อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่286 ใครทำให้เสด็จพ่อโกรธ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่286 ใครทำให้เสด็จพ่อโกรธ
โม่เยว่ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“นายท่าน ข้า……ข้าน้อยก็บอกไม่ถูก ท่านรีบไปดูหน่อยเถอะขอรับ!”
หรูโม่เกาหัว และพูดอย่างหมดหนทาง “หากไปช้า เกรงว่าฝ่าบาทจะรื้อถอนจวนอ๋องหมิงทิ้งจริงๆแล้ว!”
หากเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ไม่ค่อยดูนัก!
โม่เยว่ชำเลืองมองที่หยุนหว่านหนิง
บนหน้าของนางยังมีคราบน้ำตา
หยุนหว่านหนิงรีบเช็ดน้ำตา และพูดกับเขาว่า “ท่านรีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! ข้าล้างหน้าล้างตาสักครู่แล้วตามไป!”
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ตอนนี้ขอเพียงมีนางอยู่เคียงข้าง โม่เยว่ถึงจะรู้สึกสบายใจ
หลังจากผ่านเรื่องเมื่อคืนมา เขาแทบอยากจะมัดนางไว้ติดตัวตลอดเวลาเลย!
อีกอย่าง หยุนหว่านหนิง มี “วิธีที่ดี” ในการรับมือกับเสด็จพ่อ
แม้ว่าเสด็จพ่อจะโกรธมากเพียงใด ตราบใดที่มีนางอยู่……
รับรองว่าจะหายโกรธได้ในทันที!
“หากเจ้าไม่สบาย ก็ไม่ต้องลงจากเตียง ข้าไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยสั่งให้คนรับใช้มาบอกเจ้า เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างมีข้า”
โม่เยว่พยักหน้าเล็กน้อย หันหลังกลับและจากไป
เมื่อเห็นเขาและหรูโม่จากไปอย่างเร่งรีบ หยุนหว่านหนิงจึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ระหว่างร้องไห้และหัวเราะ สามารถเปลี่ยนไปมาได้อย่างชำนาญ
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของนาง หรูเยียนก็หัวเราะอย่างเงียบๆ “พระชายา ตอนนี้ท่านเชี่ยวชาญกับการรับมือกับนายท่านมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว!”
“พระชายาเก่งจังเลย! เก่งในการรับมือกับนายท่านยิ่งนัก!”
“ดังนั้น นายท่านของเจ้าชอบวิธีนี้”
หยุนหว่านหนิงพูดอย่างไม่มีความสุขว่า “จะยังไงก็เป็นเพราะฉินซื่อเสวียเป็นคนรักที่เขาไม่มีวันลืมเลือนได้”
“นาเจอเรื่องอะไรก็ฮือๆๆๆ นายท่านของเจ้ารักหยกถนอมบุปผ่า สงสารนางเป็นอย่างยิ่ง! ตอนนี้ข้าก็เป็นวิธีนี้แล้ว เจ้าคงไม่ขายข้าทิ้งสินะ?”
คงไม่ไปบอกโม่เยว่ว่า เมื่อครู่นางแค่แกล้งร้องไห้เพื่อ “รับกับ” กับเขาสินะ?
“บ่าวไม่บอกแน่นอนเจ้าค่ะ!”
หรูเยียนรีบแสดงความจงรักภักดี “ตอนนี้บ่าวเป็นคนของพระชายา”
ประโยคนี้ หยุนหว่านหนิงไม่ได้สงสัย
หรูโม่จงรักภักดีต่อโม่เยว่ จัดการยาก
ส่วนหรูอวี้ นางเพียงแค่ใช้เงิน ก็จะจงรักภักดีต่อนางแล้ว
แน่นอน เงื่อนไขแรกของการจงรักภักดีคือ สิ่งที่นางสั่งให้หรูอวี้ทำ จะไม่เป็นอันตรายต่อโม่เยว่……ไอ้หมอนี้ดูเหมือนเป็นคนเห็นเงินตาก็ลุกวาว แต่แท้จริงแล้วจงรักภักดีต่อโม่เยว่เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนหรูเยียน……
ตั้งแต่ที่หยุนหว่านหนิงช่วยชีวิตนาง ทั้งคู่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน หลังอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลาหนึ่งปี ก็จริงใจต่อนางจริงๆ
“แต่พระชายา บ่าวยังมีเรื่องจะพูด”
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงลงจากเตียง นางก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หล่อน
“ว่ามา”
“ความดีที่นายท่านปฏิบัติต่อท่าน พวกข้าทุกคนก็เห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน! มีเพียงท่านเท่านั้นที่เป็นคนโปรดของนายท่าน ต่อไปท่านอย่าพูดถึงฉินซื่อเสวียอีก”
หรูเยียนขมวดคิ้ว และพูดด้วยเสียงที่ต่ำว่า “บ่าวว่า นายท่านก็ชอบเพียงวิธีนี้ของท่านเท่านั้น!”
“หากเป็นคนอื่น ต่อให้ร้องไห้จนตาบอด และร้องไห้จนแทบขาดใจ……นายท่านก็คงไม่เหลียวแลแม้แต่นิด!”
แล้วจะทำให้เกิดความว้าวุ่นไปหมดเพียงเพราะอารมณ์ของหยุนหว่านหนิงได้อย่างไร?
ว่ากันว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์จะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่ง
ตอนนี้สภาพของหยุนหว่านหนิงและหรูเยียน ก็เหมือนดั่งคนที่อยู่ในสถานการณ์มองไม่ทะลุ คนนอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่ง
หรูเยียนยังสามารถเห็นความใส่ใจที่โม่เยว่มีต่อหยุนหว่านหนิง และความรู้สึกที่มีต่อนาง แต่หยุนหว่านหนิงเอง……รู้แก่ใจดี เพียงแค่ไม่สามารถผ่านมันมาได้เท่านั้น
“ไม่ได้พูดแล้ว”
หยุนหว่านหนิงหยุดคำพูดหรูเยียนด้วยน้ำเสียงที่เบา “เรื่องพวกนี้ ข้ารู้แก่ใจดี”
โม่เยว่ปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางรู้แก่ใจดี
“เจ้าค่ะ พระชายา”
เดิมทีหรูเยียนลังเลที่จะพูด
แต่เห็นว่าหยุนหว่านหนิงไม่ชอบฟัง นางก็ฉลาดไม่พูดอะไรต่อ หลังจากเปลี่ยนชุดให้หล่อนเสร็จ ก็ประคองหล่อนไปที่ลานหน้าบ้าน
จากระยะไกล ก็ได้ยินเสียงตะโกนของโม่จงหรานจากห้องโถงใหญ่ “ไอ้สารเลว! เป็นเพราะข้าตามใจเจ้ามากเกินไปจริงๆหรือ! ทำไมเจ้าไม่ขึ้นไปรื้อกระเบื้องหลังคาล่ะ?!” (เด็กดื้อ)=หากสามวันไม่โดนตี ต่อไปคงซนจนไปรื้อกระเบื้องหลังคาแน่)
“เรื่องแบบนี้ก็ทำออกมาได้ ข้ายังรู้สึกอายแทนเจ้าเลย!”
มีข่าวลือกันว่า:เมื่อจักรพรรดิคำราม เมืองหลวงก็ถึงกับต้องสั่นสะเทือนสามครั้ง
นี่ไงละ แม้จะค่ำคืนแล้วก็ตาม
ด้วยเสียงคำรามนี้ของโม่จงหรานแล้ว ทำเอาไฟหลายดวงในเมืองหลวงก็เปิดสว่างขึ้นอีกครั้ง
ในค่ำคืนที่มืดมิด ก็ได้ยินเพียงเสียงสุนัขเห่าจากที่ไหนไม่รู้ ก็กำลังเห่า“โฮ่งๆ”
“ดูท่าแล้ว เสด็จพ่อโกรธมากจริงๆ”
หยุนหว่านหนิงหยุดเดิน “แต่ไม่รู้ว่า เป็นโม่เยว่หรือหยวนเป่าที่ทำให้เสด็จพ่อโกรธ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้โกรธมากเช่นนี้”
ดูเหมือนว่ากำลังตำหนิโม่เยว่ ทำเรื่องไม่ดีอะไรลงไป
แต่นางคิดดูดีๆ ก็ไม่น่าเป็นโม่เยว่
เพราะตอนโม่จงหรานโกรธ โม่เยว่ยังอยู่ที่เรือนชิงหยิ่งอยู่
ก็ไม่น่าเป็นหยวนเป่า……
หยวนเป่าเป็นสุดที่รักของโม่จงหราน
แม้ว่าหยวนเป่าจะทำผิดไป โม่จงหรานก็จะยิ้มอิอิปลอบเขา จะโกรธเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ช่างเถอะ! ไปดูหน่อยเถอะ”
หยุนหว่านหนิงยิ้มแห้งๆ “หากโม่เยว่ถูกด่าจริง ข้าจะยกมือขึ้นสองข้างเห็นด้วยอย่างแน่นอน และให้เสด็จพ่อลงโทษเขาอย่างหนัก!”
หรูเยียน:“……พระชายา ท่านรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นเช่นนี้จะดีจริงๆหรือเจ้าค่ะ?”
“เพราะท่านหมดสติไป เมื่อคืนนี้จนถึงคืนนี้ นายท่านไม่เคยหลับตาเลย คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอด”
นางเป็นเดือนเป็นร้อนแทนนายท่านตัวเอง
“ก็ได้”
หยุนหว่านหนิงยักไหล่ “งั้นก็ทำหน้าทำตา ตบๆมือก็พอแล้ว จะไม่แสดงออกชัดเจนขนาดนั้น”
หรูเยียน:“……”
ขณะที่พูด นายและบ่าวก็ได้เดินเข้าไปยังห้องโถงใหญ่แล้ว
ทันทีที่เข้าประตู หยุนหว่านหนิงก็เห็นหยวนเป่าที่นั่งอยู่ข้างๆโม่จงหราน
เฮ่อ……
นางถอนหายใจลึกๆ!
ขอแค่ไม่ใช่ลูกชายโดยด่า ทุกอย่างก็ล้วนราบรื่นหมดแล้ว
เมื่อมองไปอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าคนที่คุกเข่าอยู่หน้าโม่จงหราน……มีสองคน? !
หยุนหว่านหนิงขยี้ตา คิดว่าตัวเองตาฝาดไป
แต่เมื่อมองดูดีๆอีกครั้ง เป็นคนสองคนจริงๆด้วย!
นอกจากโม่เยว่แล้ว ยังมีโม่ฮั่นอี่ว์ที่ “หน้าอวบอ้วน”!
นึกถึงคำพูดที่โม่ฮั่นอี่ว์พูดในเมื่อวานนี้ เขาทำให้โม่จงหรานโกรธ จะเอาไก่ย่างตัวหนึ่งไปขอรับโทษแด่โม่จงหราน……หยุนหว่านหนิงมองดูไก่ย่างที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างเท้าโม่ฮั่นอี่ว์……
ทันใดนั้นข้าก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น!
อ๋องฮั่นท่านนี้ ตัวใหญ่และอ้วน แถมมีความคิดที่ไม่เหมือนใครจริงๆด้วย!
บางครั้งนางอยากเปิดสมองของโม่ฮั่นอี่ว์ดูจริงๆเลยว่าข้างในมีอะไร
บางครั้ง อาจเป็นเศษอาหารทั้งหมดก็ได้มั้ง?
ท่าทางของโม่ฮั่นอี่ว์ดูน่าเวทนามาก
แม้ว่าโม่เยว่จะคุกเข่าอยู่บนพื้น แต่ออร่ากลับทำให้คนไม่สามารถเพิกเฉยได้
ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้โม่ฮั่นอี่ว์ที่อยู่ข้างๆเขาดูเหมือนคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวมากขึ้นเรื่อยๆ……ใบบนหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน บนตัวก็มีกลิ่นของไก่ย่างเต็มไปหมด
หยุนหว่านหนิงสงสัยว่า เขาเพิ่งคลานออกมาจากกองไก่ย่าง!
“ไอ้คนไม่ได้เรื่อง!”
โม่จงหรานจ้องมองโม่ฮั่นอี่ว์ด้วยความโกรธ กัดฟันด้วยความแค้นและตะโกนว่า “ก่อนหน้านี้คำแนะนำที่เจ้าสามให้นั้นไม่เลวนัก ตอนข้าแต่งตั้งตำแหน่งให้เจ้า ก็ควรแต่งตั้งให้เจ้าเป็นราชากระเพาะเหล็ก!”
นี่ถือได้ว่าเป็นการเปิดโปงรอยแผลเป็นของโม่ฮั่นอี่ว์
เขาประท้วงด้วยสีหน้าที่น้อยใจ “เสด็จพ่อ นี่ท่านด่าคนอื่นด้วยวาจาเสียๆหายๆชัดๆ!”
“ด่าคนอื่นด้วยวาจาเสียๆหายๆ? วันนี้กูยังจะลอกหนังของเจ้าทิ้งไปด้วยซะ!”
ไม่เอาไหน! !
ไอ้หมอนี่กินจนตัวเองเป็นหมูแล้ว ยังกล้ามาพูดเรื่อง “ด่าคนอื่นด้วยวาจาเสียๆหายๆ” กับเขา!
โม่จงหรานโกรธมากจนไม่เรียกตัวเองว่า “ข้า” อีกต่อไป เขาพับแขนเสื้อขึ้น และคว้าไม้ขนไก่บนโต๊ะโดยความโมโห……
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของโม่ฮั่นอี่ว์ซีดลง
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิงเข้ามาใกล้ เขาก็คลานไปที่ข้างเท้าของนาง ร้องอย่างดัง “หยุนหว่านหนิง ช่วยด้วย!”