อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่230 คดีปริศนาของค่ายห้ากองพล
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่230 คดีปริศนาของค่ายห้ากองพล
หรูโม่หรูอวี้รีบหลบออกไป
ทันทีที่โม่เยว่เข้าประตูมา ก็มีไม้ขนไก่บินตรงมาตรงหน้า
หากไม่ใช่เพราะเขาหลบทัน ยามนี้ไม้ขนไก่คงโดนหน้าเขาแล้ว!
สีหน้าของเขามืดครึ้ม เหลือบมองไม้ขนไก่ที่ตกอยู่บนพื้น มองดูหรูอวี้หรูโม่อย่างเย็นชา “พวกเจ้าทั้งสอง หลบได้ทันเวลาจริงๆเลย!”
หรูโม่ หรูอวี้ตกตะลึง:“……”
“นายท่าน ข้าน้อยมีความผิด!”
หรูอวี้หยิบไม้ขนไก่บนพื้นขึ้นมาด้วยมือที่สั่น และตีใส่ตัวเองสองสามครั้ง
หรูโม่ก็รีบรับมันมา แล้ว……ตีหรูอวี้แรงๆหลายครั้ง “นายท่านโปรดอย่าได้โกรธเลยขอรับ!”
“วันนี้ทั้งหมดเป็นความผิดของหรูอวี้เอง เขาทำให้พระชายาโกรธ เขาควรตี! ข้าน้อยจะพาเขาลงไปเดียวนี้ และสั่งสอนเขาอย่างหนักๆเพื่อระบายความแค้นให้นายท่าน! ”
จากนั้น เขาก็ดึงหรูอวี้ สองพี่น้องหายไปจากหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
ก่อนจากไป หรูอวี้ยังส่งสายตาที่ “นายท่านโปรดระวังตัวด้วย” ให้กับโม่เยว่
ไอ้สารเลวสองคนนี้ ไม่ช้าเขาจะสั่งสอนให้พวกเขาอย่างหนักๆเลย!
โม่เยว่ทำเสียงเชอะ หันหลังและเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่เฉยชา
หยุนหว่านหนิงได้นั่งลงดื่มชาแล้ว ไม่เห็นมีท่าทีโกรธเหมือนเมื่อครู่เลย
“เกิดอะไรขึ้น?ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าโกรธมาก? ”
โม่เยว่นั่งลงตรงหน้านาง เทชาให้ตัวเอง จิบไปคำหนึ่งแล้วถามอย่างจริงจังว่า “เป็นเพราะระดูจะมาหรือเปล่า?”
ถึงได้อารมณ์ หงุดหงิดเช่นนี้?!
หยุนหว่านหนิงอยากถอดรองเท้าแล้วปาใส่หน้าเขา
แต่กับใบหน้าที่หล่อเหลานี้ ก็รู้สึกว่าหากเสียโฉมไปก็น่าเสียดายดี
หน้าตาหล่อเหลาทำให้คนมีความสุข
หยุนหว่านหนิงปลอบตัวเองในใจ จึงค่อยระงับความคิดที่อยากจะเอารองเท้าปาเขาลง “เรื่องของจวนอ๋องหยิง ได้ยินหรือยัง?”
“อืม”
โม่เยว่จัดระเบียบแขนเสื้อ “ข้ายังมีเรื่อง”
หยุนหว่านหนิงมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ
“ก่อนออกจากวัง เจ้าถามข้าว่า เหตุใดวันนี้เสด็จพ่อถึงโกรธมากเช่นนี้?”
“ใช่ เพราะเหตุใด?”
ก่อนออกวัง หยุนหว่านหนิงถามแล้ว
แต่โม่เยว่ไม่ตอบ
ด้วยเหตุนี้ หยุนหว่านหนิงจึงรู้สึกโมโหมาก โดยคิดว่าโม่เยว่ก็ยังคงไม่เชื่อใจนาง และเนื่องจากหรูอวี้พูดดีแทนนายท่านของเขา จึงทำให้นางโมโห อาละวาด
นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะหยวนเป่า
ถ้าไม่ใช่เพราะโม่เยว่กักขังนางเป็นเวลาสี่ปี จนทำให้ทุกคนไม่รู้ถึงความเป็นอยู่ของหยวนเป่า
หากในช่วงสี่ปีที่ผ่านมานางกำเนิดหยวนเป่าดีๆ โม่จงหรานและคนอื่นๆก็รู้ว่าหยวนเป่าก็คือพระนัดดาองต์โต……
เช่นนั้นตอนนี้ ก็คงไม่ต้องลำบากลูกชายให้เขาต้องซ่อนตัวอยู่แต่ในจวนอ๋องหมิงมาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เห็นโม่จงหรานกลับมา ความโกรธในใจของนางจึงพุ่งสูงขึ้น!
“หากท่านอ๋องไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูด”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะเย้ย “ยังไงข้ากับท่านอ๋อง ก็ไม่ใช่คนทางเดียวกัน”
“ตอนนี้เพื่อหยวนเป่า ท่านกับข้าจจึงต้องร่วมมือกัน หากวันหนึ่งเมื่อหยวนเป่าเติบโตขึ้น และสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องออก สักวันหนึ่งพวกข้าสองคนก็ต้องแยกกันอยู่ดี”
“เมื่อถึงเวลานั้น ก็ทางใครทางมัน!”
คําพูดของผู้หญิงคนนี้ แต่ละคำโหดเหี้ยมกว่าแต่ละคำจริงๆ!
โม่เยว่ไม่รู้จะพูดไรดี “ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจเจ้า”
“แต่ระหว่างทางออกจากวัง มีเรื่องหนึ่งเรื่องอยู่ในใจของข้า จึงคิดหาทางแก้ไขอยู่”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวแปลกประชดประชากเช่นนี้”
เขาหัวเบาๆ “ช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ ค่ายห้ากองพลเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น เมื่อคืนนี้ สมาชิกหลายคนของค่ายห้ากองพลได้ไปหาความสุขที่หอนางโลม”
“สุดท้าย……ยังตายอยู่ในมือของผู้หญิง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนหว่านหนิงก็ตกใจเล็กน้อย “โอ้? เป็นเพราะเหตุใด?!”
“เรื่องนี้พี่ใหญ่กับพี่รองยังกำลังสืบสวนอยู่!”
โม่เยว่เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า สีหน้าของเขาค่อยๆจริงจังขึ้น “เจ้าก็รู้ คนของราชสํานักไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เช่นหอนางโลมนั้น”
ถึงนี่จะเป็นกฎที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว
แต่หลังจากถอดเครื่องแบบราชการเหล่านั้น ก็ยังมีผู้คนจํานวนมากที่เข้าไปในหอนางโลม
“ไม่รู้ว่าทําไม คนเหล่านี้ยังคงสวมเครื่องแบบราชการของค่ายห้ากองพลเอาไว้”
ดวงตาของโม่เยว่ค่อยๆ แหลมคมขึ้น
สมาชิกของค่ายห้ากองพล บอกว่าสวมชุดข้าราชการเอาไว้ แต่ในความเป็นจริงก็เป็นชุดข้าราชการพิเศษของค่ายห้ากองพล แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงคนที่ต่ำทราม แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นคนของราชสำนัก
“เรื่องนี้เพิ่งถึงถูกแพร่กระจายในเช้านี้ คนในเมืองหลวงรู้ไปทั่วกันหมด”
หยุนหว่านหนิงเข้าใจทันทีว่า ทําไมวันนี้ฮ่องเต้ถึงโกรธจัด
คนเหล่านั้นสวมชุดข้าราชการของค่ายห้ากองพล ซึ่งก็ถือเป็นตัวแทนของราชสำนัก!
ตายอยู่บนเตียงของสาวหอนางโลม ก็คือการทำลายชื่อเสียงของราชสํานัก!
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ……คนในค่ายห้ากองพล ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาที่อ่อนแอ
“หรือว่าเป็นการลอบสังหารโดยเจตนา?”
หยุนหว่านหนิงกล่าว
“ยังไม่ทราบ”
ก่อนที่โม่หุยเหยียนกับโม่ฮั่นอี่ว์ยังสอบสวนเรื่องนี้ไม่ชัดเจน โม่เยว่ก็ไม่กล้าสรุปไปมั่ว “หอนางโลมถูกตรวจสอบและอายัดไปแล้ว ผู้หญิงพวกนั้นก็ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินแล้ว”
“ข้าคิดว่าไม่นาน พี่ใหญ่กับพี่รองก็คงตรวจสอบเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว”
ดังนั้นวันนี้ตอนเขาออกจากวัง ระหว่างทางก็กำลังคาดเดาเรื่องนี้เช่นกัน
“เจ้าได้ส่งคนไปสืบสวนอย่างลับๆหรือไม่?”
หยุนหว่านหนิงถาม
“ไม่”
โม่เยว่ส่ายหัว “ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาและสร้างดินปืน ดังนั้นจึงไม่มีกําลังคนที่เหลือจากนี้ไปตรวจสอบเรื่องนี้”
อีกอย่าง เรื่องนี้ควรเป็นโม่หุยเหยียนกับโม่ฮั่นอี่ว์ที่รับผิดชอบ
ถ้าเขาเข้าไปยุ่งอีก เกรงว่าพี่ชายสองคนนี้ของเขาก็จะระวังเขาอีกครั้งแล้ว
“แล้วแต่ความสามารถของใครของมัน”
โม่เยว่พูดอย่างเฉยชาว่า “เรื่องของพวกเขาข้าไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่ค่ายเสินจีของข้า ก็ไม่ปล่อยให้ใครเข้ามายุ่งอย่างแน่นอน! ”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้พูดอะไร ในสมองยังกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาพูด
หลังจากนั้นไม่นาน นางจึงพึมพําเองว่า “ตกลงเป็นคนเช่นไร ถึงได้กล้าเช่นนี้”
“กล้าลงมือกับคนในราชสำนัก?!”
“และคนค่ายห้ากองพลเหล่านั้น ทําไมถึงเข้าออกหอนางโลมด้วยชุดข้าราชการ? นี่คือการยั่วยุกฎหมายของราชสำนักอย่างโจ่งแจ้งชัดๆไม่ใช่หรือ? ”
“ดังนั้น เรื่องนี้ถึงมีข้อน่าสงสัยมากมาย”
โม่เยว่ถือถ้วยน้ำชา เพียงถึงข้างปากก็วางลงต่อ และมองดูหยุนหว่านหนิงเหมือนคิดอะไรอยู่ “เมื่อครู่ เจ้ากับหรูอวี้คุยอะไรกันอยู่?”
“ทำไมข้าถึงกลายเป็นคนเจ้าชู้?”
หัวข้อวนกลับมาต่อ
หยุนหว่านหนิงไม่มีอารมณ์มาพูดเรื่องนี้กับเขา
ในใจของนางมีคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง และมีลางสังหรณ์เล็กน้อย:เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทสินะ!
นางมองดูโม่เยว่อย่างจริงจัง
นางสงสัยจากใจว่าเรื่องนี้เป็นโม่เยว่เป็นคน……หรือไม่ก็โม่หุยเฟิง!
เดิมทีโม่หุยเฟิงเป็นคนดูแลจัดการค่ายห้ากองพล ตั้งแต่ที่เขาเกิดเรื่อง โม่จงหรานก็ได้ส่งมอบค่ายห้ากองพลให้กับโม่หุยเหยียนกับโม่ฮั่นอี่ว์
ตอนนี้ในมือของโม่เยว่มีค่ายเสินจี โม่หุยเหยียนกับโม่ฮั่นอี่ว์มีค่ายห้ากองพล
โม่เหว่ยนอนป่วยอยู่บนเตียง โม่หุยเฟิงถูกขังไว้ในจวนอ๋องหยิง
เขานอกจากมีฉินเฉิงเซี่ยงสนับสนุน และฮองเฮาจ้าวค่อยตัดสินใจแล้ว เบื้องหลังของเขาไม่มีผู้ใดเลย ไม่มีสิ่งมีค่าใดๆ ที่จะแข่งขันกับโม่เยว่และคนอื่นๆได้
หลังจากคิดไปคิดไปมา สุดท้ายหยุนหว่านหนิงก็ถามว่า “ท่านเป็นคนทำเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”
เมื่อเผชิญกับความสงสัยของนางโม่เยว่ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“หนิงเอ๋อร์ เจ้าจะสงสัยข้าได้อย่างไร?!”
เขายิ้ม “ข้าดูเหมือนเป็นคนที่ได้ทีขี่แพะไล่หรือ?!”
“เหมือน เหมือนมากนัก! ไม่เพียงแต่เหมือน เจ้าเป็นคนเช่นนี้แหละ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
โม่เยว่:“……ข้าถือว่าเจ้ากำลังชมข้าละกัน”
“แต่น่าเสียดาย ไม่ใช่ข้า”
เขายังคงรอยยิ้มที่ดีสุภาพบนหน้าไว้ “เมื่อไหร่ที่ค่ายห้ากองพลเกิดเรื่อง เจตนารมณ์ของข้ามากที่สุด เสด็จพ่อจะสงสัยข้าเป็นคนแรก”
“เจ้าคิดว่า ข้าจะยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเองหรือ?” (ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง=คิดร้ายกับคนอื่น จึงย้อนกลับมาหาตัวเอง)
“นั่นก็จริง”
หยุนหว่านหนิงยักไหล่ “ถ้าอย่างนั้น ข้าคงเดาได้แล้วว่า ใครเป็นคนทำโม่หุยเหยียนกับโม่ฮั่นอี่ว์”
โม่เยว่มองดูนางด้วยความสนใจ “ออ? ว่ามาฟังดูสิ? “