อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่227 หยุนธิงหลานแท้ง
จวนอ๋องหยิง
ตั้งแต่ที่หยุนธิงหลานตัดสินใจว่าจะให้กำเนิด “พระนัดดาองต์โต” ออกมาให้ได้ นางก็ย้ามมาอยู่ที่จวนอ๋องหยิงแล้ว
โดยเฉพาะหลัง “ตั้งครรภ์” อาหารและการใช้ชีวิตของนาง โม่หุยเฟิงก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
แม้แต่ฮองเฮาจ้าว ก็สั่งให้จางหมัวมัวไปเยี่ยมหยุนธิงหลานในจวนอ๋องหยิง สมุนไพรและวัตถุดิบที่ล้ำค่าเหล่านั้น ถูกส่งไปยังจวนอ๋องหยิงเหมือนดั่งน้ำไหล
อาจกล่าวได้ว่าการได้รับการปฏิบัติของหยุนธิงหลาน เป็นสิ่งที่ฉินซื่อเสวียไม่เคยมีมาก่อน
ใครจะไปรู้ว่า ดูแลเอาใจใส่อย่างระมัดระวังเช่นนี้ นางกลับแท้ง?!
หยุนธิงหลานนอนอยู่บนเตียง ร้องไห้จนตาบวม “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ท่านจะต้องตัดสินใจแทนหม่อมฉันเพคะ!”
“เมื่อวานหมอหลวงฝานยังบอกด้วยว่าทารกในครรภ์ของหม่อมฉันปกติ แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนี้……”
นางไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
โม่หุยเฟิงยืนอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม ดวงตาแดงก่ำ
เขากําหมัดแน่น หน้าตึง รอบกายเปล่งออร่าที่ตึงเครียดออกมา……ราวกับว่าฝนฟ้ากำลังจะมา ทําให้คนไม่กล้ามอง
ฉินซื่อเสวียยืนอยู่ข้างหลังเขา แสดงสีหน้างุนงง
แต่ภายใต้ดวงตาก็มีความสบายใจและดีใจซ่อนเอาไว้
นางไม่เข้าใจว่า “ยา” ที่นางกับหยุนธิงหลานทานมานานขนาดนี้
นางสูญเสียภาวะเจริญพันธุ์ไปจริงๆ
เหตุใดหยุนธิงหลานถึงยังท้องได้?!
นางก็เคยไปแอบถามหมอหลวงฝาน และหมอหลวงฝานก็พูดอย่างมั่นใจว่า คุณหนูรองหยุนกำลังตั้งท้องของท่านอ๋องจริงๆ……
ตกลงขั้นไหนผิดพลาดไปกันแน่?!
หรือว่ายานั้น ไม่ได้ผลกับหยุนธิงหลาน?!
หยุนธิงหลานตั้งครรภ์ โม่หุยเฟิงกับฮองเฮาจ้าวก็ดูแลนางอย่างดี ฉินซื่อเสวียหาโอกาสลงมือไม่ได้
นางรับใช้ดูแล “เชื้อสาย” ของโม่หุยเฟิงอย่างสุดความสามารถทุกวัน
ใครจะไปรู้ว่าหยุนธิงหลานกลับแท้ง?!
แผนการที่นางศึกษาไว้อย่างยากลำบากนั้น กลับไร้ประโยชน์!
นี่เรียกว่าอะไรนะ?
ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย! (ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย=พยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ แบบคาดไม่ถึงเสียอย่างนั้น)
เมื่อเห็นหยุนธิงหลานร้องไห้อย่างโศกเศร้า โดยไม่มีรูปลักษณ์ดอกสาลี่ต้องหยาดฝนเหมือนในอดีต ฉินซื่อเสวียเยาะเย้ยอย่างเงียบ ๆ (ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน=ซึ่งเปรียบเทียบดอกสาลี่กับใบหน้าของสตรีที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม)
“ตัดสินใจแทนเจ้า?ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเยี่ยงไร?! ”
ฮองเฮาจ้าวโกรธจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมด “ข้ายังอยากจะถามเจ้าเลย เจ้าแท้งได้อย่างไร!”
“หลานชายของข้า กลับตาอยู่ในมือของเจ้าเช่นนี้! เจ้าคืนหลานของข้ามา! ”
นางตบหลอนโดยความโกรธ ตบจนหยุนธิงหลานกรีดร้องและวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของโม่หุยเฟิง “ท่านอ๋องช่วย……”
“เจ้ายังกล้าให้เฟิงเอ๋อร์ปกป้องเจ้า?! วันนี้ข้าจะตีเจ้าไอ่คนใจไม่สู้นี้ให้ตาย! ”
ฮองเฮาจ้าวยื่นมือไปจับนาง “จางหมัวมัว จับนางไว้!”
ปกตินางเรียบร้อยและสูงศักดิ์
ต่อให้จะเจอเรื่องใหญ่เพียงใด ก็โกรธลับหลัง ต่อหน้าก็ยังคงเป็นฮองเฮาผู้เรียบร้อยและสง่างามเช่นเคย
แต่วันนี้ ฮองเฮาจ้าวทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!
พระนัดดาองต์โตที่นางโหยหา และรอคอยมานาน พระนัดดาองต์โตที่นางตั้งความหวังไว้สูงที่จะทําให้นางกับลูกชายมีวันโอกาสได้พลิกชะตานั้น กลับสูญเสียไปเช่นนี้?!
ช่วงนี้ นางได้โอ้อวดไปในทั่ววังแล้ว!
ยังทำให้นางแพศยาเต๋อเฟยโกรธจนไม่มีหน้าออกมาอีก ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้ความฝันของพระนัดดาองต์โตกลับแตกสลายไปเช่นนี้?!
จะทำให้ฮองเฮาจ้าวทนไหวได้อย่างไร?!
มองดูเรื่องวุ่นๆตรงหน้านี้ โม่หุยเฟิงก็รู้สึกปวดหัวมาก
“เสด็จแม่ พอได้แล้ว!”
ในขณะที่ปกป้องหยุนธิงหลาน ก็พูดว่า “มันยุ่งมากพอแล้ว! หลานเอ๋อร์แท้ง นางก็มิได้จงใจอยากให้มันเป็นเช่นนี้! ”
“ฟังดูว่าหมอหลวงฝานจะว่ายังไงก่อนเถอะ!”
สายตาที่โหดเหี้ยมของโม่หุยเฟิง มองไปที่หมอหลวงฝานซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง
เขาตัวสั่น และรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วตอบว่า “เหนียงเหนียง ท่านอ๋อง! เมื่อครู่กระหม่อมได้ตรวจดูแล้ว หาสาเหตุที่คุณหนูรองหยุนแท้งไม่เจอจริงๆ……”
“ไอ่คนไร้ประโยชน์!”
โม่หุยเฟิงเตะอย่างรุนแรง และความโกรธที่ระงับไว้ ก็ระบายใส่หมอหลวงฝานหมด
หมอหลวงฝานผู้น่าสงสารถูกเตะลงกับพื้น หลังศีรษะกระแทกกับขอบเก้าอี้ และเป็นลมไปทันที
โม่หุยเฟิงเกาหัวด้วยความหงุดหงิด คนทั้งคนดูเหมือนสิงโตที่โกรธจัด
เมื่อเห็นว่าเขาโกรธ ฮองเฮาจ้าวก็ระงับอารมณ์ หยุนธิงหลานก็ไม่กล้าร้องไห้อีกต่อไป
ฉินซื่อเสวียก้าวมาข้างหน้า และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านอ๋องโปรดใจเย็นๆก่อน”
ช่วงนี้ หยุนธิงหลานไม่สามารถรับใช้โม่หุยเฟิงได้
ก่อนหน้านี้เพื่อตั้งครรภ์นางจึงกดดันเขาอย่างหนัก โม่หุยเฟิงเห็นนางก็ต้องเดินอ้อม เป็นเวลานานที่เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องของฉินซื่อเสวีย
นางควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน
ดังนั้นโม่หุยเฟิงจึงให้สีหน้าที่ดีแก่นางเป็นระยะหนึ่ง
“เสด็จแม่ก็ใจเย็นๆ ”
ฉินซื่อประคองฮองเฮาจ้าวนั่งลงข้างๆอย่างเอาใจใส่ “เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการในทันทีคือ ตรวจสอบหาเหตุฟลของการแท้งของคุณหนูรองหยุน”
“ช่วงนี้สะใภ้เป็นคนดูแลการกินและชีวิตประจำวันของนางเอง ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหา”
“ความทุ่มเท” ของนาง โม่หุยเฟิงก็เห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน
มิฉะนั้น ช่วงนี้ก็มิให้สีหน้าที่ดีแก่นางอย่างแน่นอน
“อืม”
โม่หุยเฟิงตอบ “ช่วงนี้ ลำบากซื่อเสวียแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของฉินซื่อเสวียก็รู้สึกซาบซึ้ง น้ำตาคลอ “หม่อมฉันไม่ลำบาก! ร่างกายของหม่อมฉันไม่ดี ต่อไปก็ไม่สามารถมีลูกให้ท่านอ๋องได้”
“ไม่ว่าใครจะตั้งท้องลูกของท่านอ๋อง หม่อมฉันก็จะดูแลให้ดีที่สุด”
ความโกรธของฮองเฮาจ้าวลดลงไปไม่น้อย และเหลือบมองนางด้วยความพอใจ “เป็นเรื่องดีที่เจ้ามีความตระหนักเช่นนี้”
ฉินซื่อเสวียเอาผ้าเช็ดน้ำตา “หมอหลวงฝานเป็นลมไปแล้ว”
“เชิญหมอหลวงอื่นมาตรวจร่างกายของคุณหนูรองหยุนดีกว่า! ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินของนาง หรือสิ่งใด ก็ต้องตรวจดูดีๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อืม ที่ซื่อเสวียพูดนั้นสมเหตุสมผล”
ฮองเฮาจ้าวพยักหน้า และสั่งจางหมัวมัวทันทีว่า “เจ้าไปเชิญหมอหลวงหยางมา”
สักพัก หมอหลวงหยางก็มาถึงจวนอ๋องหยิง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เหลียงเสี่ยวกงกงก็มาด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของฮองเฮาจ้าวก็มืดครึ้ม และถามอย่างไม่พอใจว่า “เสี่ยวเหลียงจื่อ เจ้ามาได้อย่างไร?”
“เหนียงเหนียง ฝ่าบาทได้ยินว่าคุณหนูรองหยุนแท้ง จึงสั่งให้บ่าวมาดู”
เหลียงเสี่ยวกงกงตอบด้วยความเคารพ
ฮองเฮาจ้าวขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ?ซูปิ่งซ่านล่ะ?”
เหลียงเสี่ยวกงกงอยากจะบอกว่า อาจารย์ของเขาถูกฮองเฮาจ้าวกับฝ่าบาทเตะติดต่อกันสองครั้ง ตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งเสียของหยุนหว่านหนิง……
เขารีบตอบว่า “ฝ่าบาทไม่ค่อยสบาย อาจารย์กำลังดูแลฝ่าบาทอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทเป็นอะไรไป?!”
ฮองเฮาจ้าวถามอย่างกังวล
พระนัดดาองต์โตเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้หยุนธิงหลานได้แท้งไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเรื่องของฝ่าบาทสำคัญกว่า!
“ฝ่าบาทได้ยินเรื่องที่คุณหนูรองหยุนแท้ง ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย อาจารย์ของบ่าวกำลังดูแลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เหลียงเสี่ยวกงกงก้มศีรษะลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮองเฮาจ้าวกับโม่หุยเฟิงก็มองหน้ากัน สีหน้าของสองแม่ลูกดูแย่มาก
ฝ่าบาทได้ยินว่าหยุนธิงหลานแท้ง ถึงกับตื่นเต้นมากเกินจนเป็นลมไป?!
นางก็รู้ว่า แม่ว่าฝ่าบาทจะไม่ได้พูดออกมา
แต่ในใจก็คาดหวังถึงการกําเนิดของพระนัดดาองต์โตเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นสําหรับของหยุนธิงหลานกับโม่หุยเฟิง เขาจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ฮองเฮาจ้าวกํามือแน่นๆ และพึมพําว่า “จบแล้ว!”