อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่226 ฝ่าบาทโกรธจัด
“ฝ่า ฝ่าบาท……”
ซูปิ่งซ่านหอบ แต่ก็ไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้
โม่จงหรานโกรธจนเอาเท้าเตะไป “ไอคนไร้ประโยชน์ ผ่านไปตั้งนานก็พูดคำอะไรไม่ออก! ข้าเอาคนไรประโยชน์เช่นนี้ไว้ทำไม?! ”
ซูปิ่งซ่านถูกเตะลงกับพื้น ตั้งนานก็ยังลุกขึ้นไม่ได้
เหลียงเสี่ยวกงกงยืนอยู่ด้านข้างด้วยความตกใจหวาดผวา ไม่มีคําสั่งของโม่จงหราน ก็ไม่กล้าเข้าไปประคองอาจารย์ของตนลุกขึ้นมา
ซูปิ่งซ่านก็แก่มากแล้ว เจ็บจนหน้าซีดไปหมด บนหน้าผากก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ก็มองหน้ากัน: วันนี้เสด็จพ่อเป็นอะไร?กินดินปืนเข้าไปหรือ?
ดูเหมือนว่า วันนี้ไม่เหมาะที่จะทดสอบทัศนคติของโม่จงหรานที่มีต่อพระนัดดาองต์โต……
หยุนหว่านหนิงเท้าคาง
“ว่ามา! เกิดอะไรขึ้น?!”
โม่จงหรานมองดูซูปิ่งซ่านด้วยความโมโห
“ฝ่าบาท คุณ คุณหนูรองหยุนแท้ง แท้งพ่ะย่ะค่ะ!”
สสีหน้าของซูปิ่งซ่านนั้นเจ็บปวด พูดประโยคหนึ่งออกมาด้วยความยากลําบาก
“อะไรนะ?!”
สีหน้าของโม่จงหรานเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และในทันทีสีหน้าก็ดูมืดครึ้ม ดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง “อยู่ดีๆ ทำไมถึงแท้งได้?!”
แม้ว่าเขาจะผิดหวังในตัวของโม่หุยเฟิง และยิ่มไม่ชอบหยุนธิงหลาน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เด็กที่หยุนธิงหลานกําลังอุ้มท้องอยู่นั้น เป็นสายเลือดของตระกุลโม่!
แม้ว่าเขาอยากให้พระนัดดาองต์โตกำเนิดโดยจวนอ๋องหมิงมากก็ตาม……
แต่เรื่องเช่นนี้ ใครจะไปบังคับได้?!
ดังนั้นเมื่อเผชิญกับเรื่องที่ฮองเฮาจ้าวกับหยุนเจิ้นซงปรึกษาหารือกันนั้น โม่จงหรานก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แสร้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น
ขอเพียงหยุนธิงหลานสามารถให้กําเนิดพระนัดดาองต์โตจริง เขาก็สามารถยอมรับนางได้
ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้หยุนธิงหลานกลับแท้ง?!
โม่จงหรานโกรธจัด!
“บ่าวก็มิทราบพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่เห็นฮองเฮาออกจากวังอย่างรีบร้อน”
ซูปิ่งซ่านเจ็บมาก
เมื่อครู่ถูกโม่จงหรานเตะเข้าที่ท้อง
ในเวลานี้เขาเอามือปิดท้องอย่างเจ็บปวด และพูดอย่างติดๆขาดๆว่า “บ่าวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงถามเหนียงเหนียงว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า ใครจะไปรู้ว่า……”
“ใครจะไปรู้ว่าเหนียงเหนียงก็เตะบ่าวไปหนึ่งที”
ตลอดทางกลับมาที่ห้องทรงพระอักษร ซูปิ่งซ่านพยายามทนความเจ็บปวดเอาไว้
ใครจะไปรู้ว่า พึ่งเอ่ยปาก ก็ถูกโม่จงหรานเตะอีกครั้ง!
ในเวลานี้ซูปิ่งซ่านไม่สามารถทนอีกต่อไปได้ ล้มลงกับพื้นและขดตัวไว้ บรหน้าผากมีเหงื่อกไหลลงมาเป็นจำนวนมาก
ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อครู่เขาเหงื่อออกอย่างล้นเหลือ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก
เดิมทีหยุนหว่านหนิงคิดว่า เป็นเพราะเขาเดินเร่งรีบเกิน
แต่กลับไม่รู้ว่า ที่แท้เป็นเพราะถูกฮองเฮาจ้าวเตะมา……
มีความไหวพริบแวบผ่านในดวงตาของนาง
เมื่อนึกถึงว่าปกติซูปิ่งซ่านก็ดีกับนางไม่น้อย เขาเจ็บปวดมากในเวลานี้ และโม่จงหรานก็บอกให้เขาลุกขึ้น หยุนหว่านหนิงก้าวไปข้างหน้า และกําลังจะพูดก็ถูกโม่เยว่จับข้อมือเอาไว้
เขาส่ายหัวให้นางอย่างลับๆ
ให้นางไม่ต้องไปยุ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวหรือ?
นางหยุนหว่านหนิง เป็นคนที่เห็นความตายแล้วไม่ช่วยงั้นหรือ?!
หยุนหว่านหนิงสะบัดมือของโม่เยว่ทิ้ง
“เสด็จพ่อ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดน้องรองถึงแท้ง แต่ในเมื่อเสด็จแม่ได้รีบไปในจวนอ๋องหยิงแล้ว คาดว่าทุกอย่างคงจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
นางไตร่ตรอง มองดูสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของโม่จงหราน และพูดอย่างระมัดระวังว่า “เสด็จพ่อโปรดรักษาร่างกายด้วย”
“ซูกงกงถูกเตะไม่เป็นไร”
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองซูปิ่งซ่านอย่างมีความหมายแฝง
เมื่อสบตากับนาง ซูปิ่งซ่านก็รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก
“ซูกงกงก็เป็นคนสนิทของเสด็จพ่อ! ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นวัวเป็นม้าให้กับท่าน รับใช้เสด็จพ่ออย่างสุดความสามารถ จะไม่เข้าใจนิสัยของเสด็จพ่อได้อย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงถอนสายตาออก “วันนี้ทั้งๆที่รู้ว่าเสด็จพ่ออารมณ์ไม่ดี แต่ยังมารายงานเรื่องนี้”
“ควรตียิ่งนัก! เสด็จพ่อท่านเตะอีกสองสามครั้ง เพื่อให้หายโกรธดีหรือไม่? ”
“ร่างกายของซูกงกงเป็นเรื่องเล็ก ร่างกายของเสด็จพ่อสําคัญ! หากท่านโกรธจนป่วย พวกข้าเหล่านี้……”
ยังไม่ทันพูดจบ โม่จงหรานก็หัวเราะทันที “อีนังหนู! ทำเป็นด่าซูปิ่งซ่านไอ่แก่นี้ แท้จริงแล้วกลับช่วยเขา เจ้าคิดว่าข้าแก่จนสับสนฟังไม่ออกหรือ?!”
อะไรเป็นวัวเป็นม้า รับใช้เขาอย่างสุดความสามารถ
เป็นการขอคุณงามความดีแทนซูปิ่งซ่านชัดๆไม่ใช่หรือ?!
“ที่แท้เสด็จพ่อฟังความหมายแฝงออกแล้ว”
หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างประจบสอพลอ “แม้สะใภ้จะช่วยซูกงกงพูด แต่ก็เป็นห่วงร่างของเสด็จพ่อจริง!”
“ท่านลองคิดดูสิ หากร่างกายของเจ้าทรุดตัวลง ต่อไปในอนาคตใครจะสนับสนุนสะใภ้? ในวังนี้ยังจะมีใครสามารถปล่อยให้สะใภ้ก่อกวนอย่างไร้เหตุผลตามใจชอบเช่นนี้อีก? ”
นางดู “จริงใจ” : “เสด็จพ่อ ท่านคือที่พึ่งของข้า!”
“ไปไปไป ข้าเถียงไม่ไหวเจ้า”
โม่จงหรานโบกมือด้วยความขยะแขยง “ใครเป็นที่พึ่งของเจ้า? ข้าแทบอยากจะขับไล่เจ้าออกไปด้วยซ้ำ ใครจะปล่อยให้เจ้าก่อกวนอย่างไร้เหตุผลตามใจชอบกัน? ”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่สีหน้าของโม่จงหรานก็คลี่คลายลงไม่น้อย
บรรยากาศที่ตึงเครียดในห้องทรงพระอักษร ก็หายไปมากไม่น้อยเช่นกัน
โม่เยว่เหลือบมองนางโดยไม่คาดคิด
ที่แท้ภรรยาของเขายังมีความสามารถเช่นนี้ด้วย……
หากวันไหนเขาทำให้เสด็จพ่อโกรธ ก็พาหนิงเอ๋อร์เข้าวัง
ปากของนางสามารถ “ไม่ดีกลายเป็นดี”!
โม่เยว่กอดอก ครุ่นคิดและมองดูหยุนหว่านหนิง
เมื่อสบกับตาที่กำลังสำรวจของเขา ในใจของหยุนหว่านหนิงก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น——ไอ่ผู้ชายคนนี้ กำลังวางแผนอะไรอยู่อีกหรือเปล่า?!
โม่จงหรานมองดูซูปิ่งซ่านที่ล้มลงกับพื้น “อีแก่ที่ไร้ประโยชน์!”
“เข้ามาก็แย่แล้ว ทำเอาอารมณ์ข้าเสียไปหมด! พูดตรงๆไม่ได้หรือ? ”
“พ่ะย่ะค่ะ เป็นความผิดของบ่าวทั้งหมดเอง”
ซูปิ่งซ่านยิ่งรู้สึกน้อยใจไปกว่าเดิม
หยุนหว่านหนิงยิ้ม “เสี่ยวเหลียงจื่อ ยังไม่รีบไปประคองอาจารย์เจ้าลุกขึ้นแล้วเชิญหมอหลวงมาตรวจดู?”
“ร่างกายของเสด็จพ่อแข็งแกร่ง ทรงพลัง แรงการเตะในเมื่อครู่นั้นคงไม่เบา? ลำบากซูกงกงแล้ว เพิ่งถูกฮองเฮาเตะมา ก็มาถูกเสด็จพ่อเตะอีก”
นางส่ายหัว “หากเป็นผู้อื่น คงใกล้ตายแล้ว!”
นางยังจงใจพูดเรื่องที่ฮองเฮาจ้าวเตะซูปิ่งซ่าน……
“ตกลงเจ้ากำลังต่อว่าข้า หรือประจบสอพลอข้ากันแน่?”
โม่จงหรานไม่พอใจแล้ว
ซูปิ่งซ่านเป็นคนของเขา
ฮองเฮาจ้าวกลับกล้าเตะเขา?!
กำลังตกหน้าเขาชัดๆ!
โม่จงหรานเพียงรู้สึกว่า การเตะของฮองเฮาจ้าวเหมือนเตะใส่ที่ใบหน้าของเขา……จึงทำเสียงเชอะทันที “เสี่ยวเหลียงจื่อ ยังไม่รีบพาอาจารย์เจ้าลงไปอีก?”
เหลียงเสี่ยวกงกงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบประคองซูปิ่งซ่านขึ้นมา “อาจารย์ ท่านเป็นไรมากหรือไม่?”
ซูปิ่งซ่านยืนขึ้นด้วยความยากลําบาก “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เขาเหลือบมองหยุนหว่านหนิงอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยพระชายาหมิง”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
เขามองไปที่โม่เยว่อีกครั้ง
โม่เยว่ที่กำลังกอดอกคิด “เรื่องไม่ดีต่อ” หยุนหว่านหนิงอยู่นั้น:“???”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วทันที “เจ้าขอบคุณเขาทำไม!”
“ท่านอ๋องกับพระชายาเป็นหนึ่งเดียวกัน บ่าวก็จำเป็นต้องขอบคุณทั้งสองท่านอยู่แล้ว”
ซูปิ่งซ่านยิ้มด้วยความยากลําบาก รอยยิ้มนี้น่าเกลียดกว่าร้องไห้อีก โม่จงหรานยิ่งขยะแขยงจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมด โบกมือเหมือนไล่ยุง “รีบออกไปให้หมอหลวงตรวจดู ไปไป!”
เหลียงเสี่ยวกงกงประคองซูปิ่งซ่านออกไป
หยุนหว่านหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอว่า “เสด็จพ่อก็ยังห่วงใยซูกงกงอยู่นะ!”
คําว่า “นะ” นั้น นางลากเสียงยาว อย่างมีความหมายแฝง
โม่จงหรานทำเสสียงเชอะ “เจ้ายังไม่ได้บอกเลย วันนี้มาพบข้ามีเรื่องอะไร!”
หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป หยุนหว่านหนิงก็ไม่มีเจตนาที่จะทดสอบแล้ว
นางนั่งลงข้างๆ “เสด็จพ่อ พวกข้ามาคุยกันเรื่องที่หยุนธิงหลานแท้งหน่อยเถอะ……”