อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่229 วันนี้พระชายาดุจังเลย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่229 วันนี้พระชายาดุจังเลย
หยุนธิงหลานคลานไปที่ข้างเท้าของโม่หุยเฟิง
เนื่องจากเมื่อครู่ถูกเตะจึงมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นนางคลานมาจากประตู บนพื้นนั้นจึงมีคราบเลือดแถวยาวๆ……
ฉินซื่อเสวียเพียงรู้สึกแดงจนแสบตาขัดลูกหูลูกตา ละสายตาออกด้วยความขยะแขยง
“ท่านอ๋อง ท่านต้องเชื่อข้า! ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะวางแผนคิดร้ายต่อท่านเลย! ข้าอยากให้กําเนิดลูกแด่ท่านอย่างจริงใจ และต้องการให้กําเนิดพระนัดดาองต์โตเพื่อพลิกสถานการณ์ให้เจ้า……”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่หุยเฟิงก็ครุ่นคิด ทันใดนั้นนางก็โดนตบหน้า “หุบปาก!”
ให้กําเนิดพระนัดดาองต์โตเพื่อพลิกสถานการณ์ให้เขาอะไรกัน?!
หมอหลวงหยางยังอยู่ในห้อง!
เห็นได้ชัดว่าหมอหลวงหยางคาดไม่ถึงว่า จะได้ยินคําพูดที่น่าทึ่งเช่นนี้……
แต่เมื่อเห็นโม่หุยเฟิงโกรธ เขาก็ก้มหน้าลง ทำเหมือนเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย และไม่ได้แอบฟังอย่างแน่นอน
แต่ในความเป็นจริง กำลังตั้งหูฟังอย่างตั้งใจ!
โม่หุยเฟิงเหลือบมองหยุนธิงหลานอย่างตักเตือน
ไม่ว่าจะอย่างไรทั้งสองก็ดีกันมาเป็นเวลาหลายปี หยุนธิงหลานจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าสายตาของเขานี้หมายถึงอะไร?!
นางเหลือบมองหมอหลวงหยางอย่างตื่นเต้น และพูดอย่างน้อยใจว่า “ท่านอ๋อง ในใจของหลานเอ๋อร์มีเพียงท่าน! มิฉะนั้นก็คงไม่ติดตามท่านโดยไม่มีฐานะและชื่อเสียงเยี่ยงนี้มานานหลายปี! ”
“ท่านอ๋อง หลายปีมานี้ หลานเอ๋อร์มิเคยทำเรื่องวางแผนคิดไม่ดีต่อท่านเลย!”
“เจ้าอยากเข้าจวนอ๋องหยิง”
โม่หุยเฟิงพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น
“ที่ข้าอยากเข้าจวนอ๋องหยิงนั้นเป็นจริง! แต่ท่านอ๋องก็รู้ ข้าไม่เคยมีใจคิดร้ายใดๆเลย! ”
กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ หยุนธิงหลานร้องไห้ด้วยความกังวล “ไม่อย่างนั้น ข้าก็คงไม่รอท่านอ๋องมาเป็นเวลาหลายปี……หลานเอ๋อร์จริงใจกับท่านอ๋องจริงๆ! ”
นางร้องไห้สะอื้นอยู่ในใจ ท่าทางดูน่าสังเวชมาก
เมื่อฟังคําสารภาพรักอย่างน้ำใสใจจริงของนาง สีหน้าของโม่หุยเฟิงก็เริ่มหวั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเขาหวั่นไหว ฉินซื่อเสวียจึงรีบพูดว่า “ท่านอ๋อง เรื่องในครั้งนี้มิใช่เรื่องเล็กๆ!”
นางกลัวว่าหยุนธิงหลานจะบอกว่านางเป็นคนใส่ร้ายหล่อน
แต่ใครจะไปรู้ว่าโม่หุยเฟิงให้โอกาสหยุนธิงหลาน นางจึงทำได้เพียงพยายามแสดงความจงรักภักดีต่อเขา
โดยไม่ได้บอกเลยว่า โดยใครใส่ร้าย
ดูเหมือนว่านางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
มีคนคิดร้ายต่อนางหรือไม่ นางก็ยังไม่มีเส้นสนกล!
“ไม่ต้องพูดถึงเสด็จแม่โกรธจนเป็นลมไปเลย แม้แต่เสด็จพ่อก็โมโหจนหมดสติไปเช่นกัน แม้ว่าหม่อมฉันก็รู้ถึงน้ำใสใจจริงที่ท่านอ๋องนั้นมีต่อคุณหนูรองหยุน”
หลังจากหยุดชะงักไปชั่วคราว ฉินซื่อเสวียก็เกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “แต่ให้เสด็จพ่อเป็นคนตัดสินลงโทษเองทุกอย่าง!”
“หากไม่ดี ก็คือโทษผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง! หากเสด็จพ่อต้องการจะเอาเรื่อง……”
นางไม่ได้พูดต่อไป แต่คําที่ยังไม่พูดไม่หมดนั้น หมายถึงอะไรโม่หุยเฟิงรู้ดี
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ความดิ้นรนภายใต้ตาของเขาในที่สุดก็ถูกความแค้นเข้ามาแทนที่
ฉินซื่อเสวียพูดถูก แม้เรื่องนี้จะใหญ่หรือเล็กก็ได้ก็ตาม
แต่สําหรับโม่จงหรานแล้ว มันเป็นโทษผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง!
เขาจำใจ และเตะมือของหยุนธิงหลานทิ้ง “โยนนางออกไป! ต่อจากนี้ไปข้าโม่หุยเฟิงกับหยุนธิงหลานตัดขาดความสัมพันธ์กัน! ต่อไปหากเจ้ากล้ามาพัวพันที่จวนอ๋องหยิงอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าอย่างแน่นอน!”
ในที่สุดเขาก็ใจร้ายไม่ลง และไม่ได้ส่งหยุนธิงหลานไปในวังให้โม่จงหรานจัดการ
ยังไงก็เคยรักมาก่อน
แต่เก็บนางไว้ มีเพียงแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ ลบความสัมพันธ์ทั้งหมดกับหยุนธิงหลานก่อน แล้วจึงค่อยคิดว่าอธิบายให้โม่จงหราน
……
“พระชายา จนถึงตอนนี้คุณหนูรองหยุนยังคุกเข่าร้องไห้อยู่นอกจวนอ๋องหยิง”
“คนขี้เผือก” หรูอวี้กําลังเล่านินทาเขา ด้วยสีหน้าที่โอเว่อ เหมือนกับหญิงขี้เผือก “แต่คราวนี้ อ๋องหยิงตัดสินใจที่จะตัดขัดความสัมพันธ์กับนางอย่างโหดเหี้ยมแล้ว”
“ก็แค่ตัดความสัมพันธ์กันอย่างเด็ดขาดเท่านั้น โหดเหี้ยมอย่างไร?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะเย้ย “หากโหดเหี้ยมจริง ก็ควรมัดหยุนธิงหลานแล้วโยนนางไว้ต่อหน้าเสด็จพ่อ”
“นำความผิดทั้งหมด โยนไปให้หยุนธิงหลานทั้งหมด โดยบอกว่าถูกนางหลอกลวง นางเป็นคนซื้อใจหมอหลวง ต่อให้เสด็จพ่อจะตามเอาเรื่องคนที่ตายก็คือหยุนธิงหลาน”
แต่โม่หุยเฟิงไม่ได้ทำเช่นนั้น
เขาแค่ขับไล่หยุนธิงหลานออกไป และพูดถ้อยคำที่ว่าจะตัดขัดความสัมพันธ์กับนาง
“เห็นได้ว่าโม่หุยเฟิงจริงใจกับนาง”
หยุนหว่านหนิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบไปคำหนึ่ง
หรูอวี้ยิ้มอย่างประจบสอพลอ “พระชายาวิเคราะห์ได้ถูก! แต่พระชายาก็มิต้องอิจฉา เพราะเจ้านายของข้าน้อย ก็รักเดียวใจเดียวต่อพระชายาเช่นกัน ”
เดิมทีเขาต้องการจะช่วยโม่เยว่พูดสิ่งดีๆ
แต่คิดไม่ถึงแทนที่จะพูดประจบประแจงสอพลอแต่เขากลับไม่เห็นคุณค่า
หยุนหว่านหนิงวางถ้วยชาลงทันที “เจ้ากำลังพูดจาส่งเดชหรือ?”
นางเหลือบมองเขา “เชื่อหรือไม่ว่าข้ารินชานี้ใส่หน้าเจ้า เจ้าจะได้มีสติขึ้นหน่อย?”
ไม่รู้เขาพูดผิดคำไหน ถึงได้ทำให้พระชายาโกรธ
แต่หรูอวี้ก็เข้าใจคําพูดที่ว่า “ผู้หญิงเปลี่ยนอารมณ์เร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือ เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าเปลี่ยนสภาพอากาศ”!
เมื่อครู่พระชายายังคงยิ้มอยู่เลย ไยถึงในชั่วพริบตาก็จะราดน้ำใส่เขา?
“พระชายา ข้าน้อยพูดคำไหนผิดไป?”
หรูอวี้พูดอย่างน้อยใจ
สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงทั้งหมดไม่ใช่หรือ?
“เจ้านายของเจ้า รักเดียวใจเดียวต่อข้าเมื่อใด?คนที่เขารักเดียวใจเดียวเป็นฉินซื่อเสวียไม่ใช่หรือ? เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรต่อหน้าข้า? ”
หยุนหว่านหนิงโกรธมาก
หรูอวี้:“……”
เมื่อเห็นว่าพระชายาโกรธ เขาก็หุบปากทันที และไม่กล้าเถียงอีก
เจ้านายของเขายังไม่กล้าเถียงกับพระชายาเลย เขาจะกล้าได้อย่างไร?!
“หากโม่เยว่ไอ้ต้าวบ้านั้นรักเดียวใจเดียวต่อข้าจริง เขาจะรังแกและทรมานข้าเมื่อสี่ปีก่อนได้อย่างไร? เมื่อสี่ปีก่อนทิ้งข้าไว้ที่เรือนชิงหยิ่งโดยไม่สนใจข้า ข้าเทียบไม่ได้แม้แต่คนรับใช้คนหนึ่ง”
นางหยุดชะงักไปชั่วคราว
หรูอวี้นึกว่านางด่าจบแล้ว และกําลังจะแก้ตัวให้เจ้านายของตัวเอง
ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆหยุนหว่านหนิงก็ลุกขึ้นยืน จัดระเบียบผมที่หน้าผาก เท้าสะเอว……
“ถุ้ย! เทียบกับคนรับใช้ไม่ได้อะไรกัน? แม้แต่หมาตัวหนึ่งถ้ายังเทียบไม่ได้เลย! ยังจะมาบอกว่ารักเดียวใจเดียวเพียงข้า เจ้าตาบอดหรือ? ”
นางด่าต่อไป “ลูกชายของตัวเองก็ไม่รู้จัก ยังบอกว่าเป็นเชื้อสายของคนใช้”
“ข้านึกถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็รู้สึกโกรธมากในใจ หากไม่ใช่เพราะลูกชาย ข้าหย่ากับเขานานแล้ว!”
ทันใดนั้นนางก็แสดงท่าทางเหมือนจะด่าคน หรูอวี้ก็ตกใจเล็กน้อย
หรูอวี้ที่เอาชนะคนทั่วใต้หล้านี้ กลับถูกท่าทางนี้ของหยุนหว่านหนิงทำให้ตกใจ
“แต่พระชายา ตอนนี้นายท่านพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยให้กับท่าน ในอดีตเป็นเพราะเขายังเยาว์ไม่รู้เรื่อง แถมตอนนั้นพวกท่านก็ยังเข้าใจผิดกัน……”
“หุบปาก!”
หยุนหว่านหนิงจ้องมองเขาอย่างโกรธจัด “ยังเยาว์และไม่รู้เรื่อง? ”
“ต่อให้มีเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องที่เขาชอบทารุณคนอื่นนั้นได้ และไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยที่เจ้าชู้ของเขานั้นได้!”
นางโกรธจนม้วนแขนเสื้อขึ้น และคว้าไม้ขนไก่บนโต๊ะ “หากวันนี้เจ้ายังกล้าพูดดีแทนเขาอีก ข้าจะตีเจ้าด้วยเลย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หรูอวี้ก็รีบถอยหลังไปสองสามก้าว “พระชายา มีอะไรก็พูดกันดีๆ สุภาพบุรุษตกลงกันด้วยวาจา ไม่ใช่ด้วยกำลัง……”
ขณะที่พูด เขาก็ถอยไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง
ในขณะที่เขากําลังจะหันหลังวิ่งออกไป ก็ชนกับคนที่มาพอดี
“หรูโม่ ช่วยด้วย!”
หรูอวี้จับมือของหรูโม่ไว้ “วันนี้พระชายาดุมาก! จะตีข้า! ข้ากลัวมาก! ”
เขาหลบอยู่ด้านหลังของหรูโม่ ก็เห็นโม่เยว่ยืนอยู่นอกประตูด้วยสีหน้าที่เฉยชา “เมื่อครู่ข้าได้ยินว่า มีคนด่าข้าว่าเป็นผู้ชายชู้?”
บทที่228 ทําเรื่องตลก
บทที่230 คดีปริศนาของค่ายห้ากองพล