อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่228 ทําเรื่องตลก
พอโม่หุยเฟิงได้สติคืนมา ระงับความกังวลในใจไว้ และพูดกับหมอหลวงหยางว่า “หมอหลวงหยาง เจ้าตรวจดูก่อนว่าหลานเอ๋อร์เป็นไงบ้างแล้ว”
“ช่วงนี้ อาหารการกินและการใช้ชีวิตของนางล้วนดูแลพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดถึงกลับแท้งไปได้?”
“ท่านอ๋องโปรดวางใจ กระหม่อมจะทำการตรวจชีพจรให้คุณหนูรองหยุนเดี๋ยวนี้”
หมอหลวงหยางวางกล่องยาไว้ข้างๆ และเริ่มตรวจชีพจรของหยุนธิงหลานอย่างจริงจัง
ฮองเฮาจ้าวและคนอื่นๆ จ้องดูหมอหลวงหยางอย่างไม่กะพริบ
เห็นเพียงเขาขมวดคิ้ว และพึมพําว่า “นี่มันไม่ถูก”
“อะไรไม่ถูก?”
ฮองเฮาจ้าวรีบถาม
หมอหลวงหยางไม่ตอบ และพูดกับหยุนธิงหลานว่า “คุณหนูรองหยุนเปลี่ยนมืออีกข้างหนึ่ง ให้กระหม่อมตรวจชีพจรอีกข้างหนึ่งดู”
ถูกคำว่า “ไม่ถูก” ของเขานั้นทำตกใจ
หยุนธิงหลานยื่นมืออีกข้างออกมาด้วยความกังวล
หมอหลวงหยางวางนิ้วไว้บนมือของนาง หลับตาและทําการตรวจอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนมือออก ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง
ฮองเฮาจ้าวถามอย่างอดทนอีกครั้งว่า “หมอหลวงหยาง ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อครู่เจ้าบอกว่าไม่ถูก อะไรไม่ถูก?! ”
ถ้าไม่ใช่เพราะหมอหลวงหยางเป็นหัวหน้าหมอหลวง และเป็นคนที่โม่จงหรานส่งมา……ตามอารมณ์ที่ใจร้อนของฮองเฮาจ้าวและโม่หุยเฟิงแล้ว คงสั่งให้คนลากตัวไปตีให้ตายแล้ว
“อาการของคุณหนูรองหยุน ไม่ใช่การแท้ง!”
หมอหลวงหยางเอามือลูบเครา และพูดอย่างจริงจัง
“อะไรนะ?!”
ดวงตาของฮองเฮาจ้าวเปิกกว้าง ถามอย่างไม่น่าเชื่อ “แต่นางแท้งเลือดไหลแล้วนี่นะ! เมื่อครู่หมอหลวงฝานก็บอกว่า ไม่มีชีพจรของการตั้งครรภ์แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
“แท้งเลือดไหล?”
หมอหลวงหยางขมวดคิ้ว และส่ายหัว “เหนียงเหนียง นางไม่ใช่แท้งเลือดไหล”
“นั่นเป็นเพียง การมีระดูปกติเท่านั้น”
เมื่อครู่ได้ยินหมอหลวงหยางบอกว่าไม่ใช่แท้ง ฮองเฮาจ้าวและคนอื่นๆก็ตกตะลึงกันหมด!
วุ่นวายมาตั้งนาน เดิมทีพวกเขาคิดว่าหยุนธิงหลานแท้ง ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นเพียงการมีระดูปกติ!
ในเมื่อมีระดู นางจะทองได้อย่างไร?!
เมื่อครู่ได้ยินหมอหลวงหยางบอกว่าไม่ใช่แท้ง เดิมทีนางก็ยังมีความคาดหวังเล็กน้อย……โดยคิดว่าเด็กในท้องของหยุนธิงหลาน คงจะยังดีๆอยู่!
แต่เมื่อได้ยินคำว่า “ระดู” ……
ที่แท้พระนัดดาองต์โตที่นางรอคอย ดีใจ ตื่นเต้นและอวดโฉมมานานนี้ เป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด?!
เรื่องตลกเรื่องหนึ่ง?!
ฮองเฮาจ้าวทนไม่ไหวอีกต่อไป เป็นลมไปทันที
“เสด็จแม่ เสด็จแม่……”
โม่หุยเฟิงประคองนางไว้อย่างว่องไว จึงป้องกันไม่ให้ฮองเฮาจ้าวล้มลงกับพื้น
ห้องทั้งห้องวุ่นวายไปหมด
หยุนธิงหลานนั่งนิ่งงันเป็นไก่ไม้อยู่บนเตียง (นิ่งงันเป็นไก่ไม้=เหม่อค้างด้วยความตกตะลึงหรือตื่นตระหนกจนแข็งทื่อราวกับไม้สลักรูปไก่)
ระดู?!
นางไม่ได้ท้องเลย?!
ฉินซื่อเสวียรู้สึกตัวอีกที ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง!
นางชี้ไปที่หยุนธิงหลานทันที และด่าอย่างโกรธเคือง “หยุนธิงหลานตัวดี! เพื่อได้แต่งเข้ามาในจวนอ๋องหยิง กลับใช้วิธีที่น่ารังเกียจและน่าละอายเช่นนี้ มาคิดวางแผนท่านอ๋องของข้า! ”
“ยังปิดหูปิดตาเสด็จแม่พวกเขา จิตใจเจ้ามันร้ายกาจ!”
เมื่อเห็นโม่หุยเฟิงเร่งรีบที่จะประคองฮองเฮาจ้าวขึ้นมา นางก็ตะโกนอีกครั้งว่า “ใครก็ได้! โยนหล่อนออกไป! ”
ยังไงตอนนี้ ไม่ว่านางจะจัดการกับหยุนธิงหลานอย่างไร โม่หุยเฟิงก็ไม่มีเวลาสนใจหล่อนแล้ว
สมองของหยุนธิงหลานยังหมุนไม่ทัน และยังคงมองดูพวกเขาด้วยความงุนงง
โม่หุยเฟิงดึงนางลงจากเตียง และวางฮองเฮาจ้าวที่หมดสติไว้บนเตียง
“หมอหลวงหยาง รีบดูอาการเสด็จแม่หน่อย!”
หมอหลวงหยางก็รีบตรวจชีพจรของฮองเฮาจ้าวดู
สุดท้ายข้อสรุปที่ได้คือ:ตื่นเต้นมากเกินไปจนเป็นลมไป
คราวนี้เป็นไงล่ะ!
เพราะหยุนธิงหลาน “แท้ง” โม่จงหรานก็ตื่นเต้นมากเกินไปจนเป็นลมไป
เพราะหยุนธิงหลานไม่ได้ “แท้ง” ฮองเฮาจ้าวก็ตื่นเต้นมากเกินไปจนเป็นลมไปอีก!
ฝ่าบาทและฮองเฮาทั้งสอง ต่างก็ “ดับอยู่” ในมือของหยุนธิงหลาน!
นางก็รู้ดีว่าคราวนี้ตัวเองคงหนีไม่รอดแล้ว มองดูใบหน้าที่โหดเหี้ยมและเย็นชาของโม่หุยเฟิง และสายตาของฉินซื่อเสวียที่กระตือรือร้นที่อยากฆ่านางทิ้งในทันที……
ขาของหยุนธิงหลานอ่อนแรงลง จนล้มลงกับพื้น
นางคิดไม่ถึงเลย นางท้องไม่ใช่หรือ?
หมอหลายคนก็บอกว่านางท้องมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
แม้แต่หมอหลวงฝาน ก็ตรวจออกว่านางท้อง……
เมื่อเดือนที่แล้ว ระดูของนางไม่มาจริง
ทําไมมันล่าช้าไปหนึ่งเดือน แต่กลับมาต่อ?!
ก่อนหน้านี้นางอาเจียน ง่วงนอน ชอบกินของเผ็ดของเปรี้ยว และอาการแพ้ท้องอื่นๆทั้งหมด ล้วนกำลังบอกทุกคนว่า: นางท้องจริงๆ! และมีความเป็นไปได้สูงว่านางกำลังตั้งครรภ์พระนัดดาองต์โตอยู่!
มีคำพูดหนึ่งที่ว่า ลูกชายชอบเปรี้ยว ลูกสาวชอบเผ็ด?!
ตกลงตรงไหนมันผิดปกติกันแน่?!
เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ยังเป็นฉินซื่อเสวียที่กำลังสงสัยว่าขั้นตอนใดผิดพลาดไปกันแน่
คาดไม่ถึงว่า ตอนนี้สถานการณ์ได้พลิกผันไปอย่างรวดเร็ว
ถึงคราวหยุนธิงหลานสงสัยแล้วว่าตกลงตรงไหนผิดพลาดไปกันแน่……
เมื่อเห็นแม่เฒ่าที่แข็งแกร่งสองคนเข้ามา และจะลากนางออกไป หยุนธิงหลานจึงค่อยตื่นจากฝัน และวิ่งไปกอดขาของโม่หุยเฟิงเอาไว้
นางตะโกนว่า “ท่านอ๋อง ข้าไม่มีความผิด! ”
นางร้องไห้อย่างหนัก
ใครจะไปรู้ว่า ปกติโม่หุยเฟิงที่อ่อนโยนกับนางนั้น วันนี้กลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกัน
เขาเตะนางอย่างแรง “หยุนธิงหลาน เจ้าทําให้รู้สึกขยะแขยง!”
ในวินาทีนี้ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการถูกเตะที่หน้าท้องนั้น เทียบกับความปวดใจของนางไม่ได้เลย!
หยุนธิงหลานกอดหน้าท้องไว้อย่างแน่น หลังจากถูกเตะก็มีเลือดออกเต็ม……
นางขมวดคิ้ว และมองดูโม่หุยเฟิงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ไม่กล้าเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเปลี่ยนหน้าได้เร็วขนาดนี้
ในอดีต เขาอ่อนโยนและดีต่อนางเป็นอย่างมาก ตอนนี้กลับกลายเป็นเมฆหมอกที่ผ่านตาไป ดูเหมือนว่าผู้ชายที่โหดเหี้ยมคนนี้ ถึงจะเป็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
ในช่วงหลายปีนี้ โม่หุยเฟิงไม่เคยเขินอายต่อนางเลย
หยุนธิงหลานคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ในใจของเขานั้นตนเองเป็นคนที่แตกต่าง
นางเป็นผู้หญิงที่ใช่ของเขา!
แต่ตอนนี้การปลอมตัวนี้ถูกเปิดเผย เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของโม่หุยเฟิง หัวใจของหยุนธิงหลานก็เจ็ดปวดยิ่งนัก!
ฉินซื่อเสวียยิ้มมุมปากอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นแม่เฒ่าสองคนยืนอยู่ด้านข้าง นางพูดอย่างเย็นชาว่า “ยังมัวยื่นเชยทำไร?ยังไม่รีบลากนางออกไปอีก?! ”
“กล้าหลอกลวงท่านอ๋อง ไม่สามารถให้อภัยได้! ขังนางไว้ก่อน รอเสด็จแม่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ และดูว่าจะจัดการกับนางอย่างไร! ”
นางเชื่อว่า ฮองเฮาจ้าวจะไม่ปล่อยให้หยุนธิงหลานอยู่ดีแน่นอน!
เพราะคราวนี้ ฮองเฮาจ้าวได้ “ตบหน้าตัวเอง” ในทั่ววังแล้ว!
ต่อให้หยุนธิงหลานไม่ตาย ก็คงต้องเสียงไปครึ่งชีวิตแน่นอน
และอย่าคิดที่จะเข้ามาในจวนอ๋องหยิงอีกต่อไป!
ยิ่งคิดในใจของฉินซื่อเสวียก็ยิ่งรู้สึกมีความสุด และยิ่งตื่นเต้นมากเท่าไหร่ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ
นางรีบหันหลังใส่โม่หุยเฟิงเพื่อไม่ให้เขาเห็น
ในขณะนี้หยุนธิงหลานก็ไม่มีเวลามาโต้เถียงกับฉินซื่อเสวีย ถูกแม่เฒ่าจับแขนลากออกไป นางดิ้นรนอย่างสุดกำลัง “ท่านอ๋อง ข้าถูกคนใส่ร้าย!”
“ท่านอ๋อง นี่มันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง!”
ไม่รู้ว่านางแท้งจริง หรือระดูมา
หรือบอกได้ว่านางไม่ได้ท้องเลย แต่กลับโดนหมอกับหมอหลวงฝานวินิจฉัยว่าท้อง……
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน ก็ไม่ดีต่อนางมาก อาจเป็นไปได้ว่ามีคนกำลังคิดร้ายต่อนาง!
หยุนธิงหลานถูกลากยังหน้าประตู
เมื่อเห็นว่าโม่หุยเฟิงไม่แยแส และไม่หันมามองนาง นางก็กรีดร้องด้วยความตื่นเต้น “ท่านอ๋อง ข้ารู้ ข้ารู้ว่าใครอยากคิดร้ายต่อข้า!” ”
มีคนจะคิดร้ายนาง?
ดวงตาของโม่หุยเฟิงกะพริบไปมา จากนั้นจึงค่อยยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้แม่เฒ่าอยู่
เขาจ้องมองหยุนธิงหลานอย่างโหดร้าย ในดวงตาของเขามีแสงอันเย็นยะเยือกแวบผ่านไป “ข้าให้โอกาสเจ้าเพียงครั้งเดียว ว่ามา!”