อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่288 หัวเราะออกมาอย่างไร้ความปรานี
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่288 หัวเราะออกมาอย่างไร้ความปรานี
เห็นได้ชัดว่าโม่จงหรานไม่อยากพูดคุยกับพวกเขาสองสามีภรรยา
คุยกับพวกเขา ยังไม่ดีกว่าทะนุถนอมโอกาสที่ได้อยู่กับหยวนเป่าที่หากได้ยากนี้
เขาทำเสียงเชอะ “ไปถามท่านอ๋องของเจ้า”
จากนั้น เขาก็หันหน้าออกไปอย่างเย่อหยิ่ง
ในวินาทีต่อมา ก็ยิ้มอย่างเมตตาให้กับหยวนเป่า “หลานสุดที่รัก เสด็จปู่พาเจ้าออกไปเล่น! เจ้ายังไม่เคยไปเดินตลาดกลางคืนเลยสีนะ?อยากได้อะไรเสด็จปู่ซื้อให้เจ้า!”
หยุนหว่านหนิง:“……”
หยวนเป่าได้ยินว่าจะไปเดินตลาดกลางคืน ก็เฮ้อย่างดีใจทันที “เสด็จปู่ทรงพระเจริญ!”
วินาทีนี้ โม่จงหรานมองเขาด้วยความรักและเมตตา เป็นเพียงคุณปู่คนหนึ่งที่ธรรมดาและเมตตาต่อรักหลานชาย
ไม่มีออร่าของจักรพรรดิที่ยืนอยู่เหนือมวลชน และสำรวมตน
เมื่อเห็นว่าโม่จงหรานจะพาหยวนเป่าไปเดินเล่นตลาดกลางคืน โม่เยว่ก็รู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู
“เสด็จพ่อ! ค่ำแล้ว หากท่านเป็นอะไรไป……”
“ข้าจะเป็นอะไรไปได้? เจ้ากลัวลูกชายเจ้าเป็นอะไรมากกว่า?!”
โม่จงหรานทำเสียงเชอะ “ไว้ใจเถอะ ข้าดูเขาไว้ จะไม่เกิดเรื่องอะไรแน่นอน!”
“พวกเจ้าห้ามตามมา!”
เมื่อเห็นว่าโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงตั้งก็ยืนขึ้น ราวกับว่าจะตามพวกเขาออกไป โม่จงหรานก็มองพวกเขาด้วยความรังเกียจ “ข้าไม่อยากพาพวกเจ้าไปด้วย ยุ่งยาก!”
โม่เยว่:“……”
หยุนหว่านหนิง:“……ออ”
หยวนเป่าให้หรูอวี้หยิบหน้ากากให้เขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่จงหรานก็ครุ่นคิด “สิ่งนี้สนุกดี!”
หยุนหว่านหนิงรีบหยิบหน้ากากขนาดใหญ่ออกมาจากช่องว่าง(สิ่งที่ใช้เชื่อมต่อกับนางเอก)ทันที ลวดลายเหมือนกับหน้ากากของหยวนเป่าทุกประการ
“ข้าชอบอันนี้!”
โม่จงหรานใส่มันอย่างมีความสุข
แต่เมื่อมองไปที่แขนเสื้อของหยุนหว่านหนิง ดวงตาก็กะพริบเล็กน้อย
แขนเสื้อของอีนังหนูนี้ เป็นกระเป๋าวิเศษจริงๆหรือ?
ของอย่างหน้ากากเช่นนี้ นางก็สามารถพกติดตัวได้ด้วยหรือ?
แต่เมื่อเห็นว่าหยวนเป่าตื่นเต้นมาก โม่จงหรานก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อุ้มเขาแล้วออกไป
ดูจากภายนอกแล้ว เป็นเพียงโม่จงหรานกับหยวนเป่าออกไปเดินเล่นตลาดกลางคืน โดยมีหรูอวี้ค่อยติดตามอยู่เพียงผู้เดียว แต่ในความเป็นจริง พวกเขาพึ่งออกจากประตู……
โม่เยว่ก็สั่งให้หรูโม่นำองครักษ์ลับ ติดตามออกไปอย่างไม่ออกห่าง
ยังมีองครักษ์ลับของโม่จงหราน ก็ซ่อนตัวอยู่ข้างๆเช่นกัน
เรื่องตลก!
ผู้ที่ออกไปเดินเล่นนั้น เป็นถึงฝ่าบาทกับพระนัดดาองค์โต!
ปู่และหลานชายสองคนนี้ เป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ที่สุดในหนานจวิ้น!
ดูเหมือนชิวๆ แต่เบื้องหลังกลับมีองครักษ์ลับนับสิบคนที่ค่อยติดตามอยู่ใกล้ชิดอย่างไม่กล้ากะพริบตา มีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เหมือนดั่งนกตื่นธนู…… (นกตื่นธนู=ผู้ที่เคยตกใจหรือผ่านเหตุการณ์ร้ายมาก่อน เมื่อพบกับเหตุการณ์ก็จะรู้สึกตื่นตระหนก)
ถนนที่จอแจเจริญรุ่งเรือง เต็มไปด้วยคนทุกประเภท คนเดินทุกคนเห็นเพียงคนสองคนที่สวมหน้ากากขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าตัวตนของสองคนนี้ สูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
……
ในห้องโถงใหญ่ เหลือเพียงหยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่สองคน
โม่เยว่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “วันนี้เสด็จพ่อออกจากวัง กักขังเสด็จแม่ไว้ในตำหนักหย่งโซ่ว”
“ถึงป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับวัง คงเป็นเพราะกลัวกลับวังต้องไปเผชิญหน้ากับเสด็จแม่สินะ?”
เต๋อเฟยคลุ้มคลั่ง แม้แต่ตำหนักหย่งโซ่วก็จะต้องถูกรื้อถอนออก!
“เจ้ากับอ๋องฮั่นทำอะไรลงไปกันแน่?”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ถูกเขาเบี่ยงเบนความสนใจไป เหลือบองเขา “โม่เยว่เจ้ารู้หรือไม่ หากคืนนี้ข้าไม่ช่วยเจ้า จุดจบของเจ้าก็จะเหมือนกับอ๋องฮั่น?”
“ข้าไม่ชอบกิน ไม่เป็นไร”
โม่เยว่ยิ้ม
“เสด็จพ่ออาจไม่ลงโทษเจ้าห้ามกินก็ได้”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะ
จากนั้นโม่เยว่ก็ส่ายหัวและถอนหายใจ และเอาแขนโอบไหล่ของนางอย่างหน้าด้าน “ข้ารู้ หนิงเอ๋อร์จะไม่ยืนมองเฉยอย่างแน่นอน! เพราะข้าคือสามีของเจ้า”
“ต่อให้ใจของหนิงเอ๋อร์จะแข็งราวกับหินอย่างไรก็ตาม แต่ต่อหน้าข้า ก็เป็นหินก้อนหนึ่งที่อ่อนโยน”
เขาหัวเราะ “ดังนั้นข้าจึงไม่กังวลเลย”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วมองดูมือของเขา
ผู้ชายคนนี้ ไร้ยางอายจริงๆเลย!
ยังมีโต๊ะเล็กๆ ตัวหนึ่งอยู่ระหว่างทั้งสองคน แขนของเขายาวเกินไปแล้ว……เหมือนชะนี มีโต๊ะอยู่ระหว่างกลางยังสามารถโอบไหล่นางได้? !
หยุนหว่านหนิงเห็นเพียงเขากอดแขนของนาง
แต่กลับไม่รู้ว่า เอวของโม่เยว่กระแทกกับขอบโต๊ะแล้วเจ็บแค่ไหน
เพื่อที่จะทำให้นางยอมเปิดใจให้กับเขา เขายอมสู้ตาย!
โม่เยว่กัดฟันทนต่อความเจ็บปวดนั้น และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยากรู้ว่าข้ากับพี่รอง ทำให้เสด็จพ่อโกรธอย่างไร?”
“อืม”
หยุนหว่านหนิงหยิบถ้วยชา “เล่ามาเถอะ”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน จุดจบของพี่สามล้วนเป็นเพราะพี่รองทั้งนั้น ข้าได้หลักฐานที่เขาใส่ร้ายพี่สาม แต่ไม่ได้ส่งให้กับเสด็จพ่อ”
โม่เยว่เก็บมือ และพูดอย่างไม่ใส่ใจ
สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเปลี่ยนไป “เป็นโม่ฮั่นอี่ว์นี่เอง?!ข้านึกว่าเป็นท่านมาโดยตลอด……”
“ข้าก็มีความคิดนี้ แต่ถูกพี่รองชิงนำหน้าไปก่อน”
โม่เยว่กล่าว
หยุนหว่านหนิงตกตะลึง
ดูไม่ออกว่าราชากระเพาะเหล็กยังมีอุบายและความสามารถเช่นนี้
นางดูถูกเขาไปแล้ว!
“ทั้งๆที่เสด็จพ่อรู้ว่าโม่ฮั่นอี่ว์เป็นคนทำ แต่ก็ไม่ได้ชดเชยโม่หุยเฟิง?”
“ชดเชย?”
โม่เยว่มองนางอย่างขำ “เดิมทีพี่สามก็มิใช่ไร้ความผิดอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีพี่รองยั่วยุ เขาก็จะทำแบบนี้เช่นกัน และก็ทำไปแล้วด้วย”
โม่หุยเฟิงหาเรื่องใส่ตัวเอง ทำไมต้องชดเชยด้วย? !
“ออ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า “ไม่น่าแปลกใจที่เสด็จพ่อเพียงแค่ลงโทษโม่ฮั่นอี่ว์ ให้เขาอดอาหารสักพัก”
ที่แท้เป็นเพราะเดิมทีโม่หุยเฟิงก็มีความผิดอยู่แล้ว โม่ฮั่นอี่ว์เพียงแค่มีส่วนในการหนุนคลื่นลมให้สูงเท่านั้น…… (หนุนคลื่นลมให้สูง=ทำให้ปัญหาหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นยิ่งแย่ไปกว่าเดิม)
สำหรับโทษฐานที่โม่เยว่ “จงใจปกปิด” โม่จงหรานก็เห็นแก่หน้าหยุนหว่านหนิงและหยวนเป่า ไม่เอาเรื่องเขา
“เสด็จพ่อรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?พวกท่านควรปิดบังเอาไว้อย่างดีเลยไม่ใช่หรือ”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วถาม
“พี่รองพูดหลุดปาก”
เมื่อพูดถึงโม่ฮั่นอี่ว์ โม่เยว่ก็ทำท่าทางเหมือนเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้มันเป็นเหล็กกล้าได้ (เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้=ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่าน ของผู้ที่ตนหวังไว้)
เขาสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นตอนอยู่ในห้องทรงพระอักษร โม่ฮั่นอี่ว์ก็เผลอหลุกปากพูดออกมา……ไม่รอโม่จงหรานได้ไถ่ถามถึงความผิด เขาก็หันหลังกลับและวิ่งหนีไปเลย!
สองวันมานี้ ซ่อนตัวเอาไว้ไม่กล้าเข้าวัง
เดิมทีคืนนี้มาจวนอ๋องหมิงเพื่อทานอาหารเย็น แต่ใครจะไปรู้ว่าพึ่งเข้าประตูเห็นว่าโม่จงหรานก็อยู่
โม่ฮั่นอี่ว์ก็อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้นจึงจำต้องอุ้มไก่ย่างเข้ามาขอรับโทษ……
หลังจากถูกหยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะเย้ยในเมื่อวานนี้ เขาก็รู้ว่าหากอุ้มไก่ย่างเข้ามาขอรับโทษ คงต้องถูกเสด็จพ่อตีจนกลายเป็นไก่ย่างแน่นอน
ดังนั้นไก่ย่างตัวนี้ จึงเป็นอาหารที่เขานำมากับแกล้ม
คืนนี้ยังรอให้หยุนหว่านหนิงทำอาหาร พวกเขาจะไม่เมาไม่กลับ
แต่ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้พอดี เสบียงอาหารในครึ่งปีนี้ก็หมดไปเลย!
“เมื่อนึกถึงโม่ฮั่นอี่ว์ที่เวทนาเช่นนี้ เหตุใดข้าจึงมีความสุขเยี่ยงนี้”
หยุนหว่านหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
นางทำอย่างไรไร้ความปรานีเกินไปหรือเปล่า?
แต่โม่ฮั่นอี่ว์ตลกจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……
เมื่อเห็นว่าหยุนหว่านหนิงหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนี้ อารมณ์ของโม่เยว่ก็ได้รับผลกระทบจากนาง ก็หัวเราะตาม ทั้งสองหัวเราะอยู่ดีๆ หรูอวี้ก็กลับมา “นายท่าน ฝ่า่บาทสั่งให้ข้าน้อยกลับมา เชิญท่านออกไปสักครู่!”
“ไปไหน?”
โม่เยว่เก็บรอบยิ้ม
“ฝ่าบาทบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
โม่เยว่สับสน เวลานี้แล้วเสด็จมีอะไรจะคุยกับเขา?
แต่ฝ่าบาทมีคำสั่ง เขาก็ทำได้เพียงลุกขึ้น “หนิงเอ๋อร์ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน ไม่ต้องรอข้ากับหยวนเป่ากลับมา”
มีเขากับโม่จงหรานอยู่ หยุนหว่านหนิงก็ไม่ต้องเป็นห่วงหยวนเป่า
ในทางตรงกันข้าม การที่โม่เยว่ออกจากจวน ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับนางเช่นกัน
แม้ว่าโม่จงหรานจะไม่ได้สั่งให้หรูอวี้มาเชิญ นางก็จะหาโอกาสดีๆแล้วหลอกโม่เยว่จาดไปเช่นกัน
นางยังเรื่องที่ต้องแอบสืบสวนให้ชัดเจน……
ทันทีที่โม่เยว่พึ่งจากไป หยุนหว่านหนิงก็ออกจากจวนอ๋องหมิงเช่นกัน
ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่ออกจากจวงอ๋องหมิง ก็ถูกคนห้ามเอาไว้ “หนิงหนิง……”