงหลานจะโยนความผิดให้นาง
“หลานเอ๋อร์ ทำไมเจ้า…..”
นางเฉินเจ็บปวดทรมานใจอย่างมาก
เมื่อเห็นใบหน้าหยุนธิงหลานเต็มไปด้วยน้ำตา นางก็คิดขึ้นมาได้ว่า นางอายุมากแล้ว ต่อให้ครั้งนี้ถูกหยุนหว่านหนิงโบยตีตาย ก็ไม่เป็นไร พอเพียงสามารถปกป้องหลานเอ๋อร์….
นางอายุอย่างน้อย ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
หากนางสามารถแต่งงานเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องหยิง ต่อไปก็จะสามารถแก้แค้นให้กับนางได้
นี่ถึงจะเป็นแม่คนหนึ่ง ควรคิดคำนึงถึงลูกสาว แม่ยอมเสียสละได้ทุกอย่าง
นางเฉินกัดฟันพร้อมกลืนความขมขื่นในใจลงไป พยักหัวด้วยหัวใจที่แตกสลาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ เรื่องนี้ข้าเป็นคนสั่ง หลานเอ๋อร์ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
หยุนเจิ้นซงหน้ามืด แทบล้มกองลงบนพื้น
ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านข้าง ประคองเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“ยิ่งกั๋วกงฟังเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเย้ย มองดูเขาด้วยสายตาประชดประชัน พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ก็คือฮูหยินคนดี ลูกสาวคนดีของเจ้า”
“ข้า ข้า….”
ริมฝีปากหยุนเจิ้นซงสั่นเทาอย่างรุนแรง พร้อมพูดอะไรไม่ออก
หยุนธิงธิงก็น้ำตานองหน้า มองดูนางเฉินที่นอนฟุบอยู่บนพื้น พร้อมถามอย่างรับไม่ได้ว่า “แม่ ทำไมท่านถึงทำกับข้าแบบนี้? ทำไมจะต้องโหดเหี้ยมกับค่าขนาดนี้?”
“ท่านรักแต่พี่รอง ข้ารู้มาตั้งแต่เด็ก”
“ดังนั้นจึงไม่คิดแย่งความรักอย่างรู้ตัว แต่ข้าก็เป็นลูกสาวของท่าน ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้”
“ข้าก็อยากปรนนิบัติดูแลแม่ อยากได้ความรักจากแม่ แต่ทำไมท่านจะต้องทำกับข้าแบบนี้”
นางเฉินลำเอียง กระทั่งลงมือทำร้ายนางอย่างอำมหิต
เป็นการทำลายหญ้าต้นสุดท้ายของหยุนธิงธิง
นางยกมือกุมหน้าร้องไห้อย่างหนัก
หยุนหว่านหนิงไม่ได้พูดปลอบนาง เพียงแค่จ้องมองดูนางเฉินด้วยสายตาเคร่งขรึม พร้อมถามขึ้นว่า “ธิงธิง ใช่ลูกสาวของเจ้าไหม?”
ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าหยุนเจิ้นซงเปลี่ยนไป
เขาหันมามองหยุนหว่านหนิงอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมถามขึ้นว่า “นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
สีหน้านางเฉินนิ่งอึ้ง สายตากวาดมองรอบๆอย่างหวาดระแวง ไม่กล้าหันไปมองหยุนหว่านหนิง
“เจ้าพูดอะไรไปเรื่อย? ธิงธิงจะไม่ใช่ลูกสาวของข้าได้อย่างไร? ตอนที่ข้าคลอดนาง นายท่านก็เฝ้าอยู่ด้านนอกประตู นายท่านก็รู้”
ความทรงจำของหยุนเจิ้นซง ค่อยๆกลับไปยังเมื่อสิบห้าปีก่อน
คืนที่นางเฉินคลอดหยุนธิงธิง หิมะตกหนักมาก
เขาคิดมาตลอดว่า ลูกในท้องนางเฉินเป็นลูกชาย
แม้แต่หมอหลวงกับหมอ ต่างก็พูดว่าลูกในท้องของนางเป็นคุณชายน้อย ดังนั้นหยุนเจิ้นซงจึงดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูรอคอยนางคลอดด้วยตนเอง
ที่ไหนได้ หลังจากคลอดออกมา กลับกลายเป็นลูกผู้หญิง?
หยุนเจิ้นซงไม่มีลูกชาย การรอคอยมาตั้งสิบเดือนก็สูญเปล่า ในใจก็เยือกเย็น
ด้วยความที่เขาโกรธ สะบัดแขนเสื้อแล้วก็จากไป ไม่แม้แต่จะมองนางเฉินกับลูก
แต่เขาก็รออยู่ด้านนอกประตูจริงๆ รอจนนางเฉินคลอด
แล้วหยุนธิงธิงจะไม่ใช่ลูกนางเฉินได้อย่างไร?
เขาจำได้ว่าคืนนั้นหิมะตกหนักมาก เขารออยู่ด้านนอกจนมือเท้าแทบเย็นแข็งไปหมด เดินไปเดินมาอยู่บนระเบียงอย่างต่อเนื่อง จึงค่อยอบอุ่นขึ้นมาหน่อย
จนภายในห้องมีเสียงทารกร้องไห้ดังขึ้น เขาคอยผลักประตูเข้าไป
ความทรงจำในคืนนั้นสิ้นสุดลง
เมื่อหวนคิดดูดีดีอีกครั้ง หลายปีมานี้นางเฉินปฏิบัติต่อหยุนติงติ….อย่างไม่รักใคร่จริงๆ
ส่วนกับหยุนธิงหลานนั้น ตามใจทุกอย่าง
คนไม่รู้ ก็จะคิดว่า หยุนธิงธิงไม่ใช่ลูกของนางเฉิน
“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่รักธิงธิง?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว
“เพราะ เพราะ…..”
แววตานางเฉินกระวนกระวาย พร้อมรีบพูดอธิบายคือว่า “เพราะตอนนั้นหมอหลวงกับหมอต่างก็ตรวจ แล้วบอกว่าลูกในท้องของข้าเป็นคุณชาย หากข้าคลอดออกมา ก็จะเป็นซือจื่อของจวนยิ่งกั๋วกง”
“ภายในสิบเดือนนั้น นายท่านรักใคร่ดูแลเอาใจใส่ข้ามาก ข้าเองก็คาดหวังสูง”
“ที่ไหนได้ หลังจากคลอดแล้วกลับกลายเป็นลูกผู้หญิง นายท่านไม่แม้แต่จะมองข้า แล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไปแล้ว ข้าโศกเศร้าเสียใจจนแทบบ้าคลั่ง”
“ในช่วงที่อยู่เดือน นายท่านก็ไม่มาหาข้าเลย”
“ข้าร้องไห้อยู่ตลอด นับตั้งแต่นั้นมา จึงทำให้ป่วยเรื้อรัง”
นางเฉินร้องห่มร้องไห้
มือทั้งคู่ของนางค่อยๆกำแน่น พร้อมพูดขึ้นว่า “สำหรับข้าแล้ว นางถือเป็นความโชคร้าย ลูกสาวแบบนี้ข้าไม่อยากได้ เมื่อเห็นนางก็จะทำให้คิดถึงเรื่องในตอนนั้น แล้วข้าจะรักนางได้อย่างไร?”
คำพูดพวกนี้ ไม่เพียงทำให้หยุนธิงธิงหลงเชื่อ แม้แต่หยุนเจิ้นซงก็หลงเชื่อ
หลายปีมานี้ ที่เขาไม่รักใคร่หยุนธิงธิง ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
แต่ไม่คิดว่านางเฉินก็เป็นแบบนี้…
“เจ้าโกหก”
หยุนหว่านหนิงมองเห็นถึงความเสแสร้งของนางเฉิน
แววตาของนาง จ้องมองสายตานางเฉิน พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คำพูดพวกนี้ เจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้”
“หากเจ้าไม่พูดความจริง….”
นางค่อยๆยักยิ้ม เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะตามหาหมอตำแยที่ทำคลอดให้กับเจ้าในตอนนั้น ยังมีสาวใช้ แม่นมที่คอยดูแลปรนนิบัติเจ้ามาถามความ”
นางรู้ได้อย่างไรว่านางพูดโกหก?
นางเฉินกระวนกระวาย
นางอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างลำบาก พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่าน ข้าพูดความจริง”
“เรื่องในตอนนั้นท่านเองก็เห็นกับตา ข้าจะโกหกได้อย่างไร?”
หยุนเจิ้นซงกลับลำบากใจ
จากเรื่องที่หยุนธิงธิงวางยาพิษจนถึงตอนนี้ แต่ละเรื่องล้วนทำให้เขาไม่คาดคิด ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน
ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่า นางเฉินพูดอันไหนคือความจริง อันไหนคือความเท็จ…..
“เห็นทีเฉินอี๋เหนียงไม่ยอมพูดความจริง งั้นก็ไปสืบดู หมอตำแยที่ทำคลอดให้กับเจ้าในตอนนั้นเป็นใคร แล้วก็พาตัวสาวใช้แม่นมในเรือนของเจ้ามา ข้าจะถามความ”
สายตาหยุนหว่านหนิง มองดูนางเฉินอย่างเย็นชา
ทำให้นางสั่นเทาไปทั้งตัว รู้สึกเพียงว่าแววตาของนางเยือกเย็นไปจนถึงกระดูก….
“หากใครไม่พูดความจริง ก็โยนไปในป่าให้เป็นอาหารหมาป่า”
นางพูดพร้อมลุกขึ้นมา เอื้อมมือไปบีบคอหยุนธิงหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “หรือว่าข้า ลงมือจากหยุนธิงหลานก่อน”
หยุนธิงหลาน เป็นดั่งชีวิตของนางเฉิน
ขาทั้งคู่ของนางอ่อนแรงคุกเข่าลง ก้มหัวอย่างหมดอาลัยตายอยาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าปล่อยหลานเอ๋อร์ ข้าพูด ข้าพูด”